เมื่อหลินหยุนพาฉินหลันเข้ามาในเมือง ทหารเฝ้าประตูคนหนึ่งก็ได้แอบเดินจากไปในทันที
หลินหยุนชะงักชั่วครู่ แล้วก็พาฉินหลันเดินเข้าไปในเมืองต่อ
ไม่นานนักก็หายเข้าไปในกลุ่มคน
หลินหยุนได้เก็บกลิ่นอายลมหายใจทั้งหมด แล้วพาฉินหลันไปหายังสถานที่เปล่าเปลี่ยว เพื่อทำการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์และการแต่งกาย จากนั้นก็เดินเข้ามาในเมืองต่อ
แต่ว่า หลังจากที่ไปสำรวจตลาดมาสามแห่งแล้ว
ก็ยังไม่พบสถานที่ใดที่ขายแผนผังดาวจักรวาลเลย
จึงทำให้หลินหยุนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
อีกทั้งผู้คนในเมืองแห่งนี้ ให้ความรู้สึกในแบบที่ไม่ค่อยมีชีวิตชีวา
สายตาที่มองมายังตัวเขาและฉินหลันนั้น ต่างก็แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
แม้ว่ายังหาซื้อแผนผังดาวจักรวาลไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะกลับมามือเปล่า
หลินหยุนได้ซื้อของวิเศษที่ใช้เหาะเหินที่ถือว่าดีพอใช้ได้มาหนึ่งชิ้น
เมื่อมีของวิเศษที่ใช้เหาะเหินแล้ว พละกำลังของเขาก็จะสิ้นเปลืองน้อยลงไปอย่างมาก ฉินหลันเองก็จะสบายตัวมากขึ้นด้วย
หลังจากที่ซื้อเสร็จแล้ว หลินหยุนก็พาฉินหลันออกไปนอกเมือง
ทหารเฝ้าประตูที่หน้าประตูก็ไม่ได้ทำการขัดขวางอะไร
แต่ว่า หลังจากที่ออกมาจากเมืองได้ไม่นาน ก็มีกลิ่นอายลมหายใจที่แข็งแกร่งไล่ตามมาทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
โดยเป็นผู้บำเพ็ญเซียนแดนดั่งเทพตอนต้นเหมือนกัน
และด้านหลังยังมีผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐมคนหนึ่งติดตามมาด้วย ซึ่งก็คือทหารเฝ้าประตูที่หน้าประตูคนนั้นตอนก่อนหน้านี้
หลินหยุนไม่ได้หันกลับไปมอง โดยรีบเผ่นหนีต่อไปอย่างรวดเร็ว
ผู้บำเพ็ญเซียนแดนดั่งเทพตอนต้นนั้น เขาไม่เกรงกลัวอยู่แล้ว
แต่ยังมีผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐมตอนต้นอีกคนหนึ่งด้วย ซึ่งก็จะแตกต่างกันออกไป
เพราะว่าเขานั้นยังมีฉินหลันที่ไม่มีพลังบำเพ็ญอะไรเลยแม้แต่น้อย
จากการที่หลินหยุนหลบหนีอย่างบ้าคลั่งนั้น ผู้บำเพ็ญเซียนแดนดั่งเทพที่อยู่ด้านหลังก็ได้เร่งความเร็ว ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐมตอนต้นนั้น ก็ถูกทิ้งระยะห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
หลินหยุนหลบหนีอยู่หลายวันติดต่อกัน
ผู้บำเพ็ญเซียนแดนดั่งเทพตอนต้นที่อยู่ด้านหลังนั้น กลับไม่ได้แสดงท่าทีล้มเลิกแต่อย่างใดเลย
เห็นได้ชัดว่ามีความคิดอย่างแน่วแน่ที่จะไม่ยอมปล่อยให้หลินหยุนหลบหนีไปได้อย่างเด็ดขาด
เพราะถ้าหากปล่อยให้หลินหยุนหลบหนีไปได้แล้ว ก็อาจจะทำให้เมืองมู่เหมียนถูกเปิดเผยออกไปก็เป็นได้!
หลินหยุนไม่ได้สนใจเรื่องอื่น เอาแต่หลบหนีอย่างบ้าคลั่งต่อไป
การหลบหนีในครั้งนี้ยาวนานติดต่อกันนับเดือน
หลินหยุนสิ้นเปลืองพละกำลังไปอย่างมาก
โดยผู้บำเพ็ญเซียนแดนดั่งเทพคนนั้นก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน แต่ก็ยังคงไม่ยอมปล่อยให้หลินหยุนหลบหนีไปได้
จนวันหนึ่ง
หลินหยุนได้หยุดลงอย่างกะทันหัน
เพราะว่ายาทองในร่างกายของเขานั้นได้สูญสิ้นพละกำลังไปหมดแล้ว!
การที่ถูกผู้บำเพ็ญเซียนแดนดั่งเทพไล่ล่า มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเอาเสียเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายตรงข้ามอาจจะมีผู้บำเพ็ญแดนสู่ธรรมตามมากันอีกก็เป็นได้
แต่เวลานี้ หลินหยุนกลับไม่ได้มีความกังวลแบบนั้นแล้ว
เพราะว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากเมืองมู่เหมียนมากแล้ว!
ตรงกันข้ามหากยังจะหลบหนีต่อไปอีก
ผู้บำเพ็ญเซียนที่อยู่ด้านหลังนั้นก็คงจะสามารถไล่ตามตนเองมาได้ทันอย่างแน่นอน!
หลินหยุนสีหน้าขาวซีดเล็กน้อย พยายามทรงตัวและมองไปยังฝ่ายตรงข้าม ภาพที่เห็นนี้กับชายวัยกลางคนของวงศ์สกุลน้ำดำคนนั้น ช่างเหมือนกันอย่างมากเลยทีเดียว!
