พูดถึงตรงนี้ หลินหยุนก็หยุดชะงักลงชั่วครู่ จากนั้นก็มองไปที่องค์หญิงเก้าและพูดขึ้นว่า “ดังนั้น ฉันจึงทำได้เพียงขอบคุณและต้องปฏิเสธความหวังดีขององค์หญิงเก้าแล้ว ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับองค์ชายสามแล้วนั้น ฉันก็ยังเห็นดีเห็นงามกับไท่จื่อมากกว่า! ”
ได้ยินหลินหยุนพูดขึ้นแบบนี้ สายตาของทุกคนก็เริ่มแปลกไป
นี่คือการปฏิเสธต่อหน้าขององค์หญิงเก้าเลยทีเดียว!
องค์หญิงเก้ามีสถานะระดับไหน?
เกรงว่าไอ้หนุ่มที่ชื่อหลินหยุนที่อยู่เบื้องหน้านี้อาจจะยังไม่ชัดเจนล่ะสิ?
คงคิดว่าไท่จื่อคือองค์ชายจึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถขึ้นครองบัลลังก์ ได้ในอนาคต?
คิดง่ายเกินไปแล้ว
หลินหยุนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!
แม้ว่าทุกคนในสถานที่แห่งนี้ ตอนนี้ต่างก็อยากที่จะสังหารหลินหยุน
แต่ก็ต้องยอมรับว่า
สามารถที่จะเอาชนะกดดันพวกอัจฉริยะในงานย่องเยาว์นี้ได้นั้น
จะต้องมีความสามารถที่แท้จริงอย่างแน่นอน!
โดยงานย่องเยาว์ในอดีตที่ผ่านมานั้น เหตุการณ์ลักษณะนี้ยากที่จะปรากฏขึ้น
แต่ว่า
การที่กล้าปฏิเสธต่อองค์หญิงเก้าในสถานการณ์เช่นนี้
นั่นจะต้องส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อไอ้หนุ่มนี้เป็นแน่!
องค์หญิงเก้าสังกัดอยู่ในฝ่ายขององค์ชายสาม
เป็นกุนซือที่คอยวางแผนและเสนอแนะ
เป็นผู้ที่ควบคุมสถานการณ์
เธอจะยอมมองตาปริบ ๆ ให้ทางฝ่ายของไท่จื่อ เกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นอย่างนั้นเหรอ?
การที่ผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐมตอนต้น
สามารถเอาชนะผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐมตอนกลางได้ติดต่อกัน
ถึงขนาดนางฟ้าสุ่ยซิงที่เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริงของเก้าสำนักใหญ่ ก็ยังคงพ่ายแพ้ไปสองครั้ง
โดยเป็นถึงผู้ที่บำเพ็ญฝึกฝนมรรคาร่างกายและมรรคาจิตญาณ
แม้ว่าจะเป็นคนที่กำเริบเสิบสานและหยิ่งผยอง
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ต้องยอมรับว่า
คนผู้นี้สามารถวิเคราะห์และตัดสินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ
อีกทั้งยังมีนิสัยที่เด็ดเดี่ยว
ซึ่งถือว่าเป็นอัจริยะอย่างแท้จริง!
และต้องเป็นผู้ที่กล้าเผชิญหน้าและยืนหยัดเพียงลำพังคนเดียวได้ด้วย
หากไท่จื่อได้คนผู้นี้ไปเข้าร่วมในสังกัดแล้ว
อย่างนั้นก็คงจะกลายเป็นเสือติดปีกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ในฐานะที่องค์หญิงเก้าเป็นผู้ที่สนับสนุนองค์ชายสาม จะต้องขัดขวางไม่ให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ หลังจากที่ได้ยินหลินหยุนพูดแล้ว
ไท่จื่อก็คงจะต้องดีใจขึ้นเป็นแน่
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าการที่หลินหยุนตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแบบนี้นั้น
ไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องอื่น แต่เป็นเพราะเขาแสดงออกอย่างมุ่งมั่นที่จะบุกเบิกสนามรบหมื่นจักรวาลมาโดยตลอดในช่วงก่อนหน้านี้
ซึ่งตรงจุดนี้เขาคาดคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ!
ด้วยความที่วันเวลาอันสงบสุขได้มีอยู่มาเป็นเวลานานแล้ว
ผู้บำเพ็ญเซียนน้อยคนนักที่จะเป็นแบบนี้ โดยยังคงให้ความสนใจกับสนามรบหมื่นจักรวาลอยู่
มันต้องมีแน่!
แต่ไม่ใช่กระแสหลักอย่างเด็ดขาด!
ถึงขนาดตอนนี้เป็นเพราะความมุ่งมั่นที่แสดงออกมาต่อการบุกเบิกสนามรบหมื่นจักรวาลนั้น ได้กลายเป็นอุปสรรคขัดขวางในการขึ้นครองความยิ่งใหญ่ของเขาแล้ว
นั่นแสดงให้เห็นถึง
มุมมองความคิดของแต่ละคน!
โดยในช่วงก่อนหน้านี้ อ๋องบุ๋นได้เอนเอียงมาทางองค์ชายสาม ซึ่งก็มีเหตุผลนี้รวมอยู่ในนั้นด้วย
นี่คือแนวโน้มส่วนใหญ่
แต่สำหรับเรื่องนี้แล้ว
ไท่จื่อเองก็ยังไม่ชัดเจนว่าหลินหยุนคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่
และก็ไม่ชัดเจนว่าหลินหยุนเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้อย่างชัดเจนแล้วหรือไม่
แต่ว่า......
