ไม่เพียงเท่านี้ ขนาดจำนวนของสัตว์อสูรที่พวกเขาได้สังหารไปในแต่ละปีนั้น ก็มีจำนวนมากกว่าอันดับที่สองมากมายเลยด้วย
มีอยู่เพียงครั้งเดียวที่เกือบจะเบียดสูสีกับสำนักบูรพาได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเกือบร้อยปีมาแล้ว
สำนักดาบลอยในตอนนั้น ได้มีสุดยอดอัจฉริยะปรากฏขึ้นมาหนึ่งคน
โดยแทบจะอาศัยกำลังของเขาเพียงคนเดียว ในการทำให้สำนักดาบลอย มีผลงานในอันดับที่เทียบเท่ากันกับสำนักบูรพา
จำนวนสัตว์อสูรที่ทั้งสองสำนักสามารถสังหารมาได้ทั้งหมดนั้น ต่างก็มีจำนวนเกินกว่าหนึ่งแสนตน
แต่ทางสำนักบูรพาถือครองความได้เปรียบมากกว่า เพราะลูกศิษย์ของพวกเขาแต่ละคนนั้นต่างก็แข็งแกร่งอย่างมาก ทำให้จำนวนแก้วหินปีศาจในตอนสุดท้าย มีอยู่ที่หนึ่งแสนสองหมื่นก้อน
ซึ่งก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่ประมาณสองหมื่นก้อนด้วยกัน
แต่นี่ก็ถือว่าเป็นครั้งหนึ่งที่สามารถทำได้ใกล้เคียงกับสำนักบูรพาแล้ว!
นอกจากหนึ่งร้อยปีก่อนหน้านี้ ครั้งนั้นที่สำนักดาบลอย สามารถไล่ล่าแก้วหินปีศาจ ได้จำนวนหนึ่งแสนก้อน ส่วนในครั้งอื่น ๆ สามสำนักใหญ่สามารถไล่ล่าแก้วหินปีศาจได้ ที่ประมาณห้าหมื่นก่อนเท่านั้นเอง
สำหรับทางสำนักบูรพา
ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะต่ำกว่าหนึ่งแสนก้อนเลย
ส่วนครั้งที่มากที่สุดนั้น สามารถไล่ล่าแก้วหินปีศาจได้มากถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อนเลยทีเดียว
แน่นอนว่า นี่เป็นจำนวนในภาพรวม
ตอนสุดท้ายที่ทำการประเมินนั้น จะใช้ระดับคุณภาพมาเป็นตัวคำนวณ
ผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐม ส่วนใหญ่จะสังหารสัตว์อสูรระดับสี่
แก้วหินปีศาจของสัตว์อสูรระดับสี่หนึ่งก้อน เทียบเท่าได้กับแก้วหินปีศาจระดับสามจำนวนสิบก้อน
โดยจะมีการคำนวณในลักษณะแบบนี้
หลินหยุนเดินไปพลาง และก็ฟังการวิพากษณ์วิจารณ์ของผู้บำเพ็ญเซียนโดยรอบไปพลางด้วย
เขาเองก็กำลังตามหาสำนักที่ตนเองสามารถฝากชื่อเข้าร่วมสมัครได้อยู่
แต่สำนักแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย
ในขณะนั้นเอง ชายชราคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหน้า ก็ดึงดูดความสนใจของหลินหยุนเข้า
ด้านข้างของชายชราผู้นั้นมีหญิงสาวที่อายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง และชายหนุ่มที่อายุประมาณยี่สิบสามยี่สิบสี่ปีคนหนึ่ง
ชายชราผู้นั้นน่าจะมีพลังบำเพ็ญแดนจิตปฐมตอนกลาง
ส่วนชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสองนั้น
ชายหนุ่มน่าจะเพิ่งบรรลุเข้าสู่ขั้นแดนจิตปฐม
ส่วนหญิงสาวคนนั้นน่าจะอ่อนด้อยกว่าสักเล็กน้อย แต่ก็ชัดเจนกว่าคงอีกไม่นานแล้ว
ถ้าหากมีทรัพยากรที่เพียงพอ ก็สามารถที่จะบำเพ็ญฝึกฝนเพื่อบรรลุสู่แดนจิตปฐมได้แล้ว
ทั้งสามคนเดินกันอยู่ด้านหน้า ชายชราผู้นั้นดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บ จึงเดินช้าสักหน่อย และเดินไปพลางก็ถอนหายใจไปพลาง
ได้ยินชายชราถอนหายใจ ชายหนุ่มผู้นั้นก็พูดขึ้นว่า “อาจารย์วางใจได้ ครั้งนี้ที่ฉันจะเข้าไปในทุ่งน้ำแข็งนั้น จะต้องพยายามสังหารสัตว์อสูรให้ได้จำนวนมากที่สุด เพื่อที่จะรักษาสถานภาพของสำนักยีเจี้ยนเอาไว้! ”
“อีกทั้งจะนำทรัพยากรจำนวนมากมาให้กับศิษย์น้อง เพื่อให้ศิษย์น้องมุ่งเป้าบำเพ็ญสู่ขั้นแดนจิตปฐมให้ได้! ”
“แบบนี้แล้ว สำนักยีเจี้ยนของพวกเราก็จะมีอนาคตที่สดใสรออยู่เบื้องหน้าแล้ว! ”
“ฉันจะร่วมกับศิษย์น้อง นำพาสำนักยีเจี้ยนของพวกเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไปอย่างรุ่งโรจน์! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...