กำเริบเสิบสาน!
หลงระเริง!
เมื่อเผชิญหน้ากับพวกอัจฉริยะ
หลินหยุนกำเริบเสิบสานอย่างถึงที่สุด
เวลานี้เมื่อเผชิญหน้ากับองค์หญิงก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
ถึงขนาดที่มากกว่าอีกด้วย!
คิดไม่ถึงว่าเขายังต้องการที่จะต่อสู้กับองค์หญิงต่อหน้าของทุกคนด้วย
ช่างบ้าคลั่งมากเกินไปแล้ว!
คนส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่าหลินหยุนนั้นเป็นบ้าไปแล้ว!
มองไปยังองค์หญิงเก้าที่มีสีหน้าท่าทางเย็นชา หลินหยุนก็ยิ้มขึ้นอีกครั้ง “ก็แค่ล้อเล่นกับองค์หญิงเก้าก็เท่านั้น หวังว่าองค์หญิงจะไม่ถือโทษโกรธเคือง เดิมทีองค์หญิงเองก็ป่วยหนักอยู่ ถ้าโกรธง่ายเกินไป ก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่! ”
ขณะที่พูด หลินหยุนก็หันหลังแล้วโยนป้ายหยกไปให้กับชายชรา “ในเมื่อกฎเกณฑ์ของไท่จื่อมากขนาดนี้ อย่างนั้นฉันก็คงไม่สามารถปรนนิบัติท่านได้แล้ว! ”
“ขอลาก่อน! ”
ขณะที่พูด ก็ได้จูงฉินหลันที่อยู่ข้างกายเดินออกไปยังด้านนอกตำหนัก
ชายชรารับป้ายหยกเอาไว้แล้วก็แวบหายตัวมาอยู่ที่ด้านหน้าของหลินหยุนกับฉินหลัน โดยมีสีหน้าที่หม่นหมองลง
“หลินหยุน นายคิดว่าที่นี่คือที่ไหน? ”
“คือสถานที่ที่นายอยากจะมา หรืออยากจะไปตามต้องการได้อย่างนั้นเหรอ? ”
“นายช่างสำคัญตัวเองมากเกินไปแล้วหรือเปล่า? ”
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าการแสดงอำนาจข่มขู่นี้ ตัวฉันจะต้องรับเคราะห์แล้วจริง ๆ ด้วย! ”
หยุดชะงักไปชั่วครู่ หลินหยุนก็พูดขึ้นว่า “แต่คุณเป็นถึงยอดฝีมือแดนดั่งเทพ พลังบำเพ็ญระดับนี้ คงจะไม่มารังแกยอดฝีมือแดนจิตปฐมตอนตั้นอย่างฉันใช่ไหมล่ะ? ”
ชายชราพูดอย่างเย็นชาว่า “หลินหยุน ไท่จื่อเห็นคุณค่าของนาย นี่คือเรื่องจริง แต่พระราชวังก็มีกฏระเบียบของพระราชวัง! ไม่ใช่ว่านายคิดอยากจะทำอย่างไรก็ได้! ”
“วันนี้นายไม่เคารพต่อไท่จื่อ! ”
“และทรยศไท่จื่อ ช่างกำเริบเสิบสานมากขนาดไหนกันเชียว? ”
“รีบตามฉันเข้าไปในตำหนักหลังเพื่อเข้าพบไท่จื่อ นายเองก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรแล้ว! ”
“ถ้าหากไม่ทำตาม ฉันก็คงจะต้องรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าแล้ว! ”
หลินหยุนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเยาะ “ตกลง ฉันเองก็ไม่อยากพูดอะไรมากแล้ว แม้ว่าฉันจะเป็นเพียงยอดฝีมือแดนจิตปฐมตอนต้น ส่วนคุณคือแดนดั่งเทพ ถ้าหากลงมือต่อสู้กัน ฉันเองก็คงไม่สามารถรับมือคุณได้ แต่ว่า......ถ้าหากคุณเต็มใจที่จะประลองจิตญาณกันดูสักครั้ง ฉันเองก็เต็มใจที่จะประลองด้วย ไม่ทราบว่าคุณมีความเห็นอย่างไร? ”
“ฉันคิดว่า คำขอร้องเพียงเท่านี้คุณคงจะไม่มีทางที่จะไม่ตกลงใช่ไหมล่ะ? ”
“ไม่ว่าอย่างไรคุณเองก็เป็นถึงผู้อารักขาติดตามของไท่จื่อเลยทีเดียว! ”
“ฉันคิดว่าไท่จื่อคงไม่มีทางที่จะไม่สนใจสถานะและชื่อเสียงของตนเองใช่ไหมล่ะ? ”
“ถ้าหากว่าลูกน้องแดนดั่งเทพของไท่จื่อ รังแกผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐมตอนต้นในงานย่องเยาว์ แล้วเรื่องราวนี้ได้แพร่กระจายออกไปเหมือนว่าจะเป็นการบั่นทอนศักดิ์ศรีของไท่จื่อลงไปด้วย! ”
“แน่นอนว่า ถ้าหากไท่จื่อไม่สนใจเรื่องพวกนี้ อย่างนั้นตัวฉันเองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดแล้ว! ”
พูดถึงตรงนี้ หลินหยุนก็ยกมือแสดงความเคารพกับทุกคนภายในตำหนักที่ลุกขึ้นยืน “ทุกท่าน แม้ว่าในงานย่องเยาว์เมื่อครู่นี้ฉันจะเอาชนะทุกท่านได้ ทำให้สหายทุกท่านอับอายเสียหน้า แต่ถ้าหากผู้ติดตามแดนดั่งเทพของไท่จื่อที่อยู่เบื้องหน้าฉันนี้ ต้องการที่จะลงมือข่มเหงรังแกฉันแล้ว ก็หวังว่าทุกท่านจะป่าวประกาศเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ออกไปอย่างกว้างขวางจะเป็นการดีที่สุด! ”
หลินหยุนกังวลใจไหม?
ไม่อย่างแน่นอน!
คำพูดนี้ยังจะต้องให้เขาพูดย้ำอีกไหม?
ไม่ต้องเลย!
แต่ว่า คำพูดของหลินหยุนนี้สามารถทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้ตกตะลึงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
คิดไม่ถึงว่าเขาต้องการที่จะท้าประลองกับยอดฝีมือแดนดั่งเทพ!
ผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐมตอนต้น
ท้าประลองกับผู้บำเพ็ญเซียนแดนดั่งเทพ!
ก็ตกลงตามนี้
แม้ว่านี้คือผู้บำเพ็ญเซียนแดนดั่งเทพตอนต้น
แต่นั่นก็ยังคงเป็นแดนดั่งเทพ!
หลินหยุนคือยอดฝีมือมรรคาวิญญาณ!
ซึ่งเป็นที่รับรู้ของทุกคน และก็ประจักษ์กับตาของตนเองแล้วด้วย
แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะท้าประลองกับผู้บำเพ็ญเซียนแดนดั่งเทพ
นี่ไม่ใช่รนหายที่ตายหรอกเหรอ?
ไม่เพียงแต่พวกอัจริยะทั้งหลายในตำหนัก แม้แต่ชายชราที่อยู่เบื้องหน้ารวมถึงองค์หญิงเก้าต่างก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...