หลินหยุนไม่มีความคิดในเรื่องอื่นที่ไร้สาระอะไรอีก!
ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามมีแผนผังดาวจักรวาลอยู่จริง ก็จะยิ่งดีมาก ถ้าไม่มี ก็ไม่เป็นไร!
เขาทำได้เพียงอาศัยความทรงจำโดยรวมในชาติที่แล้วของเขาเกี่ยวกับลักษณะพื้นที่ของเขตเหม่า เพื่อมากำหนดตำแหน่งที่ตนเองอยู่ในตอนนี้
ทันใดนั้น หลินหยุนก็พลันกระโดดขึ้นไปในอากาศ และแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ย่ำฟ้าเก้าทีออกมา
แรงพลังกดทับที่แข็งแกร่งไร้ขอบเขตก็ปรากฏขึ้นในทันที
เวลานั้น ผู้บำเพ็ญเซียนแดนดั่งเทพตอนต้นคนนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที กระบี่ยาวที่อยู่ในมือนั้นก็กลายร่างเพิ่มจำนวนมากขึ้น และกระหน่ำฟาดฟันออกไปอย่างบ้าคลั่ง แต่ขณะที่หลินหยุนย่ำก้าวที่ห้าขึ้นไปนั้น ก็ยังคงสามารถที่จะระงับพลังกระบี่เอาไว้ได้อย่างหมดสิ้น
แส้วิญญาณของเจียซินได้อาศัยช่วงจังหวะนี้ กระหน่ำฟาดตีออกไป เพื่อลอบทำร้าย
ฝ่ายตรงข้ามร้องตะโกนอย่างเจ็บปวดทรมาน
หลินหยุนไม่รอช้า ใช้ดาบเฮ่าเทียนทิ่มแทงออกไปทันที โดยได้สังหารฝ่ายตรงข้ามลงอย่างสิ้นเชิง
อีกทั้งยังรีบเก็บถุงเก็บของของฝ่ายตรงข้ามขึ้นโดยเร็ว
แดนจิตปฐม แม้ว่าแดนจิตปฐมอย่างเขานี้ จะสามารถต่อสู้กับแดนดั่งเทพได้
แต่เมื่อมองไปยังสนามรบหมื่นจักรวาลแล้ว ขั้นแดนนี้ก็ยังคงอ่อนแอมากเกินไปจริง ๆ
เจียซินอดไม่ได้จึงพูดขึ้นว่า “สถานที่แห่งนี้อยู่ในเขตเหม่า และเป็นพื้นที่เขตแดนของเขตเหม่า ถ้าหากพวกเราสามารถไปยังเขตเซินได้ล่ะก็ ฉันสามารถที่จะช่วยนายได้ แต่ตอนนี้ฉันเองไม่สามารถช่วยอะไรนายได้เลย! ”
ระยะห่างของเขตเหม่ากับเขตเซินนั้น มันช่างห่างไกลกันมากเลยทีเดียว
หลินหยุนในเวลานี้ไม่สามารถที่จะไปยังที่นั่นได้แน่นอน
ต่อให้ตอนนี้หลินหยุนอยู่ในแดนสู่ธรรมะ หากคิดจะไปที่นั่นจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!
อีกทั้งยังจะต้องสิ้นเปลืองเวลาอย่างมหาศาล
หลินหยุนได้ยินดังนั้น ก็ถอนหายใจอย่างจำใจ และพูดว่า “หมดหนทาง สิ่งรองรับนั้นมีความจำเป็นอย่างมาก! ไม่สามารถที่จะคัดเลือกอย่างง่ายดายและตามอำเภอใจได้! ”
เจียซินพยักหน้า และพูดว่า “เป็นเช่นนั้นจริง ๆ มันเกี่ยวเนื่องถึงอนาคตเลย! ”
หลินหยุนพูดว่า “ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนก็แล้วกัน! อย่างน้อยในตอนนี้ ในที่สุดพวกเราก็รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหนแล้ว! ”
ที่จริงแล้วเขานั้นไม่ได้ใส่ใจกับสมบัติที่หลงเหลือเอาไว้ของเผ่าเจียซินเลย
ถ้าหากเป็นไปได้ เขายอมที่จะตัดสินใจกลับไปยังโลกชางฉองของตนเอง
แต่ว่าระยะห่างระหว่างเขตเหม่ากับโลกชางฉองของเขานั้น ไม่สามารถที่จะคิดคำนวณออกมาเป็นระยะห่างหรือต้องใช้เวลาเดินทางเท่าไรได้
เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า โลกชางฉองจะอยู่ในพื้นที่ติดชายแดนขนาดนั้น
ทั้งสามคนก็ได้นั่งของวิเศษที่ใช้เหาะเหิน เพื่อมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก
เพราะว่ามีเส้นทางที่บุกเบิกเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตลอดการเดินทางก็ไม่เกิดอุปสรรคอันตรายอะไรเลย
สิบปี
ผ่านไปเพียงพริบตาเดียว
ช่วงเวลาดังกล่าวนี้ สำหรับหลินหยุนและเจียซินแล้วถือว่าไม่มีอะไร แต่สำหรับฉินหลันแล้วนั้น มันช่างยากเย็นยิ่งนัก!
แต่ก็หมดหนทางจริง ๆ!
เมื่อจนถึงที่สุดแล้วหลินหยุนก็จะพาเธอเหาะเหินช่วงเวลาหนึ่ง
แต่หลังจากนั้น ฉินหลันก็ยังคงหงุดหงิดอย่างที่สุด
สถานการณ์แบบนี้คนทั่วไปไม่สามารถที่จะอดทนรับสภาพไหวได้อย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอเองก็ยังยืนหยัดเอาไว้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...