พวกยามจ้องมองไปที่สี่คนนั้นอย่างเย็นชา
จากนั้นก็ได้แจกสมุดเล็กหนึ่งเล่มให้กับทุกคน และพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “เมื่อเข้าไปในเมืองแล้ว ห้ามต่อสู้กับผู้ใดโดยเด็ดขาด”
“หากว่าจะลงมือต่อสู้ จะต้องไปที่สนามต่อสู้โดยเฉพาะเท่านั้น! ”
“ไม่อย่างนั้น จะต้องรับผลของการกระทำด้วยตนเอง! ”
“เข้าไปได้! ”
พวกหลินหยุนนั้นไม่ได้พูดอะไรมาก โดยเดินตามกันเป็นกลุ่มเข้าในเมืองอย่างเป็นระเบียบ
โม่หยู่พูดขึ้นว่า “พี่หลิน พวกเราหาโรงเตี๊ยมสักแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อนกันก่อนเถอะ ตลอดการเดินทางนี้พี่ฉินหลันกับซินเอ๋อต่างก็เหน็ดเหนื่อยกันเป็นอย่างมาก ให้พวกหล่อนได้พักผ่อนกันสักหน่อย”
หลินหยุนพยักหน้า ตกลง จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “เธอรู้จักและเข้าใจเมืองเทียนเอินนี้มากแค่ไหน? ”
โม่หยู่พูดว่า “เรื่องที่ฉันรู้ต่างก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรับรู้กันโดยทั่วไป! การบริหารปกครองของเมืองเทียนเอินเข้มงวดอย่างมาก อย่างแรกก็เหมือนกับที่พวกยามได้กล่าวเอาไว้ว่า หากจะลงมือต่อสู้กันในตัวเมืองแล้ว จะต้องถูกกลุ่มจัดระเบียบจับกุมตัวในทันที! ”
“ลงโทษขั้นเบาคือยึดหินทิพย์! ”
“ลงโทษขั้นหนักคือสังหารชีวิต! ”
“ดังนั้นไม่ว่าผู้ใด จะต้องรักษาและปฏิบัติตามกฏระเบียบของเมืองเทียนเอินอย่างเคร่งครัด”
“สำหรับเรื่องอื่นนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว”
“เพียงแค่ไม่ลงมือต่อสู้ โดยปกติทั่วไปก็ไม่มีใครมายุ่งเกี่ยวด้วย! ”
“อีกอย่างหนึ่ง ครั้งนี้พวกเราได้รับบัตรอนุญาตผ่านเข้าเมืองระดับต่ำสุด”
“จึงสามารถพักอยู่ในเมืองเทียนเอินได้เพียงแค่สิบวัน”
“หากเกินสิบวันไปแล้วโดยที่ยังไม่ได้ออกจากเมืองไป”
“ก็จะต้องไปมอบหินทิพย์เพิ่ม! ”
“อีกเรื่องหนึ่ง หากจะลงมือต่อสู้กับผู้ใดจะต้องไปที่สนามต่อสู้ ซึ่งนี่คือสถานที่สำหรับแก้ไขการทะเลาะวิวาทเพียงหนึ่งเดียวของเมืองเทียนเอิน! ”
“เมื่อหลังจากเข้าสู่สนามต่อสู้แล้วเท่านั้นถึงจะสามารถต่อสู้เพื่อตัดสินว่าจะเป็นหรือตาย! ”
หลินหยุนพยักหน้า ดูเหมือนว่าการบริหารปกครองจะเข้มงวดมากเลยทีเดียว
นอกจากนี้
คนในเมือง ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียนทั้งหมด
คนธรรมดา ที่ไม่มีพลังบำเพ็ญ แทบจะไม่มีอยู่เลย
ทั้งสี่คนมุ่งหน้าเดินต่อไป
ขณะที่กำลังหาโรงเตี๊ยมกันอยู่ ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสูงคนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามาหา
ชายวัยกลางคนไว้หนวดสองข้าง หลังค่อม เดินผ่านเข้ามาพร้อมกับยกมือทำความเคารพอย่างยิ้มแย้มและพูดว่า “ท่านสหายทั้งหลาย ถ้าหากมองไม่ผิด พวกท่านคงจะมาที่เมืองเทียนเอินเป็นครั้งแรกล่ะสิ? ”
หลินหยุนพยักหน้า และพูดว่า “ไม่ทราบว่าสหายมีอะไรแนะนำอย่างนั้นเหรอ? ”
