นั่นคือหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง
มองดูแล้วรู้สึกเหมือนว่าจะเป็นคนที่อ่อนโยน
อีกทั้งภายในร่างกายก็ไม่มีการเคลื่อนไหวของพลังทิพย์ที่ชัดเจน
เมื่อมาถึง ก็ได้พยักหน้าทักทายกับหลินหยุนและคนอื่น ๆ แล้วก็เดินไปนั่งอยู่ด้านข้าง
โดยที่ไม่ได้มานั่งรวมอยู่กับพวกหลินหยุน
แต่ว่า สายตาของเธอได้จ้องมองมาที่หลินหยุนอยู่เป็นเวลานาน
หลินหยุนเองก็ได้กวาดสายตาชำเลืองมองไปยังฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อย แล้วก็เบนสายตากลับมา
หลังจากนั้น การทดสอบรอบแรกก็ดำเนินต่อไป เมื่อมาถึงเวลาช่วงพลบค่ำ การทดสอบรอบแรกก็เสร็จสิ้นลงเรียบร้อย
สำหรับจำนวนผู้ที่ผ่านการทดสอบในรอบแรกนั้น มีทั้งสิ้นสิบเก้าคน
ในจำนวนสิบเก้าคนนี้ ยังมีคนรู้จักคุ้นเคยอยู่หนึ่งคนด้วย นั่นก็คือถังม่อ
ทั้งสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน พร้อมกับดื่มชาไปพลาง และพูดคุยกันไปพลาง
ถังม่อเป็นคนคุยเก่ง รับรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย ดังนั้นมักจะมีเรื่องราวที่ให้พูดคุยโดยไม่รู้จบ
สำหรับเรื่องการทดสอบของหลินหยุนนั้น จะต้องได้รับคำชื่นชมเยินยออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่นาน ชายชราในชุดขาวคนหนึ่ง ก็เดินตรงมายังศาลาแห่งนี้
“ทุกท่าน คุณชายแต่ละท่านได้ผ่านการทดสอบรอบแรกของตระกูลโม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“การทดสอบในวันนี้ ก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้! ”
“จากนี้ไป ทุกคนจะต้องพักอาศัยอยู่ที่ตระกูลโม่ โดยพวกเราจะจัดแจงที่พักอาศัยให้กับทุกท่าน รวมไปถึงอาหารการกินด้วย”
“ขอเชิญทุกท่านตามฉันมาเลย! ”
เมื่อชายชราพูดจบ ก็หันหลังแล้วมุ่งหน้าเดินไปยังลานบ้านส่วนที่สาม
หลินหยุนกับถังม่อและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก
และเดินตามหลังของชายชราผู้นั้นไป
ภายในลานบ้านส่วนที่สาม ก็มีบริเวณพื้นที่กว้างขวางอย่างมาก ถึงขนาดมีสวนดอกไม้ มีภูเขาจำลอง ซึ่งสภาพแวดล้อมบรรยากาศเยี่ยมยอดมากทีเดียว
หลินหยุนกับถังม่อและคนอื่น ๆ ได้ถูกจัดแจงให้เข้าพักในห้องรับแขกที่อยู่ด้านข้างสระน้ำ
หลินหยุนกับถังม่อ พักอยู่ในห้องพักที่ติดกันแน่นอน
โดยที่คนอื่นก็ไม่ได้พูดอะไร
จิตใจของทุกคนต่างหมกมุ่นอยู่กับการทดสอบที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้
ท้องฟ้ามืดมิดลงไปอย่างรวดเร็ว
ร่วมทานอาหารกันอย่างเรียบง่าย แล้วทุกคนก็แยกย้ายกลับเข้าไปในห้องพักของตนเอง
ส่วนหลินหยุนยืนอยู่หน้าประตูห้องพัก และมองไปยังสระน้ำอย่างเงียบสงบ
โดยกำลังพิจารณาสำรวจการออกแบบและตกแต่งภายในบริเวณลานบ้านแห่งนี้
หากบอกว่าคนของตระกูลโม่ เป็นคนที่มาจากดาวไกอาที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้เมื่อครั้งอดีต บางทีในรายละเอียดจุดเล็กจุดน้อย อาจจะทำให้เขาพบเจอกับเบาะแสบ้างก็เป็นได้
แต่เมื่อสังเกตสอดส่องอยู่สักพักใหญ่แล้ว หลินหยุนก็เกิดความผิดหวังขึ้นเล็กน้อย
ซึ่งเขาไม่พบเจอข้อมูลพิเศษอะไรแม้แต่น้อยเลย
หลังจากที่สำรวจครู่หนึ่งแล้ว หลินหยุนก็กลับเข้าห้องพัก นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เริ่มต้นบำเพ็ญฝึกฝน
เวลานี้เขาอยู่ในขั้นยาทองระดับแปดชั้นสูงสุดแล้ว
ถ้าหากมีสมบัติล้ำค่าสูงสุดที่ใช้ในการหลอมยาทอง เขาก็สามารถทำการหลอมยาทองได้ทุกเมื่อเลย
แต่ตอนนี้ไม่สามารถหลอมยาทองได้ ทำได้เพียงแค่บำเพ็ญฝึกฝนต่อไป
เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการหลอมยาทอง
แต่ว่า หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว ทันใดนั้น ก็มีพลังเคลื่อนไหวที่เบาบางแวบผ่านห้องพักของหลินหยุน
