คำพูดนี้ของหลินหยุน
กำเริบเสิบสาน
เผด็จการ
เกรี้ยวกราด
แต่ก็ตรงประเด็นทุกคำ
ทิ่มแทงตรงเข้าไปในจิตใจของอัจฉริยะทุกคนในที่แห่งนี้
โดยทุกคนต่างก็ไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวอะไรต่อหลินหยุนอีกแล้ว
ในสายตาของทุกคน ต่างก็เต็มไปด้วยเจตนาสังหารอันรุนแรง
พวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะ
ต่างก็มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่กันทั้งนั้น
จะมีใครที่เคยถูกดูถูกเหยียดหยามขนาดนี้ล่ะ?
อีกทั้งยังอยู่ในงานย่องเยาว์ด้วย!
อยู่ต่อหน้าของไท่จื่อและองค์หญิงเก้าด้วย!
อับอายขายหน้า!
อับอายขายหน้าอย่างมากเลย!
แต่ในตอนนี้ นอกจากจะเดินออกไปท้าประลองกับหลินหยุน จึงจะสามารถลบล้างความอับอายนี้ลงได้
นอกเหนือจากนี้แล้ว ไม่มีวิธีการอื่นใดเลย
แต่พวกเขามีพลังต่อสู้ไหมล่ะ?
ไม่มี!
โดยความรับรู้เข้าใจในตนเองนั้น พวกเขาก็ยังพอมีอยู่บ้าง!
ดังนั้นพวกเขาจึงทำอะไรไม่ได้!
เห็นปฏิกิริยาของทุกคนแล้ว หลินหยุนจึงยิ้มอย่างเย็นชาอีกครั้ง พร้อมกับพูดเสียดสีว่า “เป็นขยะทั้งหมดจริง ๆ ด้วย ถึงขั้นที่ถูกฉันดูถูกขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่มีใครกล้าที่จะเสนอตัวออกมาเลย! “
“ไอ้พวกกระจอกไม่ได้เรื่อง! ”
ขณะที่พูด
สายตาของหลินหยุนก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของสุ่ยซิงอีกครั้ง
เวลานี้นางฟ้าสุ่ยซิงก็ยังคงมีสีหน้าท่าทางที่เย็นชาเหมือนเช่นเคย
สายตายังคงแฝงไปด้วยเจตนาสังหาร
แม้ว่าหลินหยุนเพิ่งจะชื่นชมเธอไปเมื่อครู่
แต่นั่นเป็นการชื่นชมอย่างนั้นเหรอ?
อย่างน้อยเธอไม่ได้รู้สึกถึงการถูกชื่นชมอะไรเลย
นั่นก็คือการดูถูกอีกเช่นกัน!
“ขอฉันดูหน่อยว่า เป็นเพราะเหตุใด ที่นายถึงกำเริบเสิบสานได้มากขนาดนี้! ”
“นายคิดว่านายบำเพ็ญฝึกฝนจิตญาณแล้ว จะทำให้ไม่พ่ายแพ้ไปตลอดอย่างนั้นเหรอ? ”
“ฉันจะบอกกับนายไว้ว่า! ”
“ถ้าหากนายคิดอย่างนั้นจริง ๆ แล้วล่ะก็ เกรงว่านายจะต้องจบชีวิตลงที่ตรงนี้แล้ว! ”
“ไปตายซะเถอะ! ”
เมื่อนางฟ้าสุ่ยซิงพูดจบ
กระบี่ยาวก็ซัดพลังโหมกระหน่ำขึ้น
เพลงกระบี่น้ำฟ้า
ซึ่งเป็นกระบวนท่าทรงพลังที่สุด
ชี่กระบี่ที่เยือกเย็นนั้น ได้พันห่อหุ้มร่างกายของหลินหยุนทั้งหมดเอาไว้ในทันที
จากนั้นทุกคนก็เห็นกันว่า
หลินหยุนได้ถูกแช่แข็งอยู่ตรงกลาง
อุณหภูมิภายในตำหนักนั้น ได้ลดลงไปกว่าร้อยเท่าอย่างรวดเร็ว
แต่ค่ายกลคุ้มกันภายในตำหนัก
ได้ปล่อยพลังกระจายออกไปทั่ว
โดยได้ปกคลุมทุกคนในสถานที่ทั้งหมดเอาไว้
เห็นเหตุการณ์ดังนี้แล้ว
ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ต่างก็พากันอุทานขึ้น จากนั้นก็ทยอยลุกยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ยอดเยี่ยมมาก! ”
“นางฟ้าสุ่ยซิงมีพลังบำเพ็ญที่แข็งแกร่งมากเลย! ”
“เมื่อครู่ที่พ่ายแพ้นั้น ก็เป็นเพราะถูกลอบโจมตีก็เท่านั้นเอง! ”
“นางฟ้าสุ่ยซิง ลงมือสังหารคนผู้นี้เลย! ”
“ดูสิว่าหลังจากที่ไอ้คนนี้ตายลงไปแล้วยังจะปากดีอยู่อีกหรือไม่! ”
“แบบนี้เรียกว่าต้องจบชีวิตลงเพราะความกำเริบเสิบสานของตนเองโดยแท้! ”
“สมน้ำหน้า! ”
“คนผู้นี้ตายไปก็ไม่น่าเสียดายเลย! ”
เวลานั้น อัจฉริยะจำนวนมากท่ามกลางตำหนัก ต่างก็พากันจงเกลียดจงชังศัตรูขึ้นทั้งหมด
เห็นหลินหยุนถูกแช่แข็ง
ก็ตื่นเต้นดีใจเกินคำบรรยาย!
ส่วนไท่จื่อที่นั่งอยู่แถวหลักนั้น ก็ได้หันหน้ามองไปที่องค์หญิงเก้าเล็กน้อย
จากนั้นก็เบนเบี่ยงสายตา
ในสายตานั้น แฝงด้วยอาการที่ผิดหวังอยู่บ้าง
พูดกันในทางปฏิบัติแล้ว
การที่หลินหยุนไม่สามารถทำลายอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์นี้ของสุ่ยซิงลงได้นั้น ก็พอเข้าใจได้บ้าง
อย่าว่าแต่ผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐมตอนต้นเลย
ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐมตอนปลายทั่วไป
หากคิดที่จะทำลายลงได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด
ตรงจุดนี้
ที่จริงแล้วตอนที่สุ่ยซิงได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์นี้ออกมานั้น
เขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
และตอนนี้เหตุการณ์ดังกล่าวก็เกิดขึ้นจริง ๆ ด้วย
เขาผิดหวังอยู่บ้าง
เพราะว่าหลินหยุนมีร่างกายที่แข็งแกร่ง และฝึกฝนวิชาจิตญาณ
คนประเภทนี้จะต้องมีแผนการที่มากมายหลายรูปแบบ!
และก็มีต้นทุนที่จะกำเริบเสิบสานด้วย
ก่อนหน้านี้ก็คือการเอาชนะสุ่ยซิง
ทำให้ในใจของไท่จื่อ ที่คาดหวังเอาไว้กับหลินหยุนนั้น เพิ่มขึ้นไปถึงระดับขั้นที่สูงมาก
ส่ายศีรษะเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...