จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1664

สรุปบท บทที่ 1664 สำนักยีเจี้ยน: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 1664 สำนักยีเจี้ยน – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

ตอน บทที่ 1664 สำนักยีเจี้ยน ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ไม่เพียงเท่านี้ ขนาดจำนวนของสัตว์อสูรที่พวกเขาได้สังหารไปในแต่ละปีนั้น ก็มีจำนวนมากกว่าอันดับที่สองมากมายเลยด้วย

มีอยู่เพียงครั้งเดียวที่เกือบจะเบียดสูสีกับสำนักบูรพาได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเกือบร้อยปีมาแล้ว

สำนักดาบลอยในตอนนั้น ได้มีสุดยอดอัจฉริยะปรากฏขึ้นมาหนึ่งคน

โดยแทบจะอาศัยกำลังของเขาเพียงคนเดียว ในการทำให้สำนักดาบลอย มีผลงานในอันดับที่เทียบเท่ากันกับสำนักบูรพา

จำนวนสัตว์อสูรที่ทั้งสองสำนักสามารถสังหารมาได้ทั้งหมดนั้น ต่างก็มีจำนวนเกินกว่าหนึ่งแสนตน

แต่ทางสำนักบูรพาถือครองความได้เปรียบมากกว่า เพราะลูกศิษย์ของพวกเขาแต่ละคนนั้นต่างก็แข็งแกร่งอย่างมาก ทำให้จำนวนแก้วหินปีศาจในตอนสุดท้าย มีอยู่ที่หนึ่งแสนสองหมื่นก้อน

ซึ่งก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่ประมาณสองหมื่นก้อนด้วยกัน

แต่นี่ก็ถือว่าเป็นครั้งหนึ่งที่สามารถทำได้ใกล้เคียงกับสำนักบูรพาแล้ว!

นอกจากหนึ่งร้อยปีก่อนหน้านี้ ครั้งนั้นที่สำนักดาบลอย สามารถไล่ล่าแก้วหินปีศาจ ได้จำนวนหนึ่งแสนก้อน ส่วนในครั้งอื่น ๆ สามสำนักใหญ่สามารถไล่ล่าแก้วหินปีศาจได้ ที่ประมาณห้าหมื่นก่อนเท่านั้นเอง

สำหรับทางสำนักบูรพา

ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะต่ำกว่าหนึ่งแสนก้อนเลย

ส่วนครั้งที่มากที่สุดนั้น สามารถไล่ล่าแก้วหินปีศาจได้มากถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อนเลยทีเดียว

แน่นอนว่า นี่เป็นจำนวนในภาพรวม

ตอนสุดท้ายที่ทำการประเมินนั้น จะใช้ระดับคุณภาพมาเป็นตัวคำนวณ

ผู้บำเพ็ญเซียนแดนจิตปฐม ส่วนใหญ่จะสังหารสัตว์อสูรระดับสี่

แก้วหินปีศาจของสัตว์อสูรระดับสี่หนึ่งก้อน เทียบเท่าได้กับแก้วหินปีศาจระดับสามจำนวนสิบก้อน

โดยจะมีการคำนวณในลักษณะแบบนี้

หลินหยุนเดินไปพลาง และก็ฟังการวิพากษณ์วิจารณ์ของผู้บำเพ็ญเซียนโดยรอบไปพลางด้วย

เขาเองก็กำลังตามหาสำนักที่ตนเองสามารถฝากชื่อเข้าร่วมสมัครได้อยู่

แต่สำนักแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย

ในขณะนั้นเอง ชายชราคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหน้า ก็ดึงดูดความสนใจของหลินหยุนเข้า

ด้านข้างของชายชราผู้นั้นมีหญิงสาวที่อายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง และชายหนุ่มที่อายุประมาณยี่สิบสามยี่สิบสี่ปีคนหนึ่ง

ชายชราผู้นั้นน่าจะมีพลังบำเพ็ญแดนจิตปฐมตอนกลาง

ส่วนชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสองนั้น

ชายหนุ่มน่าจะเพิ่งบรรลุเข้าสู่ขั้นแดนจิตปฐม

ส่วนหญิงสาวคนนั้นน่าจะอ่อนด้อยกว่าสักเล็กน้อย แต่ก็ชัดเจนกว่าคงอีกไม่นานแล้ว

ถ้าหากมีทรัพยากรที่เพียงพอ ก็สามารถที่จะบำเพ็ญฝึกฝนเพื่อบรรลุสู่แดนจิตปฐมได้แล้ว

ทั้งสามคนเดินกันอยู่ด้านหน้า ชายชราผู้นั้นดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บ จึงเดินช้าสักหน่อย และเดินไปพลางก็ถอนหายใจไปพลาง

ได้ยินชายชราถอนหายใจ ชายหนุ่มผู้นั้นก็พูดขึ้นว่า “อาจารย์วางใจได้ ครั้งนี้ที่ฉันจะเข้าไปในทุ่งน้ำแข็งนั้น จะต้องพยายามสังหารสัตว์อสูรให้ได้จำนวนมากที่สุด เพื่อที่จะรักษาสถานภาพของสำนักยีเจี้ยนเอาไว้! ”

“อีกทั้งจะนำทรัพยากรจำนวนมากมาให้กับศิษย์น้อง เพื่อให้ศิษย์น้องมุ่งเป้าบำเพ็ญสู่ขั้นแดนจิตปฐมให้ได้! ”

