จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1483

สรุปบท บทที่ 1483 ลำแสงสีแดงทะยานสู่ท้องฟ้า: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 1483 ลำแสงสีแดงทะยานสู่ท้องฟ้า จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1483 ลำแสงสีแดงทะยานสู่ท้องฟ้า คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

สถานที่ทำการทดสอบ อยู่ภายในขอบเขตของลานส่วนที่หนึ่งของคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลโม่

คฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลโม่หลังนี้ เป็นคฤหาสน์ที่แบ่งออกเป็นเก้าส่วนครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก

แค่จินตนาการก็เห็นภาพแล้วว่า ตระกูลโม่มีขนาดใหญ่มากแค่ไหน!

สำหรับการทดสอบรายการแรกก็ง่ายดายมาก ซึ่งได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

โดยเหมือนกับก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ทะเลสาบเยว่หยา ที่หลินหยุนทำการขยายสำนักคุนชางนั้น

ตรงใจกลางของลานกว้าง ได้จัดวางหินศิลาสีดำก้อนหนึ่งที่มีความสูงขนาดครึ่งตัวคน

คนจำนวนนับหมื่นได้แบ่งเข้าแถวออกเป็นสิบกว่าแถว เพื่อรอเข้ารับการทดสอบ

การทดสอบของแต่ละคนนั้นง่ายดายมาก ก็คือมุ่งมั่นตั้งใจรวบรวมพลังทั้งหมดของตนไว้ที่ฝ่ามือ

จากนั้นก็นำฝ่ามือไปสัมผัสที่หินศิลาสีดำนั้น

โดยที่บนหินศิลาจะเกิดเป็นสีแดงสีส้มสีเหลืองหรือสีเขียวซึ่งเป็นสีที่แตกต่างกันออกไป

แต่ละสีก็จะแสดงออกถึงความหมายที่แตกต่างกัน

คนกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ จะปรากฏขึ้นเป็นสีขาวอ่อน ๆ

พวกคนเหล่านี้จึงถูกคัดออกไปโดยทันที

มีบางคนที่ทำให้หินศิลาปรากฏสีเหลืองอ่อน สีแดงอ่อน ซึ่งชัดเจนว่าได้มีการยกระดับขึ้นหนึ่งหรือสองขั้น

แต่ก็ต้องถูกคัดออกไปทั้งหมดเช่นกัน

มีเพียงแค่ผู้ที่ทำให้ปรากฏเป็นสีแดงเข้ม จึงจะถูกคัดเลือกเอาไว้

สำหรับผู้ที่สามารถทำให้หินศิลาปรากฏสีแดงเข้มนั้น ในจำนวนหนึ่งพันคนไม่มีใครสามารถทำได้เลยแม้แต่คนเดียว

สามชั่วโมงผ่านไป

ในที่สุดก็ถึงคราวของหลินหยุนแล้ว

เห็นหลินหยุนเดินขึ้นมา ยืนอยู่ด้านข้างของหินศิลา ชายชราคนหนึ่งที่เป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบผลการคัดเลือก ก็พูดกับหลินหยุนด้วยเสียงหนักแน่นว่า “รวบรวมพลังทั้งแรงกายและแรงใจ แล้วนำมือไปวางไว้ที่หินศิลานั้น! และรอคอยผลลัพธ์! ”

หลินหยุนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็นำมือไปวางไว้บนหินศิลานั้น

ชั่วครู่เดียว ลำแสงสีแดงได้พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับส่องสว่างขึ้นบนหินศิลานั้น

ต่อมา หินศิลาก็เริ่มแตกร้าวขึ้น

หลินหยุนรีบดึงมือกลับออกมา

เวลานี้ ทุกคนต่างก็ส่งเสียงอุทานกันขึ้นด้วยความตื่นตกใจ

ชายชราที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก

เขาสามารถที่จะรับรู้ได้ว่า หลินหยุนเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่มีพลังบำเพ็ญ

แต่หินศิลานี้ไม่ได้ใช้ทดสอบในด้านของพลังบำเพ็ญ แต่ใช้ทดสอบความแข็งแกร่งของรากทิพย์!

รากทิพย์ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไร พรสวรรค์ก็ยิ่งจะแข็งแกร่งมากเท่านั้น

ในขณะนั้นเอง บนหอสามชั้น ภายในลานบ้านส่วนที่หนึ่ง ที่อยู่ไกลออกไปจากสถานที่ทดสอบ มีผู้อาวุโสคนหนึ่งที่รูปร่างผอมบาง มีผมและเคราสีขาว ที่กำลังอยู่กับหญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงิน

เวลานี้ ผู้อาวุโสกับหญิงสาวทั้งสองคนก็กำลังจ้องมองมายังสถานที่ทดสอบ

ขณะที่ลำแสงสีแดงเข้มส่องสว่างพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แววตาของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังของหญิงสาว มีพลังบำเพ็ญที่สูงส่ง และไม่เปิดเผยกลิ่นอายลมหายใจ แต่เวลานี้ก็ถึงกับสูดหายใจลึก และพูดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวว่า “นี่มัน......คุณหนู คนผู้นี้มีพรสวรรค์อย่างมาก เหนือจินตนาการเหลือเกิน! ”

หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงิน มีผ้าคลุมหน้า เผยเพียงแค่คู่ดวงตาสีดำที่งดงามเท่านั้น

