หลินหยุนพูดขึ้นว่า “ผู้ฝึกอิสระ หลินหยุน! ”
หลิ่วหมิงพยักหน้า แล้วหันหน้ากลับไปพูดกับชายชรานั้นว่า “เดิมทีก็คือสหายหลินหยุนนั่นเอง สหายหลินหยุน ท่านนี้คืออาจารย์กู่เหอเป็นผู้ที่ควบคุมดูแลหอซิวซินในเมืองเทียนเอินแห่งนี้! ”
“อาจารย์กู่เหอเป็นนักกลั่นยาระดับสี่ขั้นสูงสุด! ”
“เมื่อครู่ที่ฉันบอกว่าเคยพบเห็นยามารเลือดมาครั้งหนึ่งนั้น! ”
“ยามารเลือดเม็ดนั้น ก็มาจากการกลั่นของอาจารย์กู่เหอคนนี้! ”
หลินหยุนเองได้ยกมือแสดงความเคารพให้กับฝ่ายตรงข้าม
แต่ดูเหมือนว่าอาจารย์กู่เหอท่านนี้จะมีนิสัยที่ไม่ค่อยดีนัก
เห็นดังนั้นแล้วก็เพียงแค่กวาดสายตามองไปที่หลินหยุน จากนั้นก็เดินเข้ามาหยิบขวดหยกที่อยู่บนโต๊ะ แล้วหันหลังไปพูดกับหลิ่วหมิงว่า “ยามารเลือดเม็ดนี้น่ะเหรอที่นายบอกว่า ฤทธิ์ของยาสามารถมีผลได้ยาวนานถึงครึ่งชั่วโมงเลย? ”
หลิ่วหมิงรีบพยักหน้าและพูดขึ้นอย่างสุภาพว่า “ถูกต้อง! คือยามารเลือดเม็ดนี้ ซึ่งมีกลิ่นอายที่รุนแรง และก็น่าจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าเม็ดที่ฉันเคยเห็นที่ท่านอาจารย์ก่อนหน้านี้ด้วย! ”
“สหายหลินหยุนบอกว่า ยามารเลือดเม็ดนี้กลั่นมาจากบัวเลือดเจ็ดดาวที่เติบโตเต็มที่! ”
“เป็นยามารเลือดชั้นยอดในบรรดายามารเลือดทั้งหมด! ”
“สามารถที่จะออกฤทธิ์ยาวนานได้ถึงครึ่งชั่วโมงเลย! ”
“แน่นอนว่า เรื่องนี้จะต้องให้อาจารย์กู่เหอตรวจสอบวินิจฉัยด้วยตนเองก่อน! ”
กู่เหอได้ยินดังนั้น พลันส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา แล้วก็กวาดสายตามองไปยังหลินหยุนด้วยความเหยียดหยาม และพูดขึ้นว่า “ยามารเลือดที่สามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนานครึ่งชั่วโมงนั้น ฉันเองไม่เพียงแต่จะไม่เคยเห็น และยิ่งจะไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลยด้วย! ”
“ดูเหมือนว่าวันนี้ ฉันสามารถที่จะได้เปิดหูเปิดตาเพิ่มพูนความรู้แล้ว! ”
ขณะที่พูด ก็ได้เปิดขวดหยกออก
ทันใดนั้น
พลังชี่เลือดที่แข็งแกร่งรวมถึงกลิ่นหอมของโอสถก็แผ่กระจายไปทั่ว
ขณะนั้น กู่เหอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที
พลันสูดหายใจลึก
ดวงตาที่แก่ชราคู่นั้นก็เป็นประกายขึ้น
แสดงอาการท่าทางที่เหลือเชื่อ!
“นี่......”
“นี่คือยามารเลือดจริง ๆ เหรอ? ”
“เป็นไปได้อย่างไร? ”
“ทำไมที่ตัวยามารเลือดถึงได้มีกลิ่นอายที่รุนแรงกำลังผันผวนอยู่? ”
เขาหายใจถี่ขึ้นในทันที
จากนั้นก็ได้เทยามารเลือดออกมาจากในขวดหยกนั้น
วางไว้บนมือ
กลิ่นอายที่ผันผวนนั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้น
แม้แต่ลวดลายด้านบนของโอสถก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน
มองดูอยู่ครู่หนึ่ง กู่เหอก็ยังคงตื่นเต้นดีใจอย่างที่สุด สายตาที่ตื่นตะลึงไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย
เขาพลันมองไปที่หลินหยุน และถามขึ้นว่า “ไอ้หนุ่ม โอสถนี้ใครเป็นผู้กลั่น? ”
หลินหยุนได้ยินดังนั้น ก็หันหน้ามองไปที่หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านข้าง และพูดขึ้นว่า “เถ้าแก่หลิ่ว หอของท่านมีกฎเกณฑ์แบบนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ? ”
หลิ่วหมิงส่ายมือไปมา พร้อมกับกล่าวขอโทษและพูดอธิบายว่า “สหายหลินหยุนอย่าได้เข้าใจผิดไป หอซิวซินของเราไม่มีกฎเกณฑ์แบบนี้! ”
ขณะที่พูด ก็รีบหันมองไปที่กู่เหอและพูดขึ้นว่า “อาจารย์กู่เหอ หอของพวกเรานั้นไม่สามารถที่จะสอบถามเรื่องเหล่านี้กับทางลูกค้าได้”
กู่เหอกลับไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ พลันเดินขึ้นมาด้านหน้า และพูดขึ้นอย่างรีบร้อน “ไอ้หนุ่ม ฉันขอสอบถามนายเป็นการส่วนตัว เพียงแค่นายสามารถบอกผู้ที่กลั่นยานี้ให้กับฉันแล้ว ฉันจะตกลงช่วยกลั่นยาให้นายสามครั้ง! ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า “แล้วโอสถเม็ดนี้ของฉัน อาจารย์กู่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่ไหม? ”
กู่เหอพูดขึ้นทันทีว่า “ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน! โอสถนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสี หรือว่าลักษณะ ลวดลาย รวมถึงกลิ่นอายของโอสถแล้ว ล้วนไม่มีปัญหาอะไรเลย! ”
“ก่อนหน้านี้ที่ได้ยินหลิ่วหมิงพูดนั้น! ”
“ฉันเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ! ”
“ตอนนี้ฉันได้เห็นกับตาของตนเองแล้ว และได้สัมผัสด้วยตนเองแล้ว! ”
“กลับกลายเป็นเหมือนการตบหน้าของตนเอง! ”
“โอสถนี้คือโอสถชั้นยอดจริง ๆ! ”
“ในจำนวนโอสถสี่ระดับนั้น ถือว่าโอสถนี้เป็นโอสถชั้นสูงสุดอย่างแน่นอน! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...