จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1521

สรุปบท บทที่ 1521 กลั่นยามารเลือด: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 1521 กลั่นยามารเลือด จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1521 กลั่นยามารเลือด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หลินหยุนพยักหน้า และพูดว่า “มีเหตุผล! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ง่ายดายขึ้นมากเลย! ใช่แล้ว เธอทราบไหมว่างานประมูลที่จะจัดขึ้นในครั้งต่อไปในช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดนี้ ยังเหลือเวลาอีกนานเท่าไร? ”

โม่หยู่พูดขึ้นว่า “งานประมูลของหอซิวซินจะแบ่งออกเป็นงานประมูลฤดูใบไม้ผลิและงานประมูลฤดูใบไม้ร่วง! ”

“งานประมูลฤดูใบไม้ผลิได้ผ่านพ้นไปแล้ว”

“ตอนนี้คงจะอีกไม่นานก็จะถึงงานประมูลฤดูใบไม้ร่วงแล้ว! ”

“อย่างมากไม่น่าจะเกินหนึ่งเดือน! ”

“ถ้าหากพี่หลินสนใจแล้วล่ะก็ ฉันจะลองไปสอบถามดู! ”

“ในตอนนี้คาดว่าน่าจะมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างแล้ว! ”

“แต่ไม่ทราบว่าพี่หลินจะประมูลสิ่งของอะไรเหรอ? ”

ครั้งนี้ที่หลินหยุนไปหุบขวัญลือด ก่อนหน้านี้โม่หยู่ก็เคยสอบถามบ้างแล้ว

แต่หลินหยุนกลับเลือกที่จะเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝน

โดยไม่ได้พูดจาอะไรมากนัก

พูดเพียงแค่ได้รับสิ่งของกลับมาบ้าง!

ตอนนี้หลินหยุนให้ความสนใจในงานประมูลที่หอซิวซิน

นั่นหมายความว่าได้รับสิ่งของกลับมาจากหุบขวัญเลือดไม่น้อยเลย

แน่นอนว่า จะเป็นสิ่งของอะไรนั้น เธอเองก็ไม่รู้อย่างแน่ชัด

แต่ ไม่สนใจว่าจะได้รับสิ่งของอะไรกลับมามากเท่าไร หากต้องการที่จะรวบรวมหินทิพย์ชั้นล่างให้ได้ห้าแสนก้อนนั้น เกรงว่าคงจะเป็นไปไม่ได้

หลินหยุนพูดขึ้นว่า “เธอลองไปสอบถามข่าวคราวเกี่ยวกับงานประมูลดูสักหน่อย ส่วนฉันมีเรื่องบางอย่างที่จะต้องไปเตรียมการ! ”

เมื่อพูดจบทั้งสองคนก็เดินออกไปพร้อมกัน

หลินหยุนกลับมายังห้องพักของตนเอง

ส่วนโม่หยู่ก็เดินออกไปจากโรงเตี๊ยม

เมื่อกลับมาถึงห้องของตนแล้ว

บนมือของหลินหยุนก็เปล่งประกายแสงขึ้น

กล่องหยกใบหนึ่งก็ปรากฏออกมา

หลินหยุนมองไปที่ประตูห้อง

จากนั้นก็กวัดแกว่งแขน พลังที่มองไม่เห็น ก็ได้ปกคลุมไปทั่วบริเวณภายในห้อง

วินาทีถัดมา

บนมือของหลินหยุนก็ปรากฏเปลวไฟสีแดงเข้ม

พลังความร้อนแรง ก็ได้แผ่กระจายในทันที

แต่พลังความร้อนได้เพียงแต่วนเวียนอยู่ด้านบนเหนือมือของเขาเท่านั้น โดยที่ไม่ได้แผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง

