เพียงแต่เขาในตอนนั้น ยังเป็นเด็กทารกอยู่
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต เขาไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว
นอกจากวิธีไหว้บรรพบุรุษของทุกๆปีแล้ว เวลาอื่นๆเขาไม่เคยกลับมาที่เมืองซวูอู๋เลย
อาการบาดเจ็บของฮ่องเต้หนักขึ้นเรื่อยๆ ในเวลานี้ คือเวลาที่อ่อนแอมากๆของยอดฝีมือที่ร้ายกาจอย่างฮ่องเต้
เวลาที่อ่อนแอที่สุด ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนธรรมดาหรือนักบำเพ็ญเซียน ไม่ว่าคนๆนั้นจะมีพลังแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าเขาเสียชีวิตทันที มันก็คงไม่มีเรื่องอะไรเลย แต่ถ้าเขายังมีลมหายใจอยู่ และนอนรอความตายอย่างช้าๆ มันเป็นเวลาที่อ่อนแอมากๆสำหรับเขา
ดังนั้น สำหรับทุกคนในราชวงศ์ เวลานี้คือเวลาที่อันตรายทุกย่างก้าว
เพราะในช่วงเวลาแบบนี้ อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ !
ถึงแม้เขาจะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป เป็นไท่จื่อ มันก็ไม่มีข้อยกเว้น!
ดังนั้นครั้งนี้ เขาก็เลยเดินทางมาที่นี่!
ปล่อยมือจากเรื่องทั้งหมด และเดินทางมาที่เมืองซวูอู๋
สำหรับเขาแล้ว การซื้อใจคนอื่นๆนั้น มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
การสร้างฐานกำลังของตัวเองก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ
อย่างไรก็ตาม การแสดงท่าทางและความคิดของตัวเองออกมาก็สำคัญมากๆเช่นกัน
เขาทำให้ฮ่องเต้มองเห็น ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมา เขาจะให้ความสนใจเรื่องบุกเบิกสนามรบหมื่นจักรวาลนั้น ก็เพราะเหตุผลนี้ เพราะฮ่องเต้ก็คงคาดหวังเรื่องนี้เหมือนกัน
ถ้าพูดว่าฮ่องเต้ยังมีเรื่องที่ห่วงใยนั้น และยังทำไม่สำเร็จ
เรื่องแรกคือตายในบ้านเกิดตัวเอง!
ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือการบุกเบิกสนามรบหมื่นจักรวาล!
ฮ่องเต้ที่แข็งแกร่งมากๆ เขาไม่เต็มใจที่จะเสียชีวิตไปเงียบๆแบบนี้อย่างแน่นอน
เขาในฐานะเจ้าผู้ครองโลก ในเวลาที่เขาใกล้ตายนั้น เขาคงอยากจะไปที่สนามรบหมื่นจักรวาลอีกครั้ง!
ใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายของตัวเองในสนามรบหมื่นจักรวาล !
นี่ถึงจะเหมาะสมกับฐานะอันแข็งแกร่งของเขา !
ยิ่งในเวลาแบบนี้ มันก็ยิ่งอันตรายมากๆ เพราะไม่มีใครสามารถเดาจิตใจของฮ่องเต้ได้เลย
ทั้งสองคนยืนอยู่บนตึกและนิ่งเงียบเป็นเวลานาน พวกเขาสองคนยืนตั้งแต่ตอนบ่ายจนถึงตอนดึก
ในที่สุดไท่จื่อก็หันหน้ากลับมา เขามององค์หญิงเก้าและพูดเบาๆ"กลางคืนอาการมันเย็น น้องเล็กกลับไปก่อนเถอะ น้องเล็กต้องรักษาสุขภาพให้มากๆ ถ้าน้องเล็กเป็นอะไรไป ทางฝั่งน้องสาม คงเสียคนที่มีความสามารถมากๆอย่างแน่นอน!"
เมื่อองค์หญิงเก้าได้ยินก็พยักหน้าทันที และพูดอย่างเย็นชา"ฉันควรจะกลับไปแล้ว ถ้าทำอะไรเร่งรีบเกินไปก็ไม่ได้ บรรยากาศดึกๆแบบนี้ แค่มองดูชั่วครู่ก็พอแล้ว!"
เมื่อพูดจบ เธอก็เดินลงจากตึกทันที
เมื่อมองเห็นองค์หญิงเก้าเดินจากไป สายตาของไท่จื่อก็เปล่งประกายทันที
เขายืนครุ่นคิดทันที
หนึ่งวันผ่านไป นอกจากสำนักเลือนรางแล้ว อีกแปดสำนักใหญ่ก็มาถึงแล้ว
ยังมีสำนักระดับสองจำนวนมากที่เดินทางมาถึงเมืองซวูอู๋ด้วย
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน งานย่องเยาว์ก็เริ่มขึ้นแล้ว
งานย่องเยาว์คืออาหารจานแรก งานสรรเสริญเก้าสำนักคืออาหารจานหลัก!
แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกงานย่องเยาว์เลย
สำหรับคนที่สามารถเข้าร่วมงานนี้ได้ มันคือเกียรติยศอันสูงของพวกเขาแล้ว
นี่คือก้าวสำคัญมากๆที่พวกเขาสามารถเข้าไปในราชสำนักในวันข้างหน้า
ราชสำนักในเวลานี้ ในจำนวนสิบคน มีคนมากกว่าครึ่งหนึ่ง เคยเข้าร่วมงานย่องเยาว์มาแล้ว
ดังนั้น คนที่อยากจะเข้าไปในราชสำนัก จะไม่ดูถูกงานนี้อย่างแน่นอน
ในทางตรงกันข้าม พวกเขาให้ความสำคัญกับงานนี้มากๆ
ยิ่งไปกว่านั้น งานย่องเยาว์ครั้งนี้ มีไท่จื่อมาจัดงานนี้และเข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วยตัวเอง!
ด้านในของห้องโถงใหญ่อันกว้างและสว่างนั้น มีการจัดที่นั่งหลายร้อยตำแหน่งเอาไว้ แต่ไม่ได้มีการระบุตำแหน่งต่างๆว่าเป็นของใคร ด้านบนมีเพียงแค่ที่นั่งอันเดียวเท่านั้น เห็นได้ชัดเจนว่ามันเป็นที่นั่งของไท่จื่อ สำหรับองค์หญิงเก้านั้น เธอมีโต๊ะธรรมดาที่อยู่ข้างๆเท่านั้น
วัยรุ่นอัจฉริยะทุกคนค่อยๆเดินเข้ามา ทางด้านหลินหยุน เขาได้พาฉินหลันเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ด้วย พวกเขาสองคนเดินเข้ามาพร้อมกัน
จู่ๆก็มีคนจำนวนมากนินทาพวกเขาสองคนเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าประตูวังก่อนหน้านี้
มันเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนจำได้ขึ้นใจทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...