พลังเคลื่อนไหวนี้อ่อนแอเบาบางอย่างมาก ถึงขนาดที่หลินหยุนเหมือนจะรู้สึกว่าเป็นภาพลวงตา
แต่จิตใจที่ระแวดระวังของเขานั้นแตกต่างไม่เหมือนกับคนอื่น
ขับเคลื่อนพลังบำเพ็ญขึ้น โดยที่ยังไม่ได้ลงมือกระทำการบุ่มบ่าม
เพราะเขารู้สึกได้ถึงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
ซึ่งชัดเจนเลยว่าเกิดจากพลังที่อ่อนแอนั้น
หลินหยุนขับเคลื่อนพลังบำเพ็ญเพื่อขจัดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าให้หมดไป
ที่นี่คือตระกูลโม่ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนคิดลงมือทำร้ายเขา
ส่วนอีกคนหนึ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูดถึงนั้นก็คงจะเป็นถังม่ออย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
เห็นว่าหลินหยุนไม่พูดอะไร ผู้หญิงนั้นจึงพูดต่อว่า “แม้กระทั่งเพื่อกำจัดความสงสัยของพวกนาย ตระกูลโม่ของพวกเรายังจัดแจงให้คนของพวกนายพักอาศัยอยู่ที่นี่อีกเป็นเวลานาน! ”
“เป็นทางพวกนายเองที่รู้สึกว่าไม่ได้รับประโยชน์อะไร! ”
“ดังนั้นจึงสั่งให้คนกลับออกไปจากที่นี่! ”
“ในเมื่อยังรู้สึกไม่วางใจต่อตระกูลโม่ของพวกเรา แล้วทำไมจะต้องสั่งให้คนกลับออกไปด้วยล่ะ? ”
“ช่างไม่เข้าใจวิธีการกระทำของพวกนายเลยจริง ๆ! ”
“หลายปีมานี้ตระกูลโม่ของเรา ต่างก็วางตัวเงียบ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเมื่อไรพวกนายถึงจะยอมเชื่อสักที !”
“หรือว่า ตราบใดที่ตระกูลโม่ของเรายังอยู่ในเขตเหนือต่อไป พวกนายก็จะต้องเฝ้าสังเกตการณ์อยู่อย่างนี้ไปตลอดใช่ไหม? ”
ได้ยินอย่างนี้ หลินหยุนก็สามารถยืนยันได้แล้วว่า ตระกูลโม่นี้ จะต้องเป็นสาขาแห่งหนึ่งของแขกผู้มาเยือนจากดาวไกอานั้นอย่างแน่นอน
หลินหยุนพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ใช่คนของนิกายวิญญาณ์บริสุทธิ์ คำพูดของเธอนี้ควรจะนำไปพูดกับคนที่อยู่ห้องด้านข้างถึงจะถูก”
ผู้หญิงได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะกะพริบเคลื่อนสายตาอีกครั้ง จากนั้นก็หัวเราะ ราวกับกำลังเยาะเย้ยตนเอง ราวกับว่ากำลังเยาะเย้ยที่หลินหยุนปฏิเสธ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าพวกนายจะส่งคนให้มาประจำการอยู่ที่ตระกูลโม่อีกแล้วใช่ไหม? ”
“นายมีพรสวรรค์ความสามารถที่สูงส่งขนาดนี้......”
“นิกายวิญญาณ์บริสุทธิ์ช่างทุ่มเทเสียจริง! ”
“และก็ให้ความสำคัญในตัวของนายด้วย! ”
“แต่ ทำไมฉันเองไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า นิกายวิญญาณ์บริสุทธิ์ถึงได้มียอดฝีมือที่เก่งกาจไร้เทียมทานเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน? ”
“หรือว่า นายมาจากเขตกลางฟ้า? ”
หลินหยุนที่เก่งกาจระดับนี้ ไม่เพียงแต่แสดงความสามารถอันแตกต่างในการทดสอบเท่านั้น
ยังสามารถรักษาตนเองให้ตื่นตัวท่ามกลางพลังลวงตาของเธอได้ ไม่เพียงเท่านี้ ที่สำคัญที่สุดคือ แม้แต่ตนเองนั้นก็ยังไม่มองไม่ออกเลย
นี่ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาทั่วไปจะสามารถทำได้
พลังบำเพ็ญของหลินหยุน ไม่ได้ด้อยไปกว่าเธออย่างแน่นอน!
เธอเข้าใจเป็นอย่างดีถึงพลังบำเพ็ญของตนเอง
แต่หลินหยุนที่มีอายุขนาดนี้ ซึ่งน่าจะเท่ากับตัวเธอ สามารถมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ จึงทำให้เธอถึงกับเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
หลินหยุนหัวเราะ และพูดขึ้นว่า “ฉันเองนั้นก็สนใจเขตกลางฟ้าอยู่เหมือนกัน เชื่อว่าในอนาคตจะต้องไปยังสถานที่แห่งนั้น แต่คงยังไม่ใช่ในตอนนี้ ฉันไม่ได้มาจากเขตกลางฟ้าอย่างที่เธอพูดหรอก แม้กระทั่งเขตกลางฟ้าเอง ฉันก็ยังไม่รู้จักและไม่เข้าใจอะไรเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...