สรุปเนื้อหา บทที่ 1573 เรื่องที่ไม่มีใครรู้ – จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่
บท บทที่ 1573 เรื่องที่ไม่มีใครรู้ ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จูผาซู่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ในเวลานี้ ในฝั่งซ้ายที่เป็นศาลาดอกไม้ที่อยู่บนตึก
มีผู้ชายที่ใส่ชุดสีทอง มีใบหน้าที่หล่อเหล่าและสง่างามมากๆ กำลังยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผ่านไปไม่นาน มีผู้หญิงที่ผอมบางและใส่ชุดสีดำ ค่อยๆเดินเข้ามา
ชายวัยรุ่นหันหน้ากลับมาและพูดด้วยรอยยิ้ม "น้องสาว คุณคิดว่าคนๆนี้เป็นยังไงบ้าง ?"
ผู้หญิงคนที่ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอก็คือองค์หญิงเก้าและชายวัยรุ่นที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเธอก็คือไท่จื่อ
เรื่องที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ โดยทั่วไปทุกคนคิดว่าองค์หญิงเก้าป่วยหนักและมีโรคประจำตัว แต่องค์หญิงเก้าเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาเลย เธอกับองค์ชายแปดเหมือนกันเลย ต่างเป็นคนสนิทขององค์ชายสาม
เพราะพวกเขาสามคนเกิดจากแม่คนเดียวกัน และตั้งแต่เล็กจนโตก็เติบโตมาพร้อมกัน มีความสนิทกันมากๆ
ผู้คนส่วนใหญ่ ร่วมถึงข้าราชสำนักต่างๆก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกัน ถ้าไม่มีองค์หญิงเก้าค่อยช่วยเหลือ องค์ชายสามไม่สามารถแย่งชิงบัลลังก์กับไท่จื่อได้อยู่แล้ว
แม้แต่อ๋องบุ๋นที่ยอมอยู่ข้างองค์ชายสาม ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะองค์หญิงเก้า
ทั่วราชสำนัก ทุกคนต่างอุทานด้วยความรู้สึกเสียดาย ถ้าองค์หญิงเก้าไม่ได้เป็นผู้หญิง คนที่สามารถต่อกรกับไท่จื่อได้นั้น คงไม่ใช่องค์ชายสามอย่างแน่นอน
เรื่องเหล่านี้สามารถแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน องค์หญิงเก้าคนนี้เป็นบุคคลที่อันตรายและน่ากลัวมากๆ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดถึงเลย
องค์ชายแปดเป็นคนขององค์ชายสามอยู่แล้ว แต่องค์หญิงเก้ากลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอก็เป็นคนของไท่จื่อ
ยิ่งไม่มีใครรู้ การที่องค์ชายสามขึ้นมามีอำนาจ เป็นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากองค์หญิงเก้า
และพวกเขาไม่เคยมององค์ชายสามเป็นคู่ต่อสู้มาก่อนเลย
การขึ้นมามีอำนาจขององค์ชายสาม เพื่อขึ้นมาค้านอำนาจของคู่ต่อสู้ที่พวกเขาหวาดกลัว
เมื่อได้ยินคำถามของไท่จื่อ องค์หญิงไออยู่สักพัก สายตาของไท่จื่อเปล่งประกายทันที สายตาของเขามีแต่ความกังวลและห่วงใย แต่เขากลับยืนอยู่ที่เดิมและไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเลย
เพราะเขารู้ตัวดี ถ้าตัวเองแสดงความห่วงใยออกมาแม้แต่นิดเดียว ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าจะโกรธมากๆ !
เธอไม่ยอมให้เขาแสดงความห่วงใยออกมา!
เป็นอย่างนั้นจริง เมื่อเห็นการกระทำของไท่จื่อ ทำให้องค์หญิงเก้าหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา สายตาอันเย็นชาของเธอกลับเผยความอ่อนโยนออกมา
แต่ความอ่อนโยนนั้น แสดงออกมาแค่แป๊บเดียวเท่านั้น
องค์หญิงเก้าเดินไปข้างหน้าสองก้าวและมาถึงข้างๆไท่จื่อ และมองไปที่ลานเล็กๆนั่นทันที
เธอถอนหายใจและพูด"คนๆนี้ไม่เลวเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องที่หน้าประตูใหญ่จนถึงเรื่องเมื่อสักครู่ แสดงให้เห็นว่าคนๆนี้ชำนาญด้านการควบคุมสถานการณ์ได้ดีมากๆ และเป็นคนที่ทำอะไรก็เด็ดขาดมากๆด้วย!"
"แต่พลังของเขาอ่อนแอไปหน่อย"
"แดนจิตปฐมตอนต้น……"
"ใบหน้าของเขาไม่คุ้นเลย น่าจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีฐานะ!"
"ถ้าจะเลือกคนๆนี้จริงๆ เขาต้องมีความสามารถมากกว่าคนอื่นๆที่มีฐานะสูงศักดิ์กว่า!"
"อย่างไรก็ตาม คนๆนี้ไม่เลวจริงๆ"
"ค่อยสังเกตเขาไปสักพักแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้!"