แม้ว่าจะมองไม่เห็นรูปลักษณ์ใบหน้าของเธอ

แต่เพียงแค่คู่ดวงตาที่งดงามนี้ ก็สามารถจินตนาการได้เลยว่า นี่คงจะเป็นหญิงสาวพราวเสน่ห์ ที่มีรูปลักษณ์ที่สวยสง่างดงามอย่างแน่นอน

ลำพังแค่คู่ดวงตา ก็สวยงามถึงขั้นที่ไม่สามารถอธิบายได้แล้ว

เวลานี้ คนนับหมื่นที่เข้าร่วมทดสอบ รวมถึงผู้คนที่มาร่วมชมการทดสอบนั้น ต่างก็พากันเบิกตาโพลง หันมองไปยังหลินหยุนด้วยความเหลือเชื่อ

“พระเจ้า คนผู้นี้เป็นใคร? ”

หลินหยุนเพียงแค่ยกมือแสดงความเคารพพวกเขาเหล่านั้น จากนั้นก็หาที่ว่างแล้วนั่งลง

หญิงรับใช้ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็รีบเข้ามารินน้ำชาให้ทันที

สายตาของกี่คนนั้นต่างจับจ้องมาที่หลินหยุน ชายหนุ่มในชุดคลุมสีแดงคนหนึ่งในนั้นที่มีท่วงท่าที่ไม่เลวได้ยกมือแสดงความเคารพต่อหลินหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร? ส่วนฉันหยูเฮ่อแห่งตระกูลหยูในเมืองโม่”

หลินหยุนพูดขึ้นว่า “หลินหยุน! ”

เห็นว่าหลินหยุนตอบคำถาม หยูเฮ่อก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ที่จริงแล้วก็คือพี่หลินเองเหรอ เมื่อครู่นี้พวกเราต่างก็เห็นกันทั้งหมดแล้ว การทดสอบของพี่หลิน เกิดลำแสงสีแดงทะยานพุ่งขึ้นฟ้า สว่างจ้าอย่างน่าทึ่ง! ทำให้พวกเราต่างพากันอิจฉาเลยทีเดียว! ”

หลินหยุนได้ยินดังนั้น ก็ส่ายศีรษะ และพูดว่า “ก็แค่การทดสอบรายการแรกก็เท่านั้น ผลสอบในรอบหลัง ยังไม่ทราบเลย”

ได้ยินหลินหยุนพูดขึ้นแบบนี้ ชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีเขียว รูปร่างค่อนข้างผอม และไม่ค่อยสูงนักที่อยู่ด้านข้างของหยูเฮ่อก็ได้พูดขึ้นแบบติดตลกว่า “พูดได้ไม่เลวเลย! ในรอบแรกเพียงแค่ทดสอบรากทิพย์ หากจะบอกว่าสำคัญมันก็สำคัญ หากบอกว่าไม่สำคัญ มันก็เท่านั้นเอง”

“ฉันได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้เหมือนจะเคยมีปรากฏบุคคลแบบหลินหยุนนี้มาก่อนด้วย”

“รอบแรกทดสอบรากทิพย์ ลำแสงสีแดงเจิดจ้าสว่างไสว! ”

“ทำให้เกิดการครึกโครมฮือฮาขึ้นเป็นอย่างมาก”

“แต่เมื่อมาถึงรอบที่สองและรอบที่สาม เพราะว่าเป็นรากทิพย์ผสม สุดท้ายก็ไม่สามารถผ่านการทดสอบได้”

ชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีเขียวนี้ แสดงออกถึงการอิจฉาริษยาไม่น้อย กับการที่หลินหยุนสร้างความครึกโครมฮือฮาขึ้นเมื่อสักครู่นี้

ดังนั้นการพูดจาก็จะแฝงไปด้วยความหมายที่เสียดสีเหน็บแนมอยู่บ้าง

เมื่อคนผู้นี้พูดแบบนี้ออกมา อีกกี่คนที่เหลือนั้นก็ไม่มีใครรับไม้ต่อ

ทุกคนไม่ใช่ว่าจะโง่เขลา ต่างก็ฟังออกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดดังกล่าว

กลับเป็นหยูเฮ่อที่รีบพูดขึ้นว่า “ฉันว่าพี่หลินน่าจะผ่านการทดสอบอีกสองรอบที่เหลืออยู่ได้แน่ ใช่แล้วพี่หลิน ฉันจะขอแนะนำพวกเขาให้รู้จักสักเล็กน้อย ในเมื่อพวกเราต่างก็ผ่านการทดสอบรอบแรกกันแล้ว การทดสอบอีกสองรอบที่เหลือคงน่าจะผ่านได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งนับจากนี้ไปพวกเราคงจะต้องปฏิบัติงานร่วมกันแล้ว”

ขณะที่พูด ก็ชี้ไปยังชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีเขียวที่พูดขึ้นเมื่อสักครู่นี้พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ผู้นี้ก็เป็นคนของเมืองโม่ มีชื่อว่าอู๋ชิ่ง มาจากตระกูลอู๋ ส่วนคนที่อยู่ด้านข้างพี่อู๋ก็คือหลี่จิ้ง......”

หลินหยุนพยักหน้า ถือว่าเป็นการทักทาย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม

ในขณะเดียวกัน ก็มีอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาจากประตูบานนั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์