เมื่อเปิดกล่องหยกขึ้น บัวเลือดเจ็ดดาวก็ปรากฏขึ้นมา

พลังชี่เลือดที่ทรงอานุภาพไร้ขอบเขตก็ได้แผ่กระจายไปทั่ว

ถ้าหากไม่มีพลังที่มองไม่เห็นของหลินหยุนปกคลุมเอาไว้ เกรงว่าพลังดังกล่าวจะแผ่กระจายออกเป็นวงกว้างไปทั่วเมืองเทียนเอินแล้ว

บัวเลือดเจ็ดดาวถูกหลินหยุนจับคว้าขึ้นมาในอากาศ แล้วลอยไปอยู่เหนือเปลวไฟ

พลังการเผาไหม้ของเปลวไฟทำให้พลังชี่เลือดของบัวเลือดเจ็ดดาวกลับมารวมกันเหมือนเดิมทันที

อีกทั้งบัวเลือดต้นนั้นกลับค่อย ๆ สดใสเบิกบานขึ้น

รวมถึงมีหยดเลือดสีแดงสด ร่วงหยดลงมาจากต้นอย่างไม่หยุด

เมื่อหยดลงมา ใกล้กับเปลวไฟดังกล่าวนั้น

เปลวไฟก็เผาไหม้รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เวลาผ่านไปอีกกว่าครึ่งชั่วโมง

บัวเลือดเจ็ดดาวได้ถูกกลั่นจนสำเร็จ กลายเป็นน้ำรวมเลือดเจ็ดหยด

มีลักษณะคล้ายกับเลือด

แต่ไม่ใช่เลือดจริงอย่างแน่นอน

มันคือน้ำรวมของบัวเลือดเจ็ดดาว

ในขณะที่น้ำรวมเลือดเจ็ดหยดได้ผสมรวมกันแล้ว

ก็เกิดการระเบิดสั่นสะเทือนของพลังขึ้นอย่างรุนแรง

แต่พลังดังกล่าวนี้ ได้ถูกพลังจิตญาณของหลินหยุนยับยั้งเอาไว้

ต่อให้เป็นแบบนี้ พวกผู้บำเพ็ญเซียนที่อยู่ในโรงเตี๊ยม ก็รับรู้ได้ถึงพลังที่ผันผวน

ทยอยเงยหน้ามองขึ้นมาชั้นบน จับจ้องไปยังห้องพักของหลินหยุน ด้วยสายตาท่าทางที่สงสัย

เมื่อน้ำรวมเลือดเจ็ดหยดได้ผสมรวมกันเรียบร้อยแล้ว

หลินหยุนก็ปลดปล่อยพลังจิตญาณออกมาไม่หยุด เพื่อผสมรวมเข้ากับน้ำรวมนั้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนพลังของเปลวไฟก็เริ่มที่จะเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น!

หลินหยุนไม่ได้มีความลังเลใจอะไรเลย

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญในการกลั่นยามารเลือด

พลังจิตญาณของเขาได้บรรจุน้ำรวมเข้าไปในตัวอ่อนยาที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

ด้วยพลังความร้อนของเปลวไฟที่ยิ่งจะร้อนแรงมากขึ้นอย่างไม่หยุดนั้น

น้ำรวมเลือดก็กำลังแข็งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เวลาผ่านไปอีกกว่าครึ่งชั่วโมง

โอสถสีเลือดที่กระจ่างสดใส เป็นประกายแวววับอย่างที่สุด ก็ค่อย ๆ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้ว

ในขณะนั้นเอง หลินหยุนก็ตะโกนขึ้น

พลังจิตญาณที่แข็งแกร่งก็ได้ถูกบรรจุใส่เข้าไปด้านใน

ทันใดนั้น

โอสถราวกับว่ามีชีวิตขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น

คิดไม่ถึงว่าจะส่งเสียงหึ่ง ๆ ออกมาเป็นระยะ

จากนั้นหลินหยุนก็ได้ท่องคาถาเก็บรวมโอสถ

เสียงหึ่ง ๆ และแรงสั่นสะเทือนก็ปรากฏขึ้นพร้อมกัน

นี่คือการเพิ่มระดับหนึ่งขั้นแดน

ในเวลาสำคัญ สามารถรักษาชีวิตได้ เป็นเรื่องปกติ!

