หลินหยุนพยักหน้า และพูดว่า “มีเหตุผล! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ง่ายดายขึ้นมากเลย! ใช่แล้ว เธอทราบไหมว่างานประมูลที่จะจัดขึ้นในครั้งต่อไปในช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดนี้ ยังเหลือเวลาอีกนานเท่าไร? ”
โม่หยู่พูดขึ้นว่า “งานประมูลของหอซิวซินจะแบ่งออกเป็นงานประมูลฤดูใบไม้ผลิและงานประมูลฤดูใบไม้ร่วง! ”
“งานประมูลฤดูใบไม้ผลิได้ผ่านพ้นไปแล้ว”
“ตอนนี้คงจะอีกไม่นานก็จะถึงงานประมูลฤดูใบไม้ร่วงแล้ว! ”
“อย่างมากไม่น่าจะเกินหนึ่งเดือน! ”
“ถ้าหากพี่หลินสนใจแล้วล่ะก็ ฉันจะลองไปสอบถามดู! ”
“ในตอนนี้คาดว่าน่าจะมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างแล้ว! ”
“แต่ไม่ทราบว่าพี่หลินจะประมูลสิ่งของอะไรเหรอ? ”
ครั้งนี้ที่หลินหยุนไปหุบขวัญลือด ก่อนหน้านี้โม่หยู่ก็เคยสอบถามบ้างแล้ว
แต่หลินหยุนกลับเลือกที่จะเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝน
โดยไม่ได้พูดจาอะไรมากนัก
พูดเพียงแค่ได้รับสิ่งของกลับมาบ้าง!
ตอนนี้หลินหยุนให้ความสนใจในงานประมูลที่หอซิวซิน
นั่นหมายความว่าได้รับสิ่งของกลับมาจากหุบขวัญเลือดไม่น้อยเลย
แน่นอนว่า จะเป็นสิ่งของอะไรนั้น เธอเองก็ไม่รู้อย่างแน่ชัด
แต่ ไม่สนใจว่าจะได้รับสิ่งของอะไรกลับมามากเท่าไร หากต้องการที่จะรวบรวมหินทิพย์ชั้นล่างให้ได้ห้าแสนก้อนนั้น เกรงว่าคงจะเป็นไปไม่ได้
หลินหยุนพูดขึ้นว่า “เธอลองไปสอบถามข่าวคราวเกี่ยวกับงานประมูลดูสักหน่อย ส่วนฉันมีเรื่องบางอย่างที่จะต้องไปเตรียมการ! ”
เมื่อพูดจบทั้งสองคนก็เดินออกไปพร้อมกัน
หลินหยุนกลับมายังห้องพักของตนเอง
ส่วนโม่หยู่ก็เดินออกไปจากโรงเตี๊ยม
เมื่อกลับมาถึงห้องของตนแล้ว
บนมือของหลินหยุนก็เปล่งประกายแสงขึ้น
กล่องหยกใบหนึ่งก็ปรากฏออกมา
หลินหยุนมองไปที่ประตูห้อง
จากนั้นก็กวัดแกว่งแขน พลังที่มองไม่เห็น ก็ได้ปกคลุมไปทั่วบริเวณภายในห้อง
วินาทีถัดมา
บนมือของหลินหยุนก็ปรากฏเปลวไฟสีแดงเข้ม
พลังความร้อนแรง ก็ได้แผ่กระจายในทันที
แต่พลังความร้อนได้เพียงแต่วนเวียนอยู่ด้านบนเหนือมือของเขาเท่านั้น โดยที่ไม่ได้แผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
เมื่อเปิดกล่องหยกขึ้น บัวเลือดเจ็ดดาวก็ปรากฏขึ้นมา
พลังชี่เลือดที่ทรงอานุภาพไร้ขอบเขตก็ได้แผ่กระจายไปทั่ว
ถ้าหากไม่มีพลังที่มองไม่เห็นของหลินหยุนปกคลุมเอาไว้ เกรงว่าพลังดังกล่าวจะแผ่กระจายออกเป็นวงกว้างไปทั่วเมืองเทียนเอินแล้ว
บัวเลือดเจ็ดดาวถูกหลินหยุนจับคว้าขึ้นมาในอากาศ แล้วลอยไปอยู่เหนือเปลวไฟ
พลังการเผาไหม้ของเปลวไฟทำให้พลังชี่เลือดของบัวเลือดเจ็ดดาวกลับมารวมกันเหมือนเดิมทันที
อีกทั้งบัวเลือดต้นนั้นกลับค่อย ๆ สดใสเบิกบานขึ้น
รวมถึงมีหยดเลือดสีแดงสด ร่วงหยดลงมาจากต้นอย่างไม่หยุด
เมื่อหยดลงมา ใกล้กับเปลวไฟดังกล่าวนั้น
เปลวไฟก็เผาไหม้รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เวลาผ่านไปอีกกว่าครึ่งชั่วโมง
บัวเลือดเจ็ดดาวได้ถูกกลั่นจนสำเร็จ กลายเป็นน้ำรวมเลือดเจ็ดหยด
มีลักษณะคล้ายกับเลือด
แต่ไม่ใช่เลือดจริงอย่างแน่นอน
มันคือน้ำรวมของบัวเลือดเจ็ดดาว
ในขณะที่น้ำรวมเลือดเจ็ดหยดได้ผสมรวมกันแล้ว
ก็เกิดการระเบิดสั่นสะเทือนของพลังขึ้นอย่างรุนแรง
แต่พลังดังกล่าวนี้ ได้ถูกพลังจิตญาณของหลินหยุนยับยั้งเอาไว้
ต่อให้เป็นแบบนี้ พวกผู้บำเพ็ญเซียนที่อยู่ในโรงเตี๊ยม ก็รับรู้ได้ถึงพลังที่ผันผวน
ทยอยเงยหน้ามองขึ้นมาชั้นบน จับจ้องไปยังห้องพักของหลินหยุน ด้วยสายตาท่าทางที่สงสัย
เมื่อน้ำรวมเลือดเจ็ดหยดได้ผสมรวมกันเรียบร้อยแล้ว
หลินหยุนก็ปลดปล่อยพลังจิตญาณออกมาไม่หยุด เพื่อผสมรวมเข้ากับน้ำรวมนั้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนพลังของเปลวไฟก็เริ่มที่จะเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น!
หลินหยุนไม่ได้มีความลังเลใจอะไรเลย
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญในการกลั่นยามารเลือด
พลังจิตญาณของเขาได้บรรจุน้ำรวมเข้าไปในตัวอ่อนยาที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้วยพลังความร้อนของเปลวไฟที่ยิ่งจะร้อนแรงมากขึ้นอย่างไม่หยุดนั้น
น้ำรวมเลือดก็กำลังแข็งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เวลาผ่านไปอีกกว่าครึ่งชั่วโมง
โอสถสีเลือดที่กระจ่างสดใส เป็นประกายแวววับอย่างที่สุด ก็ค่อย ๆ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้ว
ในขณะนั้นเอง หลินหยุนก็ตะโกนขึ้น
พลังจิตญาณที่แข็งแกร่งก็ได้ถูกบรรจุใส่เข้าไปด้านใน
ทันใดนั้น
โอสถราวกับว่ามีชีวิตขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น
คิดไม่ถึงว่าจะส่งเสียงหึ่ง ๆ ออกมาเป็นระยะ
จากนั้นหลินหยุนก็ได้ท่องคาถาเก็บรวมโอสถ
เสียงหึ่ง ๆ และแรงสั่นสะเทือนก็ปรากฏขึ้นพร้อมกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...