จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1479

สรุปบท บทที่ 1479 เมืองโม่: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 1479 เมืองโม่ – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

ตอน บทที่ 1479 เมืองโม่ ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ได้ยินที่หลินหยุนพูด จินเอี้ยนก็พลันพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่ลำบากใจ “เรื่องนี้......สหาย ของสิ่งนี้ฉันไม่มีจริง ๆ แหวนเก็บของของฉันก็อยู่ที่นี่ สหายสามารถตรวจค้นได้เลย! ”

“แต่ว่า แผนที่นี้ ไม่ใช่สิ่งของที่หายาก! ”

“สหายไปที่เมืองชิวซาน ไม่ว่าในตลาดแห่งไหนก็หาซื้อได้โดยทั่วไป! ”

หลินหยุนพยักหน้า ไม่พูดจาอะไร ช่วงสามวันตอนที่อยู่เมืองชิวซานนั้น เขาเคยได้ไปตลาดใหญ่กี่แห่งนั้นมาทั้งหมดแล้ว

แผนที่มีจำหน่ายอยู่จริง

แต่ไม่ใช่ในแบบที่เขาต้องการ

หลินหยุนเก็บแหวนเก็บของของจินเอี้ยนขึ้น จากนั้นก็ลุกขึ้นและพูดว่า “ฉันพูดไว้แล้วว่า หากนายตอบคำถามของฉัน ฉันก็จะพิจารณาไว้ชีวิตของนาย ฉันพูดจริงทำจริง! ”

ได้ยินหลินหยุนพูดแบบนั้นแล้ว จินเอี้ยนก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับรีบคำนับต่อหลินหยุนและพูดว่า “ขอบคุณสหายที่ไว้ชีวิต! ขอบคุณสหายอย่างมาก ฉันพูดจริงทำจริง ไม่ว่าสหายจะเสนอเงื่อนไขอะไร เพียงแค่ฉันสามารถทำได้ ก็จะตอบตกลงทำตามอย่างแน่นอน! ”

หลินหยุนพูดขึ้นว่า “อย่าได้ร้อนใจไป ฉันแค่พูดว่าฉันจะพิจารณา ตอนนี้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว! ฉันจะไม่สังหารนาย แต่ว่า......นายจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ไหม ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว! ”

เมื่อพูดจบ หลินหยุนก็ยื่นมือออกมาจับตัวของจินเอี้ยน แล้วออกแรงโยนไปที่หนองน้ำใหญ่

ทันใดนั้น กลิ่นอายพลังที่อยู่ภายในหนองน้ำก็โหมกระหน่ำขึ้นทันที

หลินหยุนส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา หันหลังแล้วก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ

เขาไม่ใช่พุทธศาสนิกชน

และยิ่งไม่ใช่พระแม่เจ้า

สำหรับคนอย่างจินเอี้ยนนี้ ไม่จำเป็นต้องออมมือ

หลินหยุนมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก

เมืองโม่ อยู่ห่างจากเมืองชิวซาน ค่อนข้างไกลพอสมควร

เขาเองไม่อาจจะปล่อยให้ฉินหลันอยู่ในภูเขาคนเดียวตามลำพังได้

เมื่อเขาออกจากที่นี่ไปไม่นานนัก สำนักหั่วหลิงที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองชิวซาน ไกลออกไปประมาณหนึ่งหมื่นลี้นั้น ท่ามกลางห้องที่สงบเงียบแห่งหนึ่ง ดวงตาที่แก่ชราคู่หนึ่งก็พลันลืมตาขึ้นมาแล้ว

จากนั้น เจตนาสังหารอันทรงพลังไร้เทียมทาน ก็ปะทุขึ้นจากดวงตาคู่นั้น

“เอี้ยนเอ๋อร์! ”

“ไม่ว่าแกจะเป็นใคร กล้าที่จะสังหารหลานชายของฉัน ฉันจะต้องสังหารและฉีกร่างของแกออกเป็นชิ้น ๆ ให้ได้อย่างแน่นอน! ”

พูดจบ ชายชราก็เคลื่อนตัว หายวับไปท่ามกลางห้องที่สงบเงียบนั้น

หลินหยุนไม่รับรู้เรื่องดังกล่าวนี้

เวลานี้เขาใกล้ที่จะถึงหุบเขานั้นแล้ว

แม้ว่าหุบเขาจะค่อนข้างลึกลับ และยังมีค่ายกลที่ตนเองจัดวางเอาไว้ แต่หลินหยุนก็ยังไม่ค่อยวางใจเท่าไร!

ดังนั้นจึงเพิ่มความเร็วจนถึงขีดสุด

ไม่กี่วันต่อมา

หลินหยุนก็เหาะเหินลงมาที่ด้านนอกของวิมาน

ฉินหลันที่อยู่ภายในวิมานนั้น เมื่อเห็นเงาร่างของหลินหยุน ก็ตื่นเต้นดีใจวิ่งออกมาทันที พร้อมกับกระโจนเข้าที่อ้อมอกของเขา

“เสี่ยวหยุน ในที่สุดนายก็กลับมาแล้ว! ”

“พี่ฉินหลันคิดถึงฉันขนาดนี้เลยเหรอ? ”

หลินหยุนแกล้งพูดล้อเล่น แล้วฉินหลันก็ออกมาจากอ้อมอกของเขาทันที และจ้องมองไปที่เขา แต่หลินหยุนนั้นสามารถที่จะมองเห็นถึงความกังวลลึก ๆ ในแววตาของเธอได้

