เขาก็จำหลินหยุนได้ในทันที
เพราะว่าหลินหยุนเป็นคนที่ไท่จื่อแนะนำให้เข้าสถาบัน
แม้ว่าเขาไม่เคยติดต่อกับคนชั้นสูงของสถาบันมาก่อน แต่คนชั้นสูงของสถาบันก็คุ้นเคยกับการมีเขาอยู่
จากเรื่องราวที่บางอย่างที่หลินหยุนทำเมื่อเข้าสู่สถาบัน คนชั้นสูงของสถาบันก็ได้ติดตามผ่านๆ
รับรู้ได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่ดีจริงๆ
เมื่อสองวันก่อน หลินหยุนเข้าสู่ชั้นเก้าของหอกลั่นวิญญาณ์ ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกกันทั่วทั้งสถาบัน
ชายวัยกลางคนในชุดขาวย่อมรู้ดี
ยังทำความรู้จักกับหลินหยุนอย่างเอาจริงเอาจัง
แต่วันนี้ คาดไม่ถึงว่าหลินหยุนเข้าสู่บ่อเลี้ยงจิตวิญญาณ จะทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้!
นี่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
เข้าสู่จิตปฐมตอนกลาง และทะลวงจิตปฐมตอนปลายในทันที
นี่ยังไม่หมด
ยังคงดูดซับพลังในบ่อเลี้ยงจิตวิญญาณอยู่ตลอด
นี่ดูดซับไปเท่าไหร่แล้ว?
สี่สิบเปอร์เซ็นต์!
ยังไม่มีวี่แววว่าจะชะลอตัวลง!
สิ่งที่แย่ที่สุดคือ สิ่งนี้ไม่ถูกต้อง!
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่จิตปฐมตอนต้นทะลวงถึงจิตปฐมตอนปลาย สามารถดูดซับพลังเช่นนี้ได้?
นี่มันเป็นผู้ฝึกตนแข็งแกร่งอะไรกันแน่?
ชายวัยกลางคนหันหน้ามองไปทางผู้อาวุโสเจียงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ
รับรู้ถึงสายตาของเขา ผู้อาวุโสเจียงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้องถามฉัน! ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้?”
ชายวัยกลางคนในชุดขาวสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เด็กคนนี้ ฉันว่าดูดซับพลังไปเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เกรงว่าบ่อเลี้ยงจิตวิญญาณจะต้องปิดตัวลงประมาณหนึ่งปี!”
ผู้อาวุโสเจียงพูดขึ้นมาว่า “ปิดก็ดี กูก็จะได้หมดเรื่องกังวล!”
ชายวัยกลางคนในชุดขาวฟังอารมณ์ในคำพูดของผู้อาวุโสเจียงออก และอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “ศิษย์พี่ทำไมถึงพูดอย่างนั้น ปีนั้น……นี่ก็เป็นเรื่องที่หมดหนทาง!”
เมื่อผู้อาวุโสเจียงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องในปีนั้นกับฉัน!”
ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างขมขื่น พยักหน้า และพูดขึ้นมาว่า “ก็ได้ ไม่พูดถึง แต่ว่า ถ้าเกิดเด็กคนนี้ดูดซับพลังไปเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก็ต้องฝืนใจขัดจังหวะนะ! ห้ามเลยห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ฟื้นฟูบ่อเลี้ยงจิตวิญญาณขึ้นมา ต้องใช้เวลานานเกินไป! นี่มันไม่ยุติธรรมกับลูกศิษย์คนอื่น!”
เมื่อผู้อาวุโสเจียงได้ยินเช่นนี้ก็แสยะยิ้มขึ้นมา แล้วถามกลับว่า “ไม่ยุติธรรม? นายกำลังพูดเรื่องยุติธรรมต่อหน้าฉันเหรอ? เวยหวูจี้ นายคิดว่าตัวเองหน้าด้านพอแล้วเหรอ?”
“พวกนายเป็นคนตั้งกฎที่นี่เหรอ?”
“คะแนนภารกิจห้าพัน! ทุกครั้งที่เข้า ไม่จำกัดเวลา!!”
“ทำไม ตอนนี้นายจะกลืนคำพูดที่ตัวเองพูดออกมาเหรอ?”
“ฉันจะบอกนายให้ ทำไม่ได้!”
“ตอนนี้บ่อเลี้ยงจิตวิญญาณแห่งนี้ฉันเป็นคนดูแล!”
“นั่นก็ยังคงเป็นกฎนี้!”
“อย่าพูดเรื่องพวกนี้ที่ไม่มีอยู่จริงอยู่กับฉัน!”
“ไม่อย่างนั้นต่อไปพวกนายก็ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน!”
ชายวัยกลางคนหมดคำพูดในทันที จากนั้นส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ และพูดขึ้นมา “ก็ได้ งั้นครั้งนี้ก็เอาตามที่ศิษย์พี่พูด แต่หลังจากที่เด็กคนนี้ออกมา กฎของบ่อเลี้ยงจิตวิญญาณนี้ จะต้องแก้ไขแล้ว!”
ผู้อาวุโสเจียงแสยะยิ้มพูดขึ้นมาว่า “เรื่องนี้ฉันไม่สนใจ!”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า ดวงจิตย์เทพปลดปล่อยออกมา สัมผัสได้ จากนั้นโบกแขนเบาๆ เดิมทีเพราะว่าหลินหยุนดูดซับพลังมากเกินไป ทำให้พื้นที่ทั้งหมดเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมา ภายใต้การโบกแขนของชายหนุ่มก็มั่นคงลงมาใหม่อีก
ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วออกจากที่นี่
และหลินหยุนในเวลานี้กลับไม่รู้เรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ แม้ว่าจะรู้ เขาก็ไม่ได้สนใจ เขาก็ไม่เชื่อว่าสถาบันอย่างสง่าผ่าเผยจะเป็นยังไงเพียงเพราะว่าตัวเองดูดซับพลังของบ่อเลี้ยงจิตวิญญาณมากขึ้น นอกจากผู้อาวุโสคนนั้นที่เฝ้าอยู่ที่นี่ก็เป็นคนขององค์ชายสาม
แต่นี่มีความเป็นไปได้นี้น้อยมาก
แม้ว่าจะเป็นจริง อีกฝ่ายก็ไม่มีทางปล่อยให้จุดอ่อนของการละเมิดกฎที่โจ่งแจ้งในเรื่องแบบนี้ไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...