“แบบนี้แล้ว สำนักยีเจี้ยนของพวกเราก็จะมีอนาคตที่สดใสรออยู่เบื้องหน้าแล้ว! ”

“ฉันจะร่วมกับศิษย์น้อง นำพาสำนักยีเจี้ยนของพวกเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไปอย่างรุ่งโรจน์! ”

แต่หลังจากเห็นแววตาที่แน่วแน่อย่างที่สุดของหญิงสาวแล้ว ผ่านไปสักพัก ก็พยักหน้า และพูดขึ้นอย่างลำบากใจว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นฉันก็จะปล่อยให้เธอเข้าไปก็แล้วกัน! แต่ว่า ภายในนั้นมีอันตรายความเสี่ยงเป็นอย่างมาก เธอเอง......จะต้องระมัดระวังตัวให้มากเป็นพิเศษ! ”

ไม่ทันรอให้หญิงสาวพูด ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างก็รีบพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจว่า “อาจารย์ ท่านวางใจได้เลย มีฉันคอยปกป้องดูแลศิษย์น้อง ซึ่งจะไม่ให้เกิดเหตุอันตรายกับศิษย์น้องขึ้นอย่างเด็ดขาด! ”

ชายชราอยากที่จะพูดอะไรอีก แต่เมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่มแล้ว จึงกลืนคำพูดของตนเองกลับเข้าไป พร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า “ถ้าหากครึ่งปีก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ ครั้งนี้คงจะไม่ต้องให้พวกเธอทั้งสองคนไปเสี่ยงกับอันตรายแล้ว! แต่ว่า ถ้าหากครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย สำนักสำนักยีเจี้ยนของพวกเราก็จะสูญเสียสถานภาพลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว! ”

หยุดชะงักไปชั่วครู่ ชายชราก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ครั้งนี้ที่พวกเธอทั้งสองเข้าไปด้านในเพียงแค่กลับออกมาได้อย่างปลอดภัยก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว สำหรับการไล่ล่าแก้วหินปีศาจนั้นไม่ต้องไปใส่ใจมากนักฉิงเอ๋อร์หากสามารถบรรลุขั้นแดนได้ก็เป็นเรื่องดี ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่จะต้องปลอดภัยเอาไว้ก่อน จดจำกันไว้หรือยัง? ”

ฉิงเอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าอย่างจริงจัง และพูดว่า “คุณปู่วางใจเถอะ ฉันจดจำไว้แล้ว! ”

ชายชราถอนหายใจอีกครั้ง แล้วทั้งสามคนก็มุ่งหน้าเดินกันต่อไป

ในขณะนั้นเอง หลินหยุนที่อยู่ด้านหลังก็ได้พูดขึ้นว่า “หยุดก่อนสหาย! ”

ทั้งสามคนหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน แล้วก็หันหลังกลับมามองหลินหยุน พร้อมกับพากันขมวดคิ้วขึ้น

ชายชรายกมือทำความเคารพกับหลินหยุน และพูดว่า “สวัสดีสหาย ฉันคือเซียวซานเป็นเจ้าสำนักยีเจี้ยน ขอถามหน่อยว่าที่สหายเรียกให้ฉันหยุดไม่ทราบว่ามีธุระอะไรเหรอ? ”

หลินหยุนเองก็ยกมือแสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันคือหลินหยุน เมื่อครู่ได้ยินโดยไม่ได้ตั้งใจว่า สำนักยีเจี้ยนของสหาย มีเพียงแค่ลูกศิษย์สองคนที่จะเข้าร่วมงานล่าสัตว์ในครั้งนี้อย่างนั้นเหรอ? ”

“ฉันเองเป็นผู้ฝึกอิสระ ต้องการที่จะหาสำนักแห่งหนึ่งเพื่อฝากชื่อลงสมัคร ไม่ทราบว่าสหายจะสามารถให้โควตากับฉันเพื่อฝากชื่อลงสมัครสักหนึ่งคนได้หรือไม่? ”

เมื่อหลินหยุนพูดจบ ยังไม่ทันจะพูดต่อ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง และพูดขึ้นอย่างเหยียดหยามว่า “นายน่ะเหรอ? กลิ่นอายลมหายใจในร่างกายอ่อนแอขนาดนี้ และยังไม่ถึงขั้นแดนจิตปฐมเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเป็นผู้ฝึกอิสระ ยังคิดที่จะเข้าร่วมงานล่าสัตว์ด้วยเหรอ? นายคิดว่านายมีคุณสมบัตินั้นหรือไม่? ”

หลินหยุนเก็บกลิ่นอายลมหายใจของตนเอาไว้ ซึ่งฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถที่จะรับรู้ได้อย่างแน่นอน

ไม่ต้องพูดถึงชายชราผู้นั้นที่มีพลังบำเพ็ญเพียงแค่แดนจิตปฐมตอนกลาง ต่อให้แดนจิตปฐมตอนปลายก็ยังไม่สามารถรับรู้ถึงพลังบำเพ็ญที่แท้จริงของหลินหยุนได้!

นอกเสียจากผู้บำเพ็ญเซียนแดนดั่งเทพ ที่มีพลังบำเพ็ญเหนือกว่าหนึ่งขั้นแดน จึงจะสามารถรับรู้ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์