หลินหยุนขมวดคิ้วขึ้น และมองไปที่ฝ่ายตรงข้าม “แบบนี้คงไม่ได้ ฉันไม่สามารถที่จะปล่อยให้ภรรยาของฉันรออยู่ที่ตรงนี้ได้! ”
หลินหยุนถึงกับพูดคำว่าภรรยาออกมาเลย
มองไปยังด้านหน้าโดยไม่หันกลับมา และเดินตรงไปตามเงาหลังของไท่จื่อ หลินหยุนก็พูดขึ้นว่า “คุณลองไปสอบถามความเห็นของไท่จื่อดูหน่อยสิว่า หากไท่จื่อมีความคิดเห็นแบบเดียวกันนี้ อย่างนั้นฉันก็จะไม่ไปเข้าพบไท่จื่อแล้ว!”
ขณะที่พูด หลินหยุนก็หันหน้ากลับมามองไปยังองค์หญิงเก้าที่กำลังเดินตรงเข้ามา “องค์หญิง ตอนนี้ฉันไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับแนวทางการปฏิบัติของไท่จื่อ และยิ่งไม่ชอบวิธีการแสดงอำนาจข่มขู่แบบนี้! ”
“องค์หญิงเก้ายังเต็มใจที่จะให้โอกาสกับฉันอีกไหม? ”
หลินหยุนพูดเสียงค่อนข้างดัง ทำให้ทุกคนในตำหนักต่างก็ได้ยินกันหมดแล้ว
มีบางคนถึงกับตะลึงจนลูกตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าแล้ว
ไอ้หนุ่มหลินหยุนนี้......เป็นบ้าไปแล้วเหรอ?
เพราะเรื่องเล็กน้อยเท่านี้ก็คิดที่จะปรับเปลี่ยนหัวเรือแล้ว?
หลินหยุนกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ในมือเกิดประกายแสง ป้ายหยกสีทองก็ปรากฏขึ้น และส่งมอบกลับไปให้กับชายชราคนนั้น
ชายชราเองก็คาดคิดไม่ถึงอย่างมากว่าหลินหยุนจะดื้อรั้นกระทำสิ่งที่ผิดคาด เขาสูดหายใจลึก พร้อมกับรีบส่ายมือและพูดว่า “คุณชายหลินหยุนทำแบบนี้ไม่ได้ ป้ายหยกนี้ทางไท่จื่อเป็นผู้ทรงมอบให้ จะคืนกลับมาได้ง่าย ๆ อย่างไรกันล่ะ? ”
หลินหยุนไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แล้วมองไปยังองค์หญิงเก้าที่ใกล้จะเดินมาถึงเบื้องหน้าแล้ว “ไม่ทราบว่าองค์หญิงเก้ามีความเห็นอย่างไรบ้าง? ”
องค์หญิงเก้าตกใจอย่างมาก และจ้องเขม็งไปที่หลินหยุน “หลินหยุน นายรู้ไหมว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่? หรือนายคิดว่านี่มันเป็นเรื่องล้อเล่นอย่างนั้นเหรอ? ”
“หรือว่านายเพิ่งจะรับฟังคำสั่งมาจากไท่จื่อ แล้วต้องการที่จะมาลงมือทำเรื่องอะไรบางอย่างทางฝั่งของฉัน? ”
หลินหยุนทำเป็นไม่สนใจ และพูดขึ้นว่า “คนทั่วไปต่างก็พูดว่าองค์หญิงมีทั้งสติปัญญาและการวางแผนที่ไม่มีผู้ใดจะเทียบเคียงได้ ซึ่งก็ไม่เคยวางแผนใดผิดพลาดมาก่อน ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างนั้น มันกลับทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก! หากว่าองค์ชายสามเชื่อฟังและทำตามคำขององค์หญิงจริง ๆ แล้วล่ะก็ คงจะเป็นอันตรายแล้ว! ”
เมื่อหลินหยุนพูดจบ ร่างขององค์หญิงเก้าก็ปะทุเจตนาสังหารอันรุนแรงขึ้นมาโดยทันที
“หลินหยุน ตอนนี้นายยังไม่ได้อยู่ในสังกัดของไท่จื่ออย่างเป็นทางการ นายคิดว่าฉันไม่กล้าที่จะฆ่านายอย่างนั้นเหรอ? ”
หลินหยุนดวงตาเบิกกว้าง
พลังบำเพ็ญขององค์หญิงเก้านี้
ถึงขั้นแดนจิตปฐมตอนปลายแล้ว
แข็งแกร่งทรงพลังอย่างมาก!
แต่ เขาก็ยังพูดขึ้นว่า “อย่างนั้นก็มาดูกันว่าองค์หญิงจะฆ่าฉันลงได้อย่างไร หากใช้ลูกน้องที่มีพลังบำเพ็ญขั้นแดนดั่งเทพมาฆ่าฉัน ก็คงจะสามารถฆ่าฉันได้! ”
“แต่ถ้าองค์หญิงลงมือด้วยตนเองแล้วล่ะก็......”
“น่าจะไม่สามารถฆ่าฉันลงได้! ”
“ไม่อย่างนั้น องค์หญิงก็ลองลงมือดูสิ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...