จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1487

หากว่าสมบัติล้ำค่าสูงสุดของตระกูลโม่ชิ้นนั้น สามารถที่จะทำให้เขาหลอมยาทองได้ระดับฟ้าได้จริง ๆ

เขาก็จะสามารถหลอมยาทองครั้งที่เก้าได้สำเร็จ

เมื่อถึงเวลานั้น

บางทีอาจจะมีโอกาสที่จะสามารถเปิดโลกกำลังภายในตัว ยาทองกลายเป็นจิตปฐม ดวงจิตกลายเป็นจิตญาณ ก้าวเข้าสู่ขั้นแดนจิตปฐมได้เลย

หากว่าสามารถทำได้จริง ถ้าอย่างนั้นการปลดล็อกพลังผนึกในร่างกายของคุณหนูโม่ ก็คงจะมีโอกาสสำเร็จได้มากขึ้น และเขาเองก็จะสิ้นเปลืองพลังที่ไม่มากนัก

แน่นอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ต้องขึ้นอยู่กับสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นว่า จะมีคุณสมบัติเพียงพอที่เขาจะใช้งานได้หรือไม่

......

......

สามวันหลังจากนั้น

การคัดเลือกคนรับใช้ชายของตระกูลโม่ก็สิ้นสุดลงแล้ว

มีเพียงห้าคนสุดท้ายที่ผ่านการคัดเลือก

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ ผู้ที่ชื่อว่าหลินหยุน ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดนั้น จะหายตัวไปตั้งแต่การทดสอบในวันที่สองแล้ว

โดยไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาไปยังสถานที่แห่งใดแล้ว

ลำดับต่อมา ตระกูลโม่ก็เริ่มต้นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเจ้าบ้านแล้ว

โดยในช่วงค่ำคืนวันที่สามของงาน

สองเงาร่างก็ได้ปรากฏขึ้นที่ลานบ้านของหลินหยุนอีกครั้ง

ขณะที่มาถึงนั้น ชายวัยกลางคนก็ได้กวัดแกว่งแขน จัดวางค่ายกลเอาไว้ในทันที

เขาคือยอดฝีมือขั้นแดนจิตปฐมที่แท้จริง

ดังนั้นค่ายกลที่เขาเป็นผู้จัดวาง อย่างน้อยภายในเมืองโม่ ก็คงไม่มีผู้ใดที่จะสามารถทำลายลงได้

ส่วนข้างกายของเขาก็ยังมีเงาร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง

หญิงสาวก็ยังคงแต่งกายในรูปแบบเดิม สวมใส่กระโปรงยาวสีน้ำเงิน มีผ้าคลุมหน้า และร่างกายที่มีกลิ่นหอมจาง ๆ

ขณะที่ทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้นนั้น หลินหยุนก็เดินออกมาจากห้องด้วยเช่นกัน

โดยสัมผัสได้ถึงพลังค่ายกลที่ปกคลุมไปทั่วลานบ้านแล้ว หลินหยุนถึงกับดวงตาเป็นประกาย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร

หลินหยุนจ้องมองไปที่สองคนนั้น และพูดขึ้นว่า “นำสิ่งของมาแล้วหรือยัง? ”

ชายวัยกลางคนพูดว่า “นายแน่ใจนะว่า นายสามารถกระทำในสิ่งที่นายเคยพูดเอาไว้ได้? ”

หลินหยุนพูดว่า “จะให้ทำนั้นมันทำได้อย่างแน่นอน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสิ่งของที่นายนำพามาด้วยว่า จะถูกตาต้องใจฉันไหม! หากว่าฉันถูกใจ ทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหา หากว่าไม่ถูกใจ ก็นำสิ่งของของนายกลับไปได้เลย! ”

ชายวัยกลางคนพยักหน้า และพูดว่า “ตกลง ฉันจะลองเชื่อนายดูสักครั้งก็แล้วกัน! ”

ขณะที่พูด ในมือของเขาก็เปล่งประกายแสงขึ้น และกล่องผ้าสีเขียวก็พลันปรากฏขึ้นในมือ

เมื่อปรากฏขึ้นแล้ว ก็โยนมาให้กับหลินหยุนในทันที

เห็นชายวัยกลางคนนำกล่องผ้ามอบให้กับหลินหยุนอย่างง่ายดายเกินไป หญิงสาวก็พูดขึ้นว่า “คุณพ่อ ทำไมถึงได้ใจร้อนทำอะไรที่ลวก ๆ แบบนี้ล่ะ? ”

ชายวัยกลางคนสูดหายใจลึก และพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร เขาก็แค่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นยาทองธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น จะหนีพ้นไปจากเงื้อมมือของผู้เป็นพ่อได้อย่างไรกันล่ะ ฉันเองในฐานะพ่อต้องการที่จะพยายามไขว่คว้าหาโอกาสอย่างเต็มที่ให้กับเธออีกครั้ง! ”

หญิงสาวได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ก็ ได้จ้องมองไปยังหลินหยุนด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไร

หลินหยุนยื่นมือออกมารับ แล้วก็รีบเปิดกล่องผ้าขึ้นทันที โดยที่ไม่พูดไม่จาอะไรเลย

ทันใดนั้น พลังเผาไหม้ที่เย็นยะเยือก ก็ปรากฏขึ้นมาในทันที ในระยะอันใกล้ โดยหลินหยุนถึงกับรู้สึกได้ว่าวิญญาณกำลังถูกแผดเผาอย่างไรอย่างนั้น

เจียซินที่อยู่ภายในสมอง ก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจว่า “นี่......นี่คือหินสูติไฟไม่ใช่เหรอ? เป็นไปได้อย่างไรกัน? สถานที่แห่งนี้ทำไมถึงปรากฏสมบัติล้ำค่าสูงสุดระดับโลกนี้ได้? ”

หินสูติไฟ

ตามตำนานที่ว่า โลกล้วนอยู่ภายใต้ธาตุทั้งห้า กฎเกณฑ์ทั้งห้าที่แข็งแกร่งทรงพลังที่สุดในโลก และพลังอันยิ่งใหญ่ทั้งห้า ซึ่งก็คือธาตุทั้งห้านั่นเอง ได้แก่ธาตุทองธาตุไม้ธาตุน้ำธาตุไฟและธาตุดิน

สำหรับแนวทางการบำเพ็ญเซียน เป้าหมายสุดท้ายก็คือ ทำให้ตนเองแข็งแกร่งมีอานุภาพมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลุดพ้นจากธาตุทั้งห้า และบรรลุสำเร็จขั้นแดนอมตะอย่างแท้จริง

สำหรับสิ่งที่เรียกว่าหินสูติไฟนี้

“ข้อแรก ฉันจะใช้สิ่งนี้หลอมยาทองก่อน จากนั้นก็จะช่วยปลดล็อกพลังผนึกของลูกสาวคุณ! หากทำแบบนี้จะมีผลดีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คืออัตราความสำเร็จจะยิ่งสูงมากขึ้น! ”

“ข้อสอง ฉันจะช่วยปลดล็อกพลังผนึกของลูกสาวคุณก่อน ซึ่งอัตราความสำเร็จจะค่อนข้างต่ำ! ”

“แต่ว่า เนื่องจากพวกเรานั้นไม่ค่อยจะมีความเชื่อใจซึ่งกันและกันมากเท่าไร! ”

“อย่างนั้นก็คงไม่ตัดสินใจเลือกข้อที่สอง! ”

“อย่างนี้แล้วกัน ให้ลูกสาวของคุณพักอยู่ที่นี่ก่อน จากนั้น ฉันจะหาสถานที่อันสงบเงียบเพื่อทำการหลอมยาทอง! ”

“หากคุณไม่ไว้วางใจ ก็เดินทางไปพร้อมกันได้! ”

“พรุ่งนี้ออกเดินทาง! ”

ขณะที่พูด ในมือของหลินหยุนก็เปล่งประกายแสงขึ้น กล่องผ้าก็แวบหายไป โดยถูกเขาจัดเก็บไว้ในแหวนเก็บของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ชายวัยกลางคนสูดหายใจลึก มองไปยังหลินหยุน และพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “ไอ้หนุ่ม หวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ไม่อย่างนั้น ต่อให้นายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนดาวไกอา ฉันเองก็คงจะไม่เกรงใจกับนายเป็นแน่! ”

หลินหยุนเองก็อารมณ์เบิกบานไม่น้อย และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน คุณเป็นถึงยอดฝีมือขั้นแดนจิตปฐม ฉันคงไม่กล้าที่จะไปยั่วยุได้อยู่แล้ว! ”

ชายวัยกลางคนส่งเสียงฮึและพูดขึ้นว่า “นายรู้ตัวก็ดีแล้ว! ”

วันรุ่งขึ้น เมื่อฉินหลันตื่นนอน ก็พบเห็นโม่เทียนเจินและโม่หยู่สองพ่อลูกคู่นี้

เมื่อเห็นฉินหลันเดินออกมาจากห้อง หลินหยุนก็ยิ้มแย้ม และรีบเข้ามาต้อนรับ พร้อมกับแนะนำให้ฉินหลันรู้จัก จากนั้นก็ทานอาหารเช้ากับฉินหลัน

แล้วก็พูดกับฉินหลันว่า “พี่ฉินหลัน พวกเราจะต้องไปจากที่นี่แล้ว พี่ช่วยจัดเก็บของหน่อยนะ! ”

ฉินหลันตกใจ จากนั้นก็พยักหน้า และพูดว่า “ตกลง ครู่เดียวก็เรียบร้อยแล้ว! ”

ขณะที่พูด ก็รีบเข้าไปในห้องจัดเก็บสิ่งของเครื่องใช้ทันที

ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาด้วยความแปลกประหลาดของโม่เทียนเจินสองพ่อลูก ฉินหลันก็ออกมาจากห้อง แล้วเดินมายังข้างกายของหลินหยุน

หลินหยุนพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม จากนั้นก็หันหลังไปพูดกับสองพ่อลูกนั้นว่า “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราออกเดินทางกันได้แล้ว! ”

“โม่เทียนเจินสองพ่อลูกสบตาซึ่งกันและกัน โดยแววตาแสดงออกถึงอาการอึ้งพูดอะไรไม่ออก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์