จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1564

สรุปบท บทที่ 1564 มีอคติอย่างนั้นหรือ: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปเนื้อหา บทที่ 1564 มีอคติอย่างนั้นหรือ – จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บท บทที่ 1564 มีอคติอย่างนั้นหรือ ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จูผาซู่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

คำพูดของหลินหยุน ทำให้ฉินหลันกับโม่หยู่เป็นกังวลกันขึ้นมา

โดยเฉพาะทางฝั่งโม่หยู่

ถึงขั้นไม่เข้าใจ ว่าทำไมหลินหยุนถึงได้มีอคติกับซินเอ๋อขนาดนี้

จริงๆ แล้วแต่ตั้งตอนแรก

หลินหยุนไม่เคยมองหน้าซินเอ๋อตรงๆ เลย

ไม่ว่าจะสำหรับฉินหลัน

หรือว่าสำหรับโม่หยู่

ล้วนไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร

แต่ตอนนี้

คำพูดของหลินหยุน

ก็ยิ่งทำให้พวกเธอมึนเข้าไปใหญ่

นี่มันไม่ใช่การพูดกับเด็กคนหนึ่ง

แต่มันเป็นการพูดกับคนเก่งที่มีความคิดทางด้านแผนการอย่างลึกซึ้ง

แต่ว่าก่อนหน้านี้

ฉินหลันไม่ได้พูดอะไร

เพราะว่าเธอรู้ว่าตนเองไม่ค่อยเข้าใจสิ่งพวกนี้

และยิ่งไม่เข้าใจเด็กผู้หญิงคนนี้

แต่เธอรู้ว่า

อยู่ดีๆ หลินหยุนคงจะไม่พูดกับคนอื่นด้วยกิริยาท่าทางแบบนี้

ที่หลินหยุนทำแบบนี้

คงจะต้องมีเหตุผลของเขา

ดังนั้น

พอคิดไปเสียแบบนี้

ถึงแม้ฉินหลันจะสนิทกับนิดหน่อย

แต่จริงๆ แล้วมันก็มีข้อจำกัด

ส่วนโม่หยู่

เธอก็แค่คิดไม่ตกเท่านั้นเอง

ตอนนี้ก็เห็นซินเอ๋อก้มหัวไปจนจะถึงหน้าอก ท่าทางเหมือนจะร้องไห้

โม่หยู่มองไปทางหลินหยุน แล้วก็พูดออกมาเบาๆ ว่า “พี่หลิน คือพี่......เข้าใจอะไรผิดกับซินเอ๋อหรือเปล่า......”

หลินหยุนยกมือขัดจังหวะเธอพูด สายตาก็จ้องไปที่ตัวของซินเอ๋ออีกครั้ง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมหวังว่าคำพูดที่ผมพูดออกไปทั้งหมด คุณจะจำมันไว้ให้ดี”

ซินเอ๋อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารัวๆ พร้อมพูดว่า “พี่หลินวางใจได้ ซินเอ๋อจะจดจำให้ขึ้นใจ!”

ท่าทางที่กลัวๆ ใครเห็นก็สงสารนี้

ไม่รู้ว่าทำให้ใครหลายคนมีใจคิดชั่วไปมากเท่าไรแล้ว

ทำท่าเหมือนตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม

แต่หลินหยุนก็ยังคงทำใบหน้าเย็นชาเหมือนเดิม ไม่ใช้คำพูดหรือสีหน้าอะไรมากปกปิดอารมณ์

นิ่งไปครู่หนึ่ง

หลินหยุนก็พูดว่า “แบบนี้ก็ดี!”

พูดไป ก็มองไปยังฉินหลันกับโม่หยู่ “พวกคุณออกไปก่อน ผมจะปลดการผนึกสายเลือดให้กับเธอ!”

สองสาวพยักหน้า

แล้วก็หันตัวเข้าถ้ำวิมานไป

หลินหยุนก็เริ่มปลดผนึกให้กับซินเอ๋อ

ระยะเวลาที่ลงมือ ยาวนานถึงสามวันสามคืน

ถึงจะจบสำเร็จเรียบร้อยทั้งหมด

พอมีเสียงตะโกนเสียงต่ำๆ ออกมา

ผนึกก็ถูกปลดออกทั้งหมด

หลินหยุนก็กระอักเลือดออกมากองใหญ่

สีหน้าก็ขาวซีด

มันเหมือนกับที่เขาคาดการณ์ไว้

ครั้งนี้ที่ถูกพลังสะท้อนกลับ มันรุนแรงจนเขาเกือบจะรับไว้ไม่ไหว

อีกอย่าง

การปลดผนึกครั้งนี้

จะต้องถูกฝั่งตรงข้ามรับรู้ได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิม!