หลินหยุนหัวเราะฮ่าฮ่า และพูดขึ้นว่า “ที่จริงแล้วฉันเองก็เป็นห่วงพี่ฉินหลันมากเช่นกัน ดังนั้นเมื่อทำภารกิจเสร็จแล้วก็รีบกลับมาในทันที! ”

ฉินหลันพูดขึ้นว่า “แบบนี้ถือว่าพอได้หน่อย! ”

หลินหยุนสูดหายใจลึก และหุบรอยยิ้มลง พร้อมกับมองไปที่ฉินหลันและพูดว่า “พี่ฉินหลัน พวกเราไม่อยู่ที่นี่กันต่อแล้ว จะต้องไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ชื่อว่าเมืองโม่”

ฉินหลันตกใจ และพูดว่า “เมืองโม่? ”

หลินหยุนพยักหน้า และพูดขึ้นว่า “ค่อนข้างไกลพอสมควร จึงไม่วางใจที่จะปล่อยให้คุณอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว! ดังนั้นพี่ฉินหลันจะต้องไปพร้อมกันกับฉันด้วย! ”

ฉินหลันได้ยินดังนั้น ก็มองไปยังดอกไม้และของอื่น ๆ ที่ตนเองเพิ่งจะประดับตกแต่งภายในวิมาน โดยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ

หุบเขาแห่งนี้ วิมานแห่งนี้ ถือว่าเป็นบ้านหลังแรกของเธอหลังจากที่มาถึงโลกใหม่นี้

แต่บ้านหลังนี้ยังอยู่ได้ไม่ทันถึงครึ่งเดือน ก็จะต้องจากไปแล้ว

พูดจากใจจริงแล้ว เธอเองก็ยังคงไม่อยากที่จะจากไป

แต่เธอก็รู้ดีว่า ภารกิจของหลินหยุนมีความสำคัญยิ่งกว่า

จึงได้พยักหน้าและพูดขึ้นว่า “ตกลง แล้วพวกเราจะออกเดินทางกันเมื่อไร? ”

หลินหยุนเองก็เข้าใจถึงสภาพจิตใจของฉินหลันเป็นอย่างดี จึงได้เดินเข้าไปโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมอกอีกครั้ง และพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “สิ่งของทุกอย่างในที่แห่งนี้พวกเราสามารถนำติดตัวไปได้ทั้งหมด พวกเราค่อยหาสถานที่แห่งใหม่แล้วประดับตกแต่งขึ้นอีกครั้ง”

คนทั่วไป ไม่กล้าที่จะหยุดยืนอยู่หน้าประตูของตระกูลโม่เป็นเวลานาน

แต่วันนี้ ที่หน้าประตูตระกูลโม่กลับมีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกัน

ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันอย่างผิดปกติ

หลินหยุนก้าวเดินเข้าไป หาคนผู้หนึ่ง แล้วก็สอบถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

แท้จริงแล้ว นี่คือวันรับสมัครคนรับใช้ชายของตระกูลโม่ที่จะจัดขึ้นในทุกสามปี

เพียงแค่มีรากทิพย์ที่สามารถบำเพ็ญฝึกฝน อีกทั้งมีพรสวรรค์ที่พอใช้ได้ และอายุไม่มาก ก็สามารถที่จะเข้าร่วมสมัครได้

นี่ถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งของเมืองโม่แล้ว

แทบทุกคน ต่างก็ภาคภูมิใจที่สามารถเข้าสู่ตระกูลโม่ และกลายเป็นคนรับใช้ชายของตระกูลโม่

หลินหยุนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก็เข้าใจทั้งหมดได้แล้ว

ตระกูลโม่แห่งนี้แม้ว่าจะไม่ใช่สำนัก

แต่การดำรงอยู่แบบนี้ ที่จริงแล้วก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับสำนักเลย

การรับสมัครคนรับใช้ชายก็คือการรับสมัครลูกศิษย์โดยทางอ้อม

อีกทั้งยังจะต้องมีการคัดเลือกกันอย่างเข้มงวด

หลังจากที่หลินหยุนมองดูอย่างละเอียดอยู่สักครู่หนึ่งแล้ว ก็หันหลังเดินกลับไปที่โรงเตี๊ยม

ตระกูลโม่มียอดฝีมือขั้นจิตปฐมเป็นผู้ปกป้องอารักขา ซึ่งตอนนี้เขาคงไม่สามารถที่จะบุกเข้าไปได้อย่างเด็ดขาด

จากที่จินเอี้ยนเคยพูดเอาไว้ว่า

เจ้าบ้านตระกูลโม่ ในอดีตเคยได้รับสมบัติล้ำค่าสูงสุดที่สามารถใช้หลอมยาทองระดับฟ้าได้

โดยไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนบ้างหรือไม่

ถ้าหากเป็นเพียงแค่สมบัติล้ำค่าสูงสุดที่สามารถใช้หลอมยาทองระดับฟ้า สำหรับคนอื่นแล้ว บางทีอาจจะเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดเลย แต่สำหรับหลินหยุนนั้น มันยังคงไม่เพียงพอ!

เขาต้องการที่จะหลอมยาทองหวูซ่างระดับเทพ!

แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ เขาก็ต้องนำสมบัติล้ำค่าสูงสุดมาอยู่ในมือให้ได้เสียก่อน จึงสามารถที่จะตัดสินได้!

ดังนั้น โอกาสครั้งนี้ก็ไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์