หากว่าสมบัติล้ำค่าสูงสุดของตระกูลโม่ชิ้นนั้น สามารถที่จะทำให้เขาหลอมยาทองได้ระดับฟ้าได้จริง ๆ
เขาก็จะสามารถหลอมยาทองครั้งที่เก้าได้สำเร็จ
เมื่อถึงเวลานั้น
บางทีอาจจะมีโอกาสที่จะสามารถเปิดโลกกำลังภายในตัว ยาทองกลายเป็นจิตปฐม ดวงจิตกลายเป็นจิตญาณ ก้าวเข้าสู่ขั้นแดนจิตปฐมได้เลย
หากว่าสามารถทำได้จริง ถ้าอย่างนั้นการปลดล็อกพลังผนึกในร่างกายของคุณหนูโม่ ก็คงจะมีโอกาสสำเร็จได้มากขึ้น และเขาเองก็จะสิ้นเปลืองพลังที่ไม่มากนัก
แน่นอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ต้องขึ้นอยู่กับสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นว่า จะมีคุณสมบัติเพียงพอที่เขาจะใช้งานได้หรือไม่
......
......
สามวันหลังจากนั้น
การคัดเลือกคนรับใช้ชายของตระกูลโม่ก็สิ้นสุดลงแล้ว
มีเพียงห้าคนสุดท้ายที่ผ่านการคัดเลือก
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ ผู้ที่ชื่อว่าหลินหยุน ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดนั้น จะหายตัวไปตั้งแต่การทดสอบในวันที่สองแล้ว
โดยไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาไปยังสถานที่แห่งใดแล้ว
ลำดับต่อมา ตระกูลโม่ก็เริ่มต้นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเจ้าบ้านแล้ว
โดยในช่วงค่ำคืนวันที่สามของงาน
สองเงาร่างก็ได้ปรากฏขึ้นที่ลานบ้านของหลินหยุนอีกครั้ง
ขณะที่มาถึงนั้น ชายวัยกลางคนก็ได้กวัดแกว่งแขน จัดวางค่ายกลเอาไว้ในทันที
เขาคือยอดฝีมือขั้นแดนจิตปฐมที่แท้จริง
ดังนั้นค่ายกลที่เขาเป็นผู้จัดวาง อย่างน้อยภายในเมืองโม่ ก็คงไม่มีผู้ใดที่จะสามารถทำลายลงได้
ส่วนข้างกายของเขาก็ยังมีเงาร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง
หญิงสาวก็ยังคงแต่งกายในรูปแบบเดิม สวมใส่กระโปรงยาวสีน้ำเงิน มีผ้าคลุมหน้า และร่างกายที่มีกลิ่นหอมจาง ๆ
ขณะที่ทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้นนั้น หลินหยุนก็เดินออกมาจากห้องด้วยเช่นกัน
โดยสัมผัสได้ถึงพลังค่ายกลที่ปกคลุมไปทั่วลานบ้านแล้ว หลินหยุนถึงกับดวงตาเป็นประกาย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร
หลินหยุนจ้องมองไปที่สองคนนั้น และพูดขึ้นว่า “นำสิ่งของมาแล้วหรือยัง? ”
ชายวัยกลางคนพูดว่า “นายแน่ใจนะว่า นายสามารถกระทำในสิ่งที่นายเคยพูดเอาไว้ได้? ”
หลินหยุนพูดว่า “จะให้ทำนั้นมันทำได้อย่างแน่นอน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสิ่งของที่นายนำพามาด้วยว่า จะถูกตาต้องใจฉันไหม! หากว่าฉันถูกใจ ทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหา หากว่าไม่ถูกใจ ก็นำสิ่งของของนายกลับไปได้เลย! ”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า และพูดว่า “ตกลง ฉันจะลองเชื่อนายดูสักครั้งก็แล้วกัน! ”
ขณะที่พูด ในมือของเขาก็เปล่งประกายแสงขึ้น และกล่องผ้าสีเขียวก็พลันปรากฏขึ้นในมือ
เมื่อปรากฏขึ้นแล้ว ก็โยนมาให้กับหลินหยุนในทันที
เห็นชายวัยกลางคนนำกล่องผ้ามอบให้กับหลินหยุนอย่างง่ายดายเกินไป หญิงสาวก็พูดขึ้นว่า “คุณพ่อ ทำไมถึงได้ใจร้อนทำอะไรที่ลวก ๆ แบบนี้ล่ะ? ”
ชายวัยกลางคนสูดหายใจลึก และพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร เขาก็แค่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นยาทองธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น จะหนีพ้นไปจากเงื้อมมือของผู้เป็นพ่อได้อย่างไรกันล่ะ ฉันเองในฐานะพ่อต้องการที่จะพยายามไขว่คว้าหาโอกาสอย่างเต็มที่ให้กับเธออีกครั้ง! ”
หญิงสาวได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ก็ ได้จ้องมองไปยังหลินหยุนด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไร
หลินหยุนยื่นมือออกมารับ แล้วก็รีบเปิดกล่องผ้าขึ้นทันที โดยที่ไม่พูดไม่จาอะไรเลย
ทันใดนั้น พลังเผาไหม้ที่เย็นยะเยือก ก็ปรากฏขึ้นมาในทันที ในระยะอันใกล้ โดยหลินหยุนถึงกับรู้สึกได้ว่าวิญญาณกำลังถูกแผดเผาอย่างไรอย่างนั้น
เจียซินที่อยู่ภายในสมอง ก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจว่า “นี่......นี่คือหินสูติไฟไม่ใช่เหรอ? เป็นไปได้อย่างไรกัน? สถานที่แห่งนี้ทำไมถึงปรากฏสมบัติล้ำค่าสูงสุดระดับโลกนี้ได้? ”
หินสูติไฟ
ตามตำนานที่ว่า โลกล้วนอยู่ภายใต้ธาตุทั้งห้า กฎเกณฑ์ทั้งห้าที่แข็งแกร่งทรงพลังที่สุดในโลก และพลังอันยิ่งใหญ่ทั้งห้า ซึ่งก็คือธาตุทั้งห้านั่นเอง ได้แก่ธาตุทองธาตุไม้ธาตุน้ำธาตุไฟและธาตุดิน
สำหรับแนวทางการบำเพ็ญเซียน เป้าหมายสุดท้ายก็คือ ทำให้ตนเองแข็งแกร่งมีอานุภาพมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลุดพ้นจากธาตุทั้งห้า และบรรลุสำเร็จขั้นแดนอมตะอย่างแท้จริง
สำหรับสิ่งที่เรียกว่าหินสูติไฟนี้
“ข้อแรก ฉันจะใช้สิ่งนี้หลอมยาทองก่อน จากนั้นก็จะช่วยปลดล็อกพลังผนึกของลูกสาวคุณ! หากทำแบบนี้จะมีผลดีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คืออัตราความสำเร็จจะยิ่งสูงมากขึ้น! ”
“ข้อสอง ฉันจะช่วยปลดล็อกพลังผนึกของลูกสาวคุณก่อน ซึ่งอัตราความสำเร็จจะค่อนข้างต่ำ! ”
“แต่ว่า เนื่องจากพวกเรานั้นไม่ค่อยจะมีความเชื่อใจซึ่งกันและกันมากเท่าไร! ”
“อย่างนั้นก็คงไม่ตัดสินใจเลือกข้อที่สอง! ”
“อย่างนี้แล้วกัน ให้ลูกสาวของคุณพักอยู่ที่นี่ก่อน จากนั้น ฉันจะหาสถานที่อันสงบเงียบเพื่อทำการหลอมยาทอง! ”
“หากคุณไม่ไว้วางใจ ก็เดินทางไปพร้อมกันได้! ”
“พรุ่งนี้ออกเดินทาง! ”
ขณะที่พูด ในมือของหลินหยุนก็เปล่งประกายแสงขึ้น กล่องผ้าก็แวบหายไป โดยถูกเขาจัดเก็บไว้ในแหวนเก็บของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ชายวัยกลางคนสูดหายใจลึก มองไปยังหลินหยุน และพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “ไอ้หนุ่ม หวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ไม่อย่างนั้น ต่อให้นายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนดาวไกอา ฉันเองก็คงจะไม่เกรงใจกับนายเป็นแน่! ”
หลินหยุนเองก็อารมณ์เบิกบานไม่น้อย และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน คุณเป็นถึงยอดฝีมือขั้นแดนจิตปฐม ฉันคงไม่กล้าที่จะไปยั่วยุได้อยู่แล้ว! ”
ชายวัยกลางคนส่งเสียงฮึและพูดขึ้นว่า “นายรู้ตัวก็ดีแล้ว! ”
วันรุ่งขึ้น เมื่อฉินหลันตื่นนอน ก็พบเห็นโม่เทียนเจินและโม่หยู่สองพ่อลูกคู่นี้
เมื่อเห็นฉินหลันเดินออกมาจากห้อง หลินหยุนก็ยิ้มแย้ม และรีบเข้ามาต้อนรับ พร้อมกับแนะนำให้ฉินหลันรู้จัก จากนั้นก็ทานอาหารเช้ากับฉินหลัน
แล้วก็พูดกับฉินหลันว่า “พี่ฉินหลัน พวกเราจะต้องไปจากที่นี่แล้ว พี่ช่วยจัดเก็บของหน่อยนะ! ”
ฉินหลันตกใจ จากนั้นก็พยักหน้า และพูดว่า “ตกลง ครู่เดียวก็เรียบร้อยแล้ว! ”
ขณะที่พูด ก็รีบเข้าไปในห้องจัดเก็บสิ่งของเครื่องใช้ทันที
ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาด้วยความแปลกประหลาดของโม่เทียนเจินสองพ่อลูก ฉินหลันก็ออกมาจากห้อง แล้วเดินมายังข้างกายของหลินหยุน
หลินหยุนพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม จากนั้นก็หันหลังไปพูดกับสองพ่อลูกนั้นว่า “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราออกเดินทางกันได้แล้ว! ”
“โม่เทียนเจินสองพ่อลูกสบตาซึ่งกันและกัน โดยแววตาแสดงออกถึงอาการอึ้งพูดอะไรไม่ออก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...