ก็เลยเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ในถ้ำวิมานเกือบครึ่งเดือน

พอฟื้นตัวมาได้บ้างแล้ว

หลินหยุนก็ค่อยออกมา

แล้วพาผู้หญิงสามคนมุ่งหน้าลงใต้ต่อไป

พอปลดผนึกให้กับซินเอ๋อแล้ว

ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

แต่ว่า

กลับไม่เห็นใบหน้าที่มีอารมณ์ดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันอ่อนโยนของเธอเลย

คนที่ตื่นเต้นที่สุด

ก็คือโม่หยู่

พอเห็นว่าบนตัวของซินเอ๋อมีการเปลี่ยนแปลง

ความตื่นเต้นของโม่หยู่มันก็เกินคำที่ใช้คำอะไรมาบรรยายได้

จากนั้นก็เดินทางกันอีกหลายเดือน

ในที่สุดก็มาถึงยังเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง

นั่นก็คือจุดหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้

เมืองฉงเซียว

มองไปยังเมืองที่กว้างใหญ่และมีความยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้า

ผู้หญิงสามคนระทึกใจจนต้องหายใจเข้ากันอย่างลึก

หลินหยุนก็มีสายตาเย็นชา

ระแวดระวังอย่างมาก

นิ่งไปครู่ใหญ่

หลินหยุนก็ส่ายหัว แล้วไม่เลือกเข้าไปในเมือง

อันตรายเกินไป

เมืองใหญ่แบบเมืองฉงเซียวนี้

จะต้องมีหมายจับลาล่าที่สำนักพญาทะเลประกาศแล้วแน่นอน

พอเข้าเมืองไป

ในโลกนี้ ไม่มีใครเป็นคนโง่

เมื่อราคาที่จ่ายไปไม่ได้สัดส่วนกับกำไรที่คุณจะได้รับ

อย่างนั้นงานทุกอย่างมันก็จะไม่เกิดขึ้น

โม่หยู่ค่อนข้างกังวล มองไปยังหลินยุนแล้วพูดว่า “พี่หลิน ตอนนี้พวกเราไม่เข้าไปยังเมืองฉงเซียวก็ได้ แต่พอตอนที่ถึงเมืองผิงเฉิงแล้วจะทำอย่างไรล่ะ?”

หลินหยุนก็ไม่ค่อยสนใจ พูดไปนิ่งๆ ว่า “ไปถึงที่นั่นเดี๋ยวก็มีวิธีเอง ไม่ได้ก็ต้องได้!ไม่เป็นอะไรหรอก พอถึงเมืองผิงเฉิงค่อยคิดหาวิธีเอาก็ได้แล้ว!”

พอได้ยินหลินหยุนพูดแบบนี้

โม่หยู่ก็ไม่พูดอะไรต่อแล้ว

ในเมื่อหลินหยุนมั่นใจขนาดนี้ คาดว่าน่าจะมีวิธี!

ทั้งสี่คนก็เดินทางอ้อมเมืองเมืองฉงเซียวไป แล้วมุ่งหน้าลงใต้ต่อไป

ระยะทางกว่าหลายแสนลี้

ไม่ใช่ใกล้ๆ เลย

แต่ว่า พอเจอเมืองก็อ้อมออกไปหมด

แต่ก็ไม่ได้ดึงดูดให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

ผ่านไปอีกครึ่งปี

ในที่สุดทั้งสี่คนก็เดินทางมาถึงเมืองผิงเฉิง

เมืองผิงเฉิง

ไม่เสียชื่อที่เป็นเมืองยักษ์

ขอบเขตมันกว้างใหญ่เหนือจินตนาการ

เกรงว่าคนในเมืองน่าจะเกินร้อยล้านคน

และในตอนนี้ โม่หยู่ก็ได้เข้าสู่แดนจิตปฐมอย่างเต็มตัวแล้ว

กลายเป็นผู้บำเพ็ญจิตปฐมตอนต้น

ระหว่างทางที่ผ่านมา หลินหยุนก็ได้ทดสอบพลังของโม่หยู่บ้าง

ก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน

ถึงแม้เมื่อเทียบกับเขาแล้ว จะยังห่างกันมากก็ตาม

แต่ในระดับของแดนนี้ ก็ถือว่าไม่ใช่ผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอแล้ว

อีกอย่าง

นี่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าไม่มีวิชาไม้ตาย

ไม่อย่างนั้นก็คงจะแข็งแกร่งขึ้นมาอีก

มองไปยังเมืองยักษ์ใหญ่ตรงหน้า

หลินหยุนก็มองไปทางโม่หยู่ แล้วให้โม่หยู่เข้าเมืองไปคนเดียว

เข้าไปสืบเรื่องค่ายกลเคลื่อนย้าย

โม่หยู่ก็พยักหน้าแล้วไปจัดการ

กว่าครึ่งวัน จึงกลับออกมา

สีหน้าก็ไม่ค่อยดี

มองไปยังหลินหยุน แล้วพูดว่า “พี่หลิน ถ้าพวกเราอยากจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย คงจะยากหน่อย!”

หลินหยุนสาดสายตาพูดว่า “เพราะอะไร?”

โม่หยู่ก็ตอบว่า “อันดับแรก เคลื่อนย้ายแต่ละคน จะต้องใช้หินทิพย์จำนวนมาก!”

เรื่องนี้ หลินหยุนเตรียมไว้แล้ว “ต้องใช้ทั้งหมดเท่าไร?”

โม่หยู่ก็พูดว่า “พวกเขามีรายชื่อฉบับหนึ่ง!น่าจะประมาณ30สำนัก!ผู้นำก็คือเก้าสำนักใหญ่ แล้วก็มีพวกสำนักระดับสอง!เช่นคนในรายชื่อสำนักพวกนั้น ใช้แค่คนละหนึ่งหมื่นหินทิพย์!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์