ในสายตาของพวกเขา เมื่อพูดถึงฐานะ อย่างน้อยคนๆนั้นต้องเป็นลูกศิษย์ของสำนักระดับสอง
ถึงแม้สำนักพวกนี้จะสู้เก้าสำนักใหญ่ไม่ได้ แต่ความแข็งแกร่งของสำนักพวกนี้ก็ไม่ควรต่างกันมากเกินไป อย่างนี้ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่มีฐานะสูงศักดิ์
ถ้าคนๆนั้นไม่ใช่คนของสำนักระดับสอง เมื่ออยู่ในราชวงศ์ก็คงไม่มีอำนาจอะไรเลย
คนประเภทนี้ก็คงเป็นคนที่ไม่มีฐานะอะไรเลยจริงๆ
เมื่อไท่จื่อได้ยิน เขาก็พยักหน้าทันที"โอเค ทำตามที่คุณบอกก็แล้วกัน!"
เดิมที คำพูดนี้ก็เป็นแค่คำพูดที่ดูธรรมดามากๆเท่านั้น!
แต่เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ สีหน้าอันนิ่งสงบขององค์หญิงเก้าก็เปลี่ยนไปทันที สีหน้าของเธอแย่มากๆ
"ทำตามที่ฉันบอก คุณหมายความว่าไง ?"
"ฉันเป็นใคร
"แล้วคุณเป็นใคร?"
"คนอย่างฉัน!"
"ถ้าพูดแบบน่าฟังหน่อย!"
"ฉันก็เป็นแค่องค์หญิงเท่านั้น!"
"ถ้าพูดแบบน่าเกลียดหน่อย!"
"ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงเท่านั้น!"
"แต่คุณ?"
"เป็นไท่จื่อ!"
"ข้าน้อยคิดว่าสำนักเลือนรางอาจจะไม่มาร่วมงานสรรเสริญเก้าสำนักเหมือนครั้งก่อนๆก็ได้!"
"ไม่มาร่วมงาน!"
"ไท่จื่อ พวกเราควร……"
เมื่อไท่จื่อได้ยิน เขาก็ยกมือขึ้นมาขัดจังหวะการพูดของชายชราทันที เขาหันหน้ากลับมาและยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูด"หลายปีที่ผ่านมา สำนักเลือนรางก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับงานสรรเสริญเก้าสำนักอยู่แล้ว!"
"พวกเธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าในงานสรรเสริญเก้าสำนักจะได้ลูกศิษย์อัจฉริยะกลับไป!"
"เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับวิชาที่พวกเธอฝึกฝนอยู่!"
"ครั้งนี้ไท่จื่อมาร่วมงานสรรเสริญเก้าสำนักด้วยตัวเอง ถ้าไปกล่าวโทษสำนักเลือนรางก็คงไม่ได้"
"เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอีกแล้ว!"
"ใช่แล้ว ฉันสั่งให้คุณไปหาที่อยู่ของพิษเซียน คุณหาเจอไหม?"
เมื่อชายชราได้ยิน เขาก็โค้งคำนับอีกครั้ง"กราบเรียนไท่จื่อ ฉันได้สั่งคนทั้งหมดออกไปตามหาแล้ว ตอนนี้ได้ข่าวมาว่าพิษเซียนอาจจะเข้าไปในทะเลไม่สิ้น"
"แต่คนของเราก็ได้เดินทางไปเกาะนกนางนวลแล้ว!"
"แต่พิษเซียนไม่ได้อยู่ที่เกาะนกนางนวลเลย!"
"และหลายปีที่ผ่านมา นางฟ้าปรวนแปรกับยายเฒ่าจิวซานของสำนักเลือนรางก็ตามหาที่อยู่ของพิษเซียนด้วยตัวเองเหมือนกัน"
"ทั้งสองคนเดินทางไปที่เขตเหนือด้วยตัวเอง!"
"ตอนนี้ทั้งสองคนได้เดินทางกลับไปที่เกาะนกนางนวลแล้ว!"
"แต่ก็ยังหาพิษเซียนไม่เจอเลย!"
ไท่จื่อพยักหน้าทันที สายตาของเขาเปล่งประกายและพูด"ต้องหาพิษเซียนให้เจอก่อนนางฟ้าปรวนแปรกับยายเฒ่าจิวซานให้ได้!"
เมื่อชายชราได้ยิน เขาก็หันไปมององค์หญิงเก้าทันที จากนั้นก็พยักหน้าและพูด"รับทราบ ฉันจะทำอย่างสุดความสามารถ!"
ชายชราโค้งคำนับเสร็จก็จากไปทันที
ไท่จื่อหันหน้ากลับมาอีกครั้ง สายตาอันลึกล้ำของเขามองไปข้างหน้าทันที ราวกับจะมองทะลุเมืองซวูอู๋ให้ได้
เขากำลังสัมผัสเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้เมื่อครั้งอดีต
อันที่จริง สมัยนั้นตอนที่เขาอยู่ในเมืองซวูอู๋ เขาเคยผ่านสงครามของเมืองแห่งนี้มาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...