อีกทั้งในขั้นแดนจิตปฐมนี้

โอสถที่สามารถใช้ให้เกิดผลในแบบดังกล่าวนั้นมีจำนวนไม่มาก

หลินหยุนมองไปที่ขวดหยก และพูดพึมพำขึ้นว่า “มีเพียงแค่ยามารเลือด คงไม่เพียงพอที่จะรวบรวมหินทิพย์ห้าแสนก้อนได้ น่าจะต้องคิดหาวิธีการอื่นเพิ่มเติมด้วย! ”

หลินหยุนนึกถึงการหลอมเครื่องรางขึ้นได้

แต่การหลอมเครื่องรางก็ต้องใช้วัสดุเช่นกัน

โดยเฉพาะการหลอมเครื่องรางในระดับที่ผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐมสามารถใช้งานได้

ซึ่งในตอนนี้หลินหยุนไม่มีวัสดุที่จะสามารถใช้ในการหลอมเครื่องรางระดับนี้ได้

สำหรับขวดหยกเขียวที่เพิ่งจะได้มานั้น

หลินหยุนก็ไม่ค่อยอยากที่จะนำไปประมูลสักเท่าไร

อีกอย่างหนึ่งก็คือ

ผู้อาวุโสที่ถูกหลินหยุนสังหารนั้น ก็น่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่มีชื่อเสียง ในพื้นที่ที่ไม่มีการปกครองนี้อย่างแน่นอน

ยอดฝีมือแดนจิตปฐมตอนกลาง

คงจะเป็นที่รู้จักของทุกคนอยู่แล้ว

ยอดฝีมือระดับนี้ ใช้สมบัติล้ำค่าอะไรบ้าง แน่นอนว่าคงจะไม่มีผู้ใดที่ไม่ทราบ

เมื่อนำขวดหยกเขียวนี้ไปประมูล

ก็เท่ากับว่าเป็นการบอกให้กับทุกคนทราบว่า

ยอดฝีมือคนนั้นได้ถูกหลินหยุนสังหารลงไปแล้ว

สมบัติล้ำค่าก็ตกเป็นของหลินหยุนแล้ว

แม้ว่าหลินหยุนจะไม่หวาดกลัวเรื่องเหล่านี้

แต่ในเวลานี้ เขาเองก็ไม่อยากที่จะไปสร้างปัญหาอะไรให้เกิดขึ้นอีก

ในขณะที่หลินหยุนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น

โม่หยู่ก็กลับมาถึงแล้ว

โม่หยู่เดินเข้าไปในห้องของหลินหยุน และพูดขึ้นว่า “พี่หลิน ได้ไปสอบถามมาอย่างชัดเจนแล้ว! เหลืออีกสามวันก็จะถึงงานประมูลของหอซิวซิน นี่คือรายการสิ่งของที่จะทำการประมูล! ”

ขณะที่พูด ก็ได้นำใบรายการมอบให้กับหลินหยุน

หลินหยุนนำขึ้นมาดู

โดยได้กวาดสายตาดูจากบนลงล่าง แล้วก็พยักหน้าเล็กน้อย

เป็นงานประมูลที่มีขนาดใหญ่และมีมูลค่าสูงจริง ๆ ด้วย!

โดยสิ่งของแต่ละชิ้นที่นำมาประมูลนั้น

ล้วนเป็นสิ่งของที่หาได้ยาก และมีมูลค่าสูงมาก

แต่ถ้านำยามารเลือดของหลินหยุนออกมาวางประมูล จะต้องเป็นสิ่งที่ล้ำค่าและหายากแน่นอน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์