ตอน บทที่ 1480 คุณหนูโม่ จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1480 คุณหนูโม่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
แต่ว่า เขาจำเป็นต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนและละเอียดจริง ๆ เสียก่อน จึงสามารถระบุได้ว่าจะลงมือกระทำการอย่างไรต่อไป
สมบัติล้ำค่าสูงสุดชิ้นนั้นได้ตกเป็นของตระกูลโม่ไปนานหลายปีแล้ว
หากถูกนำไปใช้แล้ว ก็ไม่ต้องวางแผนการอะไรต่ออีก
แน่นอนว่า สมบัติล้ำค่าสูงสุดนั้นไม่ใช่ว่าผู้ใดคืดจะใช้ก็สามารถที่จะใช้ได้สักหน่อย!
เพราะว่านั่นเป็นถึงสมบัติล้ำค่าที่ใช้สำหรับการหลอมยาทองระดับฟ้า
ตอนนี้ดูเหมือนว่า ดาวไกอาก็วิเศษจริงๆ
เดิมทีหลินหยุนนั้นไม่กล้าที่จะคาดหวังอะไรมากในการหลอมยาทองระดับเทพ ได้แค่รอดูต่อไปทีละก้าว ๆ
คิดไม่ถึงว่าในดาวไกอา โลกคุนชาง จะสามารถหลอมยาทองครั้งที่แปดจนสำเร็จได้
หากมองในมุมของโชคชะตา นั่นแสดงว่าชาตินี้มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะสามารถหลอมยาทองหวูซ่างระดับเทพได้สำเร็จ
แต่การหลอมยาทองครั้งสุดท้ายนี้ คงจะไม่ง่ายอย่างแน่นอน
จุดนี้เอง หลินหยุนก็ได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว
คิดถึงตรงจุดนี้ หลินหยุนก็เงยหน้ามองไปที่ฉินหลัน และพูดขึ้นว่า “พี่ฉินหลัน พี่อยู่ที่นี่นะ ฉันจะออกไปสำรวจค้นหาข้อมูลอีกสักหน่อย”
ฉินหลันพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “นายไปเถอะ แต่จะต้องระมัดระวังในทุกเรื่องด้วย ฉันรอนายกลับมา! ”
ฉินหลันในตอนนี้ ขาดความรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างมาก
แทบทุกครั้งที่หลินหยุนจากไป เหมือนจะต้องพบเจอกับอุปสรรคอันตรายอย่างไรอย่างนั้น
แม้ว่าหลินหยุนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ทำได้เพียงพยักหน้าและพูดว่า “พี่ฉินหลันวางใจเถอะ ไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก! ”
หลินหยุนออกจากโรงเตี๊ยม แล้วก็หาโรงเหล้าที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไป
โรงเหล้านี้มีชื่อว่าจับดาว
พูดได้เลยว่า ชื่อนี้ดูยิ่งใหญ่อย่างมาก
นี่คือโรงเหล้าสุดหรูหราของเมืองโม่ที่ใหญ่โตแห่งนี้แล้ว
ขณะที่เดินเข้าไป ก็มีพนักงานใบหน้ายิ้มแย้มเข้ามาต้อนรับ โดยที่ไม่ได้เห็นว่าหลินหยุนแต่งกายธรรมดา แล้วแสดงกิริยาท่าทางที่เพิกเฉยหรือเหยียดหยามแต่อย่างใด
หลินหยุนเองก็ไม่ได้ขึ้นไปชั้นบนเพื่อต้องการห้องพิเศษอะไร
โดยกวาดสายตามองไปที่บริเวณห้องโถงชั้นหนึ่ง
มีคนจำนวนไม่น้อย อีกทั้งต่างก็กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องของตระกูลโม่รับสมัครคนรับใช้อย่างคึกคัก
หลินหยุนหาที่นั่งแล้วก็นั่งลง
จากนั้นก็ได้สั่งอาหารเครื่องเคียงมาสองสามอย่าง และเริ่มต้นตั้งใจฟังรายละเอียดการพูดคุยกันของผู้คนบริเวณโต๊ะรอบข้าง
เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาไม่เลว และการแต่งกายก็พอใช้ได้กำลังเงยหน้าดื่มเหล้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ทุกท่านทราบกันไหมว่า ทำไมการรับสมัครคนรับใช้ชายของตระกูลโม่ในครั้งนี้ ถึงได้คึกคักเป็นที่สนใจกันถึงขนาดนี้ด้วย? ”
ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งที่เหมือนจะไม่ใช่คนของเมืองโม่ ได้ยินดังนั้นก็ถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่า “พี่ถัง เป็นเพราะเหตุใดเหรอ? ”
ชายหนุ่มแซ่ถังผู้นั้นหัวเราะเหอะเหอะและพูดขึ้นว่า “ง่ายมาก ที่จริงแล้วก็มีเพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คือการคัดเลือกคนรับใช้ชายตระกูลโม่ในครั้งนี้ มีคุณหนูโม่ เป็นทั้งพิธีกร และเป็นคนคัดเลือกด้วยตัวเอง! ”