ชายวัยกลางคนได้ยินดังนั้น ก็รีบส่ายมือไปมา พร้อมกับยิ้มและส่ายศีรษะ และพูดขึ้นว่า “สหายอย่าได้เข้าใจผิดไป ไม่มีอะไรที่จะแนะนำหรอก ฉันชื่อว่าโหวซาน ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเทียนเอินนี้มานานแล้ว”
“ซึ่งค่อนข้างที่จะเข้าใจเรื่องราวทุกสิ่งอย่างของเมืองเทียนเอินเป็นอย่างดี! ”
“ฉันคนนี้ เป็นผู้ที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“จึงยินดีและเต็มใจอย่างมากที่จะช่วยเหลือพวกสหายที่เพิ่งจะมาถึงเมืองเทียนเอิน และยังไม่ค่อยจะเข้าใจรับรู้เรื่องราวของเมืองเทียนเอินมากนัก”
หลินหยุนกะพริบเคลื่อนไหวสายตา
ก็ทราบว่าคนผู้นี้มีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับสาม
ไม่น่าใช่พวกคนหลอกลวง โดยเป็นคนที่อยู่ในเมืองเทียนเอินแห่งนี้ แล้วอาศัยวิธีการดังกล่าวเพื่อแลกเปลี่ยนกับหินทิพย์
หยุดชะงักไปชั่วครู่ หลินหยุนก็พูดขึ้นว่า “ขอบคุณมาก พวกเราเองยังไม่มีอะไรที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากสหาย! ”
ขณะที่พูด หลินหยุนก็ได้พาหญิงสาวทั้งสามคนเดินจากไป
โหวซานรีบพูดขึ้นทันทีว่า “สหายอย่าเพิ่งรีบร้อนที่จะไปก่อน! ฉันว่าอย่างนี้ดีไหม ฉันจะให้ยันต์สื่อสารกับสหายเอาไว้ โดยในตอนที่สหายอยู่ในเมืองเทียนเอิน หรือว่าอยู่นอกเมืองเทียนเอิน ไม่ว่าจะพบกับเรื่องอะไร ก็สามารถใช้ยันต์สื่อสารนี้ติดต่อมาหาฉันได้ทุกเมื่อเลย”
“สหาย ดั่งกับคำพูดที่ว่าอยู่บ้านพึ่งพาอาศัยพ่อแม่ อยู่ด้านนอกต้องพึ่งพาอาศัยเพื่อนพ้องไงล่ะ! ”
“ถือว่าพวกเราผูกมิตรเป็นเพื่อนกัน! ”
“สำหรับสหายแล้วก็ถือว่าไม่มีอะไรเสียหายไม่ใช่เหรอ? ”
“สหายลองทำดูก็ไม่เห็นจะเป็นไรไม่ใช่เหรอ? ”
ขณะที่พูด ก็ได้หยิบยันต์สื่อสารของตนเองออกมา
หลินหยุนครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วก็ยื่นมือออกไปรับ และพูดขึ้นว่า “อย่างนั้นก็ขอบคุณสหายโหวซานแล้ว หากว่าประสบกับเรื่องที่ยากลำบากอะไร จะติดต่อมาหาสหายในทันที! ”
เก็บยันต์สื่อสารขึ้น
หลินหยุนพาหญิงสาวทั้งสามคนเดินจากไป
โหวซานพยักหน้าอย่างยิ้มแย้มไม่หยุด พร้อมกับจ้องมองกี่คนนั้นเดินจากไป
โดยขณะที่สายตาจับจ้องไปยังฉินหลันและโม่หยู่ที่อยู่ด้านข้างหลินหยุนนั้น เขาก็เลียริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็เดินจากไป หายไปในกลุ่มคน
ทั้งสี่คนหาโรงเตี๊ยมที่ไม่เลวแห่งหนึ่งได้แล้ว จึงได้เข้าไปพักอาศัย
หลินหยุนให้หญิงสาวทั้งสามพักอยู่ในโรงเตี๊ยม ส่วนเขาไปยังตลาดในเมือง แล้วนำสิ่งของทั้งหมดในถุงเก็บของที่เขาได้มาในช่วงก่อนหน้านี้ ทำการจำหน่ายออกไปทั้งหมด
อีกทั้งยังได้ซื้อสิ่งของและโอสถที่ขั้นแดนจิตปฐมสามารถใช้งานได้
สิ่งของทั้งหมดที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ แทบทั้งหมดเป็นสิ่งของที่ใช้สำหรับขั้นแดนยาทอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...