ผู้อาวุโสเจียงใช้แรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผลการฝึกตนที่หลินหยุนปลดปล่อยออกมาก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเช่นกัน
เมื่อผลการฝึกตนของเขาหมุนเวียนผลักดันอย่างสุดขีด
ผู้อาวุโสเจียงยังคงเพิ่มแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายของหลินหยุนก็เริ่มสั่นเท่าขึ้นมา
ดูเหมือนว่าจะคุกเข่าลงกับพื้นได้ทุกเมื่อ
แต่ร่างกายของหลินหยุนยังคงยืนตัวตรง แม้ว่าจะสั่นเทาได้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่มีการโค้งงอใดๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้อาวุโสเจียงก็เก็บแรงกดดันกลับมา มองไปทางหลินหยุนแล้วถามว่า “รู้สึกอย่างไร?”
สูดหายใจเข้าลึกๆ หลินหยุนพยักหน้า และพูดขึ้นมาว่า “แข็งแกร่งมาก!”
ผู้อาวุโสเจียงพูดด้วยรอยิ้มว่า “นายคิดว่าจะต่อสู้กับเขาได้ไหม?”
หลินหยุนพูดขึ้นมาว่า “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”
ผู้อาวุโสเจียงแววตาเปล่งประกาย และพูดขึ้นมาว่า “ดูเหมือนว่านายจะมั่นใจในตัวเองมากจริงๆ แต่ว่า แม้ว่านายจะเอาชนะหวูตี๋ได้ ยังมีอีกหนึ่งคน นายก็ยังห่างไกล!”
หลินหยุนขมวดคิ้ว ถามอย่างค่อนข้างไม่ใจเข้าใจ “หวูตี๋เป็นคนอันดับที่หนึ่งแดนจิตปฐมในสถาบันไม่ใช่เหรอ?”
ผู้อาวุโสเจียงพูดขึ้นมาว่า “ในนามก็ใช่อยู่! เพียงแต่ว่าอีกคนหนึ่งอันตรายกว่าหวูตี๋ ผลการฝึกตนของเขาอ่อนกว่าหวูตี๋เล็กน้อย แต่หากเป็นการต่อสู้แบบเอาชีวิตรอด ในความคิดของฉัน คนตายก็ต้องเป็นหวูตี๋อย่างแน่นอน!”
หลินหยุนกลับไม่รู้ว่า สถาบันยังมีคนทรงพลังแบบนี้ด้วย
เมื่อผู้อาวุโสเจียงเห็นเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความประหลาดใจ “นายไม่รู้ว่าฉันพูดถึงใครเหรอ?”
หลินหยุนพยักหน้า และพูดว่า “ไม่รู้จริงๆ”
ผู้อาวุโสเจียงนิ่งไป จากนั้นก็รู้สึกตัว และพูดขึ้นมาว่า “รู้แล้ว เนื่องจากช่วงเวลาที่นายมาที่สถาบันนั้นยังสั้น คนคนนั้นก็เหมือนกัน แทบจะไม่ค่อยปรากฏตัวในสถาบันเลย”
“ยังเป็นชื่อที่ไม่ค่อยมีใครเอ่ยถึงอีกด้วย”
“นายไม่รู้ก็พอพูดไปได้”
“คนคนนี้ชื่อว่าหลางเลี่ย”
“ในบรรดาจิตปฐมของสถาบัน หลังจากที่ต่อจากหวูตี๋ หวูตี๋เป็นคนอันดับที่หนึ่ง เขาก็สมควรเป็นที่สอง แต่ความน่ากลัวของเขา ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้”
“การแข่งขันในอดีตของสถาบัน ได้มาถึงรอบสุดท้ายแล้ว”
“คนอื่นๆ ยินดีที่จะเลือกหวูตี๋ ก็ไม่มีทางเลือกหลางเลี่ย”
“เพราะว่าหลางเลี่ยก็เป็นเหมือนเผ่าหมาป่าอย่างแท้จริง”
“ตราบใดที่เขาลงมือ ก็ไม่มีทางเหลือทางรอด ไม่มีที่ว่างใดๆ!”
“ดังนั้นแม้ว่าจะมีผู้อาวุโสจะควบคุมการแข่งขันอยู่ข้างๆ”
“ก็จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นได้”
“แม้ว่าไม่ตาย ก็จะบาดเจ็บสาหัส”
“ดังนั้นฉันถึงบอกว่า หากหลางเลี่ยคนนี้ต่อสู้จนตายกับหวูตี๋ เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของคนที่จะรอดชีวิตก็คือหลางเลี่ย”
“และถ้าหากนายเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ของสถาบัน หรือว่ายังไม่ทันได้เจอกับหวูตี๋ ก็จะถูกหลางเลี่ยคนนั้นฆ่าตาย”
“หลางเลี่ยคนนี้ เป็นคนที่ผู้หญิงคนนั้นพากลับมาด้วยตัวเองในปีนั้น และฝากไว้ในสถาบัน”
“ดังนั้นเขาก็เป็นคนขององค์ชายสามทุกกระเบียดนิ้ว!”
“ถ้าหากนายเจอกับหวูตี๋ อาจจะแค่อยากเอาชนะนาย แต่ไม่ฆ่านาย”
“แต่ถ้าเกิดนายเจอกับหลางเลี่ย เขาต้องฆ่านาย!”
หลินหยุนแววตาสั่นไหว และพูดขึ้นมาว่า “ผู้หญิงคนนั้นที่ผู้อาวุโสเจียงพูดถึง คือมารดาสนมขององค์ชายสามเหรอ?”
ผู้อาวุโสเจียงพยักหน้า และพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “นายฉลาดจริงๆ! ถูกต้อง ก็คือผู้หญิงคนนั้น! ผู้หญิงคนนั้นลือกันว่าเก่งกาจมาจากโลกภายนอก ดูเหมือนจะมีคุณงามความดีนับไม่ถ้วน!”
“แต่ไม่ใช่คนดีอะไรอย่างแน่นอน!”
“การตกอับของเธอ ฉันว่าก็เป็นเพราะทำเรื่องไม่ดีมากเกินไป!”
“สมควรที่เธอต้องตาย!”
เกี่ยวกับเรื่องมารดาสนมขององค์ชายสาม หลินหยุนไม่อยากรู้มากเกินไป จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลินหยุนพูดขึ้นมาว่า “งั้นผู้อาวุโสตั้งใจจะช่วยเหลือผมอย่างไร?”
ผู้อาวุโสเจียงพูดขึ้นมาว่า “นายเพิ่มระดับอยู่ในบ่อเลี้ยงจิตวิญญาณนั้นยิ่งใหญ่ ตอนนี้ก็มาถึงขั้นจิตปฐมตอนปลายบริบูรณ์แล้ว ต้องการที่จะเพิ่มระดับในจิตปฐมตอนปลายต่อไปอีก นอกจากว่าใช้เวลาไปขัดเกลา บางทีก็อาจจะทำได้”
“ไม่อย่างนั้น นั่นมันเป็นไปไม่ได้!”
“ดังนั้นที่ฉันบอกว่าจะช่วยนาย คือวิธีการอีกทางหนึ่ง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...