เมื่อพูดจบ ทุกคนในโต๊ะตัวหนึ่งต่างก็เบิกตาโพลง จากนั้นก็ตื่นเต้นดีใจขึ้น “พี่ถัง ที่นายพูดนี้เป็นความจริงเหรอ? ”
แม้แต่คนอีกสองโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง ต่างก็ถูกชายหนุ่มแซ่ถังดึงดูดความสนใจ มองกันมายังโต๊ะตัวนี้ทั้งหมด
ชายหนุ่มแซ่ถังยกแก้วเหล้าขึ้น ยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับลุกยืนขึ้นและพูดว่า “เป็นความจริงแน่นอน ดูเหมือนว่าทุกท่านต่างก็เคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูโม่คนนี้กันมาก่อน! ”
ชายหนุ่มอ้วนเตี้ยที่ใบหน้าอ้วนกลมคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะด้านข้างได้ยินดังนั้น ก็ส่งเสียงฮึและพูดขึ้นว่า “ไร้สาระ ชื่อเสียงของคุณหนูโม่ในละแวกเมืองโม่ ทั่วทั้งภาคเหนือ ไปจนถึงโดยรอบแคว้นน้ำแดง จะมีสักกี่คนที่ไม่รู้จัก มีสักกี่คนที่ไม่เคยได้ยินล่ะ? ”
ชายหนุ่มแซ่ถังพูดขึ้นว่า “แม้ว่าทุกท่านต่างก็เคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูโม่ แต่คาดว่าคงจะไม่เข้าใจเรื่องราวของคุณหนูโม่กันมากเท่าไร วันนี้ฉันจะเล่าให้กับทุกคนฟังอย่างละเอียดเอง”
ชายหนุ่มแซ่ถังเงยหน้าดื่มเหล้าที่อยู่ในแก้ว และก็พูดขึ้นว่า “คุณหนูโม่มีอายุยี่สิบปี ห้าปีก่อนหน้านั้นได้รับความสนใจจากนิกายวิญญาณบริสุทธิ์ต้องการที่จะรับเข้าสำนัก”
“แต่พอดีในตอนนั้นแม่ของหล่อนป่วยและได้เสียชีวิตลง ดังนั้นจึงต้องอยู่ไว้ทุกข์ที่บ้าน”
“จนถึงวันนี้ครบห้าปีพอดี”
“ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ตระกูลโม่จะรับสมัครคนรับใช้ชาย ในขณะเดียวกันยังจะเป็นงานฉลองวันเกิดของเจ้าบ้านตระกูลโม่ด้วย”
“พูดถึงเจ้าบ้านตระกูลโม่คนปัจจุบันนี้ ก็เป็นหนึ่งในคนรับใช้ชายที่เข้ามาในตระกูลโม่! ”
“โดยตอนหลังจึงได้เปลี่ยนไปใช้แซ่โม่! ”
“ไม่อย่างนั้นพวกนายคิดว่า การที่ตระกูลโม่รับสมัครคนรับใช้ชาย ทำไมถึงได้มีผู้คนมาเข้าร่วมมากมาย ราวกับฝูงปลาคาร์ฟที่ว่ายฝ่าแม่น้ำเลยทีเดียวล่ะ? ”
“เพราะนี่คือโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงยกระดับสถานะของตนเองได้! ”
“ต่อให้จะไม่ได้แต่งงานกับชายหรือหญิงของตระกูลโม่ แต่ก็ยังคงถือว่ามีอนาคตที่สดใสไร้ขีดกำจัดเลยทีเดียว! ”
“โดยที่ไม่ต่างอะไรกับการเข้าสู่นิกายวิญญาณบริสุทธิ์ สำนักพยัคฆ์ และสำนักหั่วหลิง เพื่อเป็นลูกศิษย์! ”
คนเหล่านี้ต่างก็ไม่ใช่คนในเมืองโม่อย่างแน่นอน
พลังบำเพ็ญที่มีอยู่ก็ไม่ถือว่าสูงมากนัก
แม้แต่ขั้นยาทองก็คงไม่น่าจะถึง
ดังนั้นจึงไม่มีทางทราบเรื่องราวเหล่านี้อย่างแน่นอน
กลับตรงกันข้ามที่ว่าชายหนุ่มแซ่ถังคนนี้ ที่ขาดอีกเพียงขั้นเดียวก็จะบรรลุพลังบำเพ็ญขั้นแดนยาทองแล้ว
อีกทั้งยังเป็นคนของเมืองโม่ด้วย
จึงทำให้รับทราบเรื่องราวเหล่านี้ค่อนข้างมาก
หลินหยุนรับฟังอยู่ด้านข้าง โดยอดไม่ได้ที่จะมีความสงสัยอยู่บ้าง
โดยคิดไม่ถึงว่าตระกูลโม่จะมีการดำรงอยู่แบบนี้
ซึ่งน่าแปลกผิดปกติพอสมควร
ตระกูลที่มีสถานะสูงศักดิ์ระดับนี้ การแต่งงานของชายและหญิงในตระกูลนั้น หากว่าไม่ไปยุ่งเกี่ยวสักเท่าไร ก็ถือว่าพอเข้าใจได้
แต่นี่ไม่ใช่ว่าไม่ยุ่งเกี่ยว กลับกลายเป็นใช้วิธีการอย่างอื่นที่ทุกคนยากจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิง
คิดถึงตรงจุดนี้ หลินหยุนกลับยิ่งเกิดความรู้สึก อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตระกูลโม่นี้มากขึ้นแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...