จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1557

สรุปบท บทที่ 1557 ราวกับแมลงวัน: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

อ่านสรุป บทที่ 1557 ราวกับแมลงวัน จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บทที่ บทที่ 1557 ราวกับแมลงวัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จูผาซู่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

สุ่ยหยุนพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก ก็แค่คุณหนูของเราให้ฉันมาคอยอารักขาส่งคุณชายหลินหยุนก็เท่านั้นเอง! ”

เมื่อพูดจบ

สุ่ยหยุนก็กวัดแกว่งแขน

เรือมังกรก็ลอยกลับไปทันที

ในเมื่อเธอปรากฏตัวขึ้น และก็ทำการหยุดขัดขวางแล้ว

นั่นก็เพียงพอแล้ว

ไม่จำเป็นที่จะต้องคอยอารักขาต่อไปอีก

หลินหยุนเห็นฝ่ายตรงข้ามจากไป

ก็ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก้พูดกับฉินหลันและโม่หยู่ว่า “พวกเราก็ไปกันเถอะ! ”

ครึ่งวันผ่านไป

ทั้งสี่คนก็ขึ้นเรืออีกครั้ง

แต่ว่า เพราะหลินหยุนปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์

รวมถึงกลิ่นอายลมหายใจเดิม

ดังนั้นก็เลยไม่มีใครจดจำเขาได้

ที่เกาะนกนางนวลนี้ก็มีผู้คนขึ้นเรือมาจำนวนไม่น้อย

ทั้งหมดล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียนของแต่ละสำนักใหญ่ ภายในเมืองนกนางนวล

แน่นอนว่า ในจำนวนนั้นก็มีผู้ฝึกอิสระอยู่บ้าง

หลังจากที่ขึ้นเรือแล้ว

หลินหยุนก็เข้าไปในห้องพักส่วนตัวเพื่อที่จะเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝน

เขาเพิ่งจะกลืนกินแก้วหินวิญญาณของพญาค้างคาวนั้นเข้าไป

ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาจะต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นจึงไม่อยากที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้

ทุกคนขึ้นเรือเรียบร้อย

และหลังจากที่ผู้อารักขาได้นับตรวจสอบจำนวนคนที่ขึ้นเรือแล้ว เรือใหญ่ก็ค่อย ๆ ขับเคลื่อนออกจากเกาะนกนางนวลอีกครั้ง

มุ่งหน้าเดินทางไปยังเขตกลางฟ้า

สำหรับหลินหยุน

ตอนที่ผู้อารักขาได้ทำการตรวจสอบสถานะนั้น ก็พบเข้าโดยตรง

ขณะมองไปที่หลินหยุน

ความตื่นตระหนกตกใจนั้น ช่างมากมายเกินกว่าที่จะบรรยาย

แต่หลังจากที่ตื่นตกใจแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม

เดินออกไปจากห้องพักส่วนตัวของหลินหยุน

เรือใหญ่ขับเคลื่อนมุ่งหน้าไปยังทิศใต้

ยังเหลือระยะเวลาการเดินทางอีกหนึ่งปีกว่า

จะว่านานก็ไม่นาน จะว่าเร็วก็ไม่เร็ว

แต่หลินหยุนก็ไม่ได้ลดความระมัดระวังตัวลง

ทำตามที่สุ่ยหยุนได้เคยพูดเตือนเอาไว้

เฮยเฟิงของสมาคมออมชอมทะเลคือน้องชายแท้ ๆ ของเจ้าสำนักพญาทะเล

ถ้าเป็นเช่นนี้

ถ้าอย่างนั้นเรือใหญ่ลำนี้ก็เทียบเท่ากับว่าเป็นของทางเฮยเฟิงแล้ว

แม้ว่าก่อนหน้านี้ เฮยเฟิงเหมือนอยากที่จะกำหนดกรอบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับสำนักพญาทะเล

แต่ดูแล้ว

ใครก็ไม่กล้าที่จะกระทำจริง ๆ เป็นแน่!

ด้วยสถานะของสำนักพญาทะเล

ในเกาะนกนางนวลแห่งนี้ ในบริเวณทะเลไม่สิ้นแห่งนี้

แม้ต่อให้เป็นถึงสำนักเลือนรางเองก็ยังคงมีความหวาดกลัวอยู่บ้าง

ไม่อยากที่จะทะเลาะหักหน้าฝ่ายตรงข้ามอย่างเป็นจริงเป็นจัง

นั่นแสดงว่าสำนักพญาทะเลนั้นมีความแข็งแกร่งมากขนาดไหน!

แต่เมื่อเดินทางไปนานหลายเดือนแล้ว พวกคนของสมาคมออมชอมทะเลนั้นก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเลย

เขาถึงขนาดทำการสำรวจเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่พบแม้แต่เงาของพวกคนเหล่านั้น

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

ครึ่งปีผ่านไป

ในที่สุดเส้นชายฝั่งทะเลที่ยาวไร้ขอบเขตนั้นก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าแล้ว

เขตกลางฟ้า

ในที่สุดก็ใกล้จะถึงแล้ว

แม้ว่าเวลานี้จะยังคงอยู่ในทะเลไม่สิ้น

แต่ระดับความหนาแน่นของชี่ทิพย์ในอากาศนั้น มีมากกว่าทางเขตเหนือแล้ว

นับตั้งแต่ที่เห็นเส้นชายฝั่งทะเลที่ทอดยาว

เรือใหญ่ก็ยังคงขับเคลื่อนอยู่อีกสองเดือน ถึงจะได้เข้าใกล้ชายฝั่ง

และเมื่อยิ่งเข้าใกล้กับพื้นดินมากขึ้น

ชี่ทิพย์ในอากาศนั้นก็จะยิ่งมีความหนาแน่นมากขึ้น

สภาพกลิ่นในอากาศโดยทั่วไป เต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวาน

วันนี้

ในที่สุดเรือใหญ่ก็ได้เข้าเทียบชายฝั่งแล้ว

บนเรือก็มีเสียงตะโกนโห่ร้องแสดงความยินดีดังขึ้นเป็นระยะ

เขตกลางฟ้า!

ใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้นสามปี

ในที่สุดก็ผ่านพ้นอันตรายความเสี่ยงจนมาถึงที่หมายแห่งนี้แล้ว

พวกคนเหล่านี้โชคดีเป็นอย่างมาก

เพราะมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่ต้องตายลงในระหว่างการเดินทาง

ร่างศพถูกฝังอยู่ท่ามกลางทะเลไม่สิ้นที่กว้างใหญ่ไพศาล

ซึ่งในบริเวณที่ห่างออกไปนับพันลี้ด้านหลังของเรือใหญ่นั้น

หลังจากที่รอให้เรือใหญ่เทียบท่าชายฝั่งทะเลแล้ว

ร่างที่ใหญ่มหึมานั้นก็หยุดการติดตามลง

หลังจากที่หยุดพักสักชั่วครู่แล้ว ก็ได้ย้อนกลับไปยังทะเลไม่สิ้น

“โอเค ในเมื่อตอนนี้ก็ได้ยืนยันสถานะกันอย่างแน่ชัดแล้ว งั้นก็ไม่ต้องมาเสียเวลากันต่อไปอีก! ”

“อย่างนี้แล้วกัน ฉันจะให้โอกาสนายสักครั้งหนึ่ง! ”

“หากนายเลือกที่จะฆ่าตัวตาย ฉันก็จะปล่อยร่างศพของนายไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์! ”

หลินหยุนส่ายศีรษะเล็กน้อย “ผู้บำเพ็ญเซียนเขตกลางฟ้า ต่างก็โง่เขลาและกำเริบเสิบสานอย่างนายทั้งหมดเลยเหรอ? ”

ชายชราได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะเหอะเหอะ “ไม่ใช่หรอก แต่ฉันรู้สึกว่า ต่อให้ฉันจะกำเริบเสิบสานต่อหน้าเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างนายบ้างแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย! ”

เมื่อพูดจบ

ชายชราก็ชักกระบี่ยาวที่อยู่ในมือออกมาทันที

แล้วก็ฟาดฟันเข้าใส่หลินหยุน

ชี่กระบี่แผ่กระจายไปทั่ว

ทันใดนั้น

เบื้องหน้าของหลินหยุนก็กลายเป็นสีดำมืดมิดอย่างไร้ขอบเขต

ไม่ทันที่จะได้ลงมือเลย

จึงรีบเหาะถอยหลังออกมา

แต่ชี่กระบี่นับไม่ถ้วนก็ได้ฟาดฟันไปที่ร่างของเขาแล้ว

ชั่วพริบตาเดียว

ร่างของหลินหยุนก็เกิดบาดแผลขึ้นนับร้อยจุด

เลือดก็ไหลเปรอะเปื้อนไปบนชุดคลุมของเขาจนกลายเป็นสีแดงแล้ว

สีหน้าท่าทางของหลินหยุนก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันใด

ผู้ที่อยู่เบื้องหน้านี้ แข็งแกร่งอย่างมาก!

ผู้นี้คือผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐมตอนปลายอย่างแท้จริง!

อีกทั้งระยะเวลาที่เข้าสู่แดนจิตปฐมตอนปลายนั้น ก็ต้องนานมากแล้วด้วย!

นี่คือยอดฝีมือแดนจิตปฐมตอนปลายที่แข็งแกร่งคนหนึ่งอย่างแน่นอน!

หลินหยุนสีหน้าเคร่งขรึม

วันนี้เห็นทีว่าคงจะต้องต่อสู้อย่างเป็นจริงเป็นจังแล้ว

เห็นชุดคลุมของหลินหยุนเปรอะเปื้อนเลือดจนกลายเป็นสีแดงแล้ว ชายชราก็ยิ้มเยาะ “เป็นอย่างไรบ้าง ที่จริงแล้วฉันหวังดีกับนาย ฉันอยากให้นายฆ่าตัวตายเอง ซึ่งถือเป็นการเมตตาต่อนายอย่างที่สุดแล้ว! ”

หลินหยุนสูดหายใจลึก “ฉันน่าจะไม่ต้องการ! ”

เมื่อพูดจบ

ก็พลันกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า และหายแวบไปในอากาศ

วินาทีถัดมา

ร่างรางของเซียนขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น

ในมือของร่างรางของเซียน มีกระบี่ยักษ์เล่มหนึ่ง และได้ฟาดฟันออกไปทันที

พลังของกระบี่ สั่นสะเทือนไปทั่วปฐพี

เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ทำให้พวกผู้บำเพ็ญเซียนที่กำลังเดินผ่านหรืออยู่บริเวณนั้น ต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป รีบหันมามองทางด้านนี้

เมื่อเห็นร่างรางของเซียนนั้นแล้ว

ต่างก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก

ส่วนชายชราที่ถูกพลังของหลินหยุนล็อคเป้าหมายเอาไว้นั้น ดวงตาที่แก่ชราก็กะพริบติดต่อกันอย่างไม่หยุด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์