ไม่นานนักราคาประมูลของวิชาฝึกฝนก็ทะลุเกินจำนวนหินทิพย์หนึ่งล้านก้อนแล้ว
โดยคิดไม่ถึงว่าราคาประมูลจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้
แม้ว่าหลินยุนจะไม่ได้เข้าร่วมแข่งประมูล แต่สายตาของเขากลับเป็นประกายขึ้นมาทันที
เขาคิดไม่ถึงว่า วิชาฝึกฝนระดับดินเล่มหนึ่งจะสามารถมีราคาประมูลได้สูงมากขนาดนี้
แต่เมื่อคิดขึ้นว่าที่นี่คือเขตเหนือ เป็นดินแดนที่แห้งแล้งอย่างที่สุด ก็ไม่แปลกใจอะไรแล้ว
ขณะที่ทุกคนกำลังทยอยแข่งขันประมูลราคา ถึงขั้นที่ร้อนแรงดุเดือดนั้น
มือของหลินหยุนก็เปล่งประกายแสงขึ้น
แผ่นหยกชิ้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา
จากนั้นก็ใช้พลังจิตญาณ
หลังจากที่ครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่สักพัก ก็เริ่มลงมือเขียนสลักลงบนแผ่นทองชิ้นนั้น
ถ้าหากเขารู้ว่า ลำพังแค่วิชาฝึกฝนระดับดินที่ธรรมดานี้ จะมีมูลค่าที่สูงมากในสถานที่แห่งนี้แล้ว เขาก็คงจะไม่นำยามารเลือดมาทำการประมูลอย่างเด็ดขาด!
สำหรับเขาแล้ว
ยามารเลือดนี้มีความล้ำค่ามากกว่าวิชาฝึกฝนระดับดินนั้นมากมายเลย
ช่วงวิกฤตสำคัญสามารถที่จะปกป้องคุ้มกันชีวิตได้
อย่าพูดว่าวิชาฝึกฝนระดับดินเลย
ต่อให้เป็นวิชาฝึกฝนระดับฟ้าก็เปรียบเทียบกันไม่ได้
หลินหยุนมีความสามารถด้านวิชาฝึกฝน มากมายมหาศาล
ชาตินี้ที่กลับมาเกิดใหม่
ในจำนวนวิชาฝึกฝนชั้นยอดจำนวนมากมาย เขาได้ทำการเลือกคาถากลืนสวรรค์ที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด
ก็แค่เขียนวิชาฝึกฝนระดับดินธรรมดาเล่มหนึ่งเท่านั้น
และยังเป็นวิชาฝึกฝนระดับดินขั้นต่ำสุดอีกด้วย
สำหรับเขาแล้ว มันง่ายยิ่งกว่าการทานข้าวดื่มน้ำเสียอีก
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง หลินหยุนก็ถือแผ่นหยกเล่นอยู่ในมือ
หยิบยันต์สื่อสารออกมาแล้วก็ส่งข้อความไปให้กับหลิ่วหมิง
ไม่นานนัก หลิ่วหมิงก็เดินขึ้นมาที่ชั้นสอง ที่ห้องรับรองของหลินหยุน
เมื่อเห็นหลิ่วหมิงปรากฏตัวขึ้น
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างก็จับจ้องมองมากันด้วยความสงสัย
แต่ขณะนี้กำลังทำการแข่งขันประมูลราคากันอย่างดุเดือด คนอื่นก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก
เมื่อเดินเข้ามา หลิ่วหมิงก็ยกมือแสดงความเคารพและพูดขึ้นว่า “สหายหลินหยุน ที่เรียกฉันมาพบไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอ? ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า “สหายหลิ่วหมิง ฉันมีสิ่งของชิ้นหนึ่ง ที่ต้องการจะประมูล ไม่ทราบว่าสหายหลิ่วหมิงจะยินยอมหรือไม่? นอกจากนี้ หากเป็นไปได้แล้วล่ะก็ ฉันต้องการที่จะนำยามารเลือดเม็ดนั้นแลกเปลี่ยนกลับคืนมา! ”
หลิ่วหมิงทราบดีว่าที่หลินหยุนเรียกเขามาพบในตอนนี้นั้น จะต้องมีเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน
แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่า
จะเป็นอย่างนี้ไปได้
เวลานี้เขามองไปที่หลินหยุนอย่างลำบากใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า “สหายหลินหยุน หากจะเพิ่มสิ่งของประมูลอีกสักหนึ่งชิ้นนั้น ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร! เพราะเพิ่งจะดำเนินการไปเพียงสองในสามส่วนของงานเท่านั้น! ”
“แต่ว่า หากจะทำการเปลี่ยนยามารเลือด คงจะไม่ได้อย่างแน่นอน! ”
“แม้ว่ายามารเลือดจะไม่มีอยู่ในรายการสิ่งของประมูล! ”
“แต่ทางพวกเราได้ทำการแพร่กระจายข่าวสารออกไปแล้ว! ”
“ถ้าหากในการประมูลไม่มียามารเลือดแล้วล่ะก็ จะเป็นการทำลายชื่อเสียงความเชื่อมั่นของหอซิวซินของพวกเรา อย่างหนักหนาเลยทีเดียว! ”
“ดังนั้น......”
“หวังว่าสหายหลินหยุนจะเข้าใจได้! ”
หลินหยุนพยักหน้า
ที่จริงแล้วผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ เขาเองก็ไม่แปลกใจอะไร
เพราะว่ามันเป็นการกระทำที่ผิดกฎเกณฑ์
เขาเองก็แค่ลองสอบถามดูก็เท่านั้น
ถ้าหากว่าได้
นั่นก็ดีที่สุด!
ถ้าหากไม่ได้!
งั้นก็ไม่เป็นไร!
หลินหยุนได้ยื่นแผ่นหยกไปให้กับหลิ่วหมิง และพูดขึ้นว่า “เถ้าแก่หลิ่ว นี่คือวิชาฝึกฝนธาตุฟ้าร้องระดับดินตอนต้น ช่วยนำไปทำการประมูลให้ฉันหน่อยสิ! ”
ได้ยินที่หลินหยุนพูด หลิ่วหลิงถึงกับตกใจ “วิชาฝึกฝนธาตุฟ้าร้องระดับดิน? ”
หลินหยุนพยักหน้า และพูดว่า ”ระดับดินตอนต้น! ”
หลิ่วหมิงสูดหายใจลึก และพูดอย่างหวั่นไหวว่า “สหายหลินหยุน คุณแน่ใจนะว่าจะนำวิชาฝึกฝนธาตุฟ้าร้องระดับดินที่ล้ำค่ามากขนาดนี้ไปทำการประมูล? ”
ขณะที่หลิ่วหมิงพูด ก็มองออกไปด้านนอกอย่างไม่ตั้งใจ
แน่นอนว่า ประตูนั้นปิดอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...