ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่หลินหยุนจะสามารถแสดงร่างรางของมหากษัตริย์ได้
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว
หลังจากที่เขาฟื้นคืนชีวิตกลับมานั้น
ด้วยพลังบำเพ็ญที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงค่อย ๆ พบว่ามีดวงจิตที่เคยได้เก็บรักษาเอาไว้
สิ่งนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นไพ่เด็ดคุ้มกันชีวิตใบสุดท้าย ที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างที่สุด
สิ่งที่เขาพิจารณานั้น
ก็คือว่า เพื่อที่จะได้ครอบครองแก้วหินวิญญาณของพญาค้างคาว แล้วต้องแสดงร่างรางของมหากษัตริย์เป็นครั้งสุดท้ายนั้น มันเหมาะสมและคุ้มค่าหรือไม่
อันที่จริงไม่ว่าจะพิจารณาในด้านไหน
ล้วนแต่เป็นการสูญเสียทั้งหมด!
พิจารณามาถึงขั้นสุดท้าย หลินหยุนก็ยังคงตัดสินใจที่จะใช้อยู่ดี!
ก็เหมือนกับที่เจียซินพูดไว้ว่า
นี่เป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
ที่จะสามารถได้ครอบครองแก้วหินวิญญาณของพญาค้างคาว
ซึ่งจะทำให้ทั้งการบำเพ็ญฝึกฝนและหล่อหลอมด้านพลังแห่งจิตวิญญาณของเขาในอนาคตนั้น สะดวกราบรื่นอย่างมากเลยทีเดียว
อย่างน้อยก่อนที่จะเข้าสู่ธรรมะก็คงเป็นแบบนี้
โดยไม่จำเป็นที่จะต้องไปตามหาสมบัติล้ำค่าเพื่อบำเพ็ญฝึกฝนด้านจิตวิญญาณอีกต่อไปแล้ว
เพียงแค่ดูดซับพลังของแก้วหินวิญญาณอย่างต่อเนื่องก็เพียงพอแล้ว!
นี่ก็คือโชคชะตา!
แต่หากเก็บไพ่เด็ดใบนี้ไว้ ก็เท่ากับว่าเขาจะต้องไปตามหาสมบัติล้ำค่าและทรัพยากรที่มากขึ้น
ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะตามหากันได้ง่าย ๆ
ดังนั้น
เขาจึงได้ตัดสินใจ
กลืนกินแก้วหินวิญญาณของพญาค้างคาวที่ถูกผนึกเอาไว้
ทำให้สามารถครอบครองทะเลพลังจิตของพญาค้างคาวได้โดยสมบูรณ์
บวกกับรอยประทับสุดท้ายที่ปลดปล่อยโดยร่างรางของมหากษัตริย์
ทำให้พญาค้างคาวในเวลานี้ ไม่มีการดิ้นรนต่อสู้อะไรเลย
เพราะว่ามันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของหลินหยุนไปแล้ว
เวลานี้ หลินหยุนมีสีหน้าขาวซีดอยู่บ้าง
พลังแห่งจิตวิญญาณควบคุมพญาค้างคาวให้มุดออกไปยังท้องทะเล
โดยที่เขานั่งอยู่บนศีรษะของพญาค้างคาว
รับรู้สัมผัสเล็กน้อย จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้
โดยเขาได้ประทับรอยประทับไว้บนร่างของฉินหลันและโม่หยู่สองหญิงสาวนั้น
แม้ว่าในเวลานี้จะอยู่ท่ามกลางทะเลไม่สิ้น
ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายจะห่างไกลกันเป็นอย่างมาก
แต่ความรู้สึกอันเบาบางก็ยังคงมีอยู่บ้าง
พญาค้างคาวมุ่งหน้าเดินทางอย่างรวดเร็วในทะเลไม่สิ้น
ด้านหลังยังมีค้างคาวทะเลติดตามมาอยู่เป็นจำนวนมาก
นี่คือราชาของพวกมัน
ภายใต้คำสั่งของราชา พวกค้างคาวทะเลจำนวนมากจะต้องติดตามอยู่อย่างใกล้ชิดแน่นอน
เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบวัน
ในที่สุด
บริเวณเบื้องหน้า ก็มองเห็นเรือทะเลลำใหญ่หนึ่งลำ
เรือทะเลมีความเร็วอย่างมาก
แต่พญาค้างคาวมีความเร็วมากยิ่งกว่า
เมื่อเห็นเรือลำใหญ่นั้น
หลินหยุนก็ถอนหายใจยาว
ในที่สุดก็ไล่ตามทันแล้ว!
ไม่รู้ว่าพวกคนบนเรือนั้น เมื่อได้พบเห็นเขา จะแสดงอาการท่าทางอย่างไรกันบ้าง
แต่ว่า
หลังจากที่ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้ว
หลินหยุนก็ยังไม่ได้เข้าไปใกล้
เพราะว่าหากเข้าไปใกล้ในตอนนี้
อาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นก็เป็นได้
เมื่อพิจารณาจากรอยประทับบนร่างของฉินหลันและโม่หยู่ที่ไม่ได้มีการถูกทำร้ายอะไรนั้น
นั่นแสดงว่าหญิงสาวทั้งสองที่อยู่บนเรือไม่ได้ประสบกับอันตรายใด ๆ
ระยะห่างใกล้เข้ามามากขนาดนี้แล้ว
ความรู้สึกสัมผัสก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
จึงทำให้หลินหยุนวางใจลงได้อย่างสิ้นเชิง
ค้างคาวทะเลบินไล่ตามอย่างต่อเนื่อง โดยที่หลินหยุนติดตามอยู่ด้านหลังของเรือใหญ่ในช่วงระยะห่างออกไกล
ติดตามแบบนี้มาเป็นเวลานานนับเดือนแล้ว
จนวันหนึ่ง
ด้านหน้าก็ปรากฏพื้นดินแห่งหนึ่งขึ้น
หรือจะบอกว่าเป็นเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งน่าจะเหมาะสมมากกว่า
มองไปยังเกาะแห่งนั้น
หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย และพูดพึมพำกับตนเองว่า “นั่นคงจะเป็นเกาะนกนางนวลล่ะสิ? ”
เพราะว่าในช่วงหลายวันมานี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...