เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหยุน โม่หยู่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
แต่เธอคงคิดไม่ถึงจริงๆ มีคนๆหนึ่งเดินทางมาพร้อมกับหลินหยุน แต่ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติเกิดปัญหาขึ้นและพวกเขาก็พลัดพรากจากกัน
แต่คนๆนั้นก็น่าจะเหมือนกับฉินหลัน เธอคงเป็นผู้หญิงสวยมากๆและไม่ได้เป็นนักบำเพ็ญเซียน
จากรูปวาดที่หลินหยุนให้มา คนๆนี้ก็สวยงามมากๆ
สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกงุนงงมากๆก็คือหลินหยุนให้เธอถามหอซิวซิน นอกจากบรรพบุรุษของพวกเธอแล้ว ยังมีนักบำเพ็ญเซียนจากดาวไกอามาถึงที่นี่ไหม
มันจะเป็นไปได้เหรอ?
มันเป็นอย่างที่หลินหยุนพูดจริงๆเหรอ
นอกจากบรรพบุรุษของพวกเขาแล้ว ยังมีนักบำเพ็ญเซียนจากดาวบรรพะมาถึงที่นี่อีกเหรอ?
แต่ทำไมไม่เคยมีข้อมูลพวกนี้เลย?
ไม่ว่าจะพูดยังไง ตระกูลโม่ของพวกเธอก็ออกมาหนึ่งพันปีแล้ว
ไม่พูดถึงเรื่องอื่นๆ แค่พูดถึงสถานการณ์ทั้งหมดของภาคเหนือ พวกเขาก็มีข้อมูลอยู่ในมืออย่างชัดเจน
หรือว่ามันนานกว่านั้นอีก?
หลินหยุนก็เป็นคนที่น่าเชื่อถือมากๆ ในเมื่อเขาพูดแบบนี้แล้ว เรื่องนี้น่าจะเคยเกิดขึ้น
โม่หยู่ก็คิดไม่ออกจริงๆ ทั้งๆที่หลินหยุนเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่น ทำไมเขาต้องให้เธอถามเรื่องนี้จากหอซิวซินด้วย
อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้สำหรับเธอนั้นไม่ค่อยสำคัญเลย ไม่ว่าจะทำยังไง ขอแค่หลินหยุนยอมรับปากที่จะเดินทางไปแดนเหมันต์กับเธอ ก็เท่ากับว่าเธอได้ทำสำเร็จแล้ว
เธอสัมผัสได้ในร่างกายของหลินหยุนนั้น มีความรู้สึกใกล้ชิดและคุ้นชินที่มาจากคนของดาวบรรพะ
ถึงแม้หลินหยุนไม่ได้แสดงมันออกมา แต่เธอเชื่อมันสายตาตัวเองมากๆ เธอไม่ได้มองผิดอย่างแน่นอน
ถ้าหลินหยุนเดินทางเข้าสู่แดนเหมันต์ เธอเชื่อมั่นมากๆว่าในจิตใจของหลินหยุนจะเกิดเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสารอย่างแน่นอน ถึงแม้เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสารจะไม่ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว
ถ้าวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า มันจะเติบโตและส่งผลกระทบกับเขาอย่างแน่นอน นี่คือความหวังของเธอ
หอซิวซินไม่เคยปฏิเสธลูกค้าอยู่แล้ว โดยเฉพาะลูกค้าที่ยอมจ่ายหินทิพย์
โม่หยู่จัดการเรื่องที่หลินหยุนสั่งมาจนสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็กลับไปที่โรงเตี๊ยม
ทั้งสามคนพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมคืนหนึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสามคนก็ออกจากเมืองชิวซานทันที
หลินหยุนรับปากแล้ว เขาไม่ยอมเสียคำพูดอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น จากส่วนลึกของจิตใจ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าลูกหลานของยอดฝีมือในสมัยนั้น ตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงและใช้ชีวิตยังไง
ไม่มีทางเลือกจริงๆ เพราะคนเหล่านี้ ต่างเป็นลูกหลานของฮีโร่จากดาวไกอา
ถ้าไม่มีจักรพรรดิหยานตี้กับจักรพรรดิหวงตี้เป็นผู้นำ ถ้าไม่มีฮีโร่พวกนั้นค่อยต่อสู้ เผ่ามนุษย์ก็คงจะไม่มีวันนี้อย่างแน่นอน
คงจะไล่เผ่านับหมื่นออกจากดาวไกอาไม่ได้ คงไม่มีเวลาที่เงียบสงบหลายพันปีหรอก
สำหรับสงครามครั้งใหญ่นั้น ทำให้ดาวบำเพ็ญเซียนที่พึ่งเกิดมาใหม่ กลายเป็นดาวที่ใกล้จะสูญสลาย ทำให้ดาวไกอาเดินไปอีกเส้นทางหนึ่งทันที
สำหรับเรื่องนี้ ไม่มีใครผิดใครถูก เพราะประวัติศาสตร์และเวลาบังคับให้มันต้องกลายเป็นแบบนี้
พลังของมนุษย์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าไม่เป็นแบบนั้น ก็คงไม่มีหลินหยุนในชาติที่แล้ว
เพราะนี่คือหลักเหตุและผล
หลักเหตุและผลอันนี้ ตอนที่ฝึกฝนยังไม่ค่อยแข็งแกร่งมากนัก อาจจะสัมผัสไม่ได้
ถ้าหลินหยุนฝึกฝนจนแข็งแกร่งถึงชั้นกษัตริย์เซียนเหมือนชาติที่แล้ว มันจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
หลินหยุนเดินทุกย่างก้าวจนถึงตอนนี้ เขาจะใส่ใจเรื่องเหล่านี้เป็นพิเศษ
ทั้งสามคนเดินทางไปทิศเหนือ หลินหยุนมองหน้าโม่หยู่แล้วพูด "ถ้าเดินไปข้างหน้าอีกก็จะถึงหนองน้ำใหญ่แล้ว"
"ตำแหน่งของแดนเหมันต์ ต้องผ่านหนองน้ำใหญ่เหรอ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...