จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1666

สรุปบท บทที่ 1666 เข้าไปในบริเวณส่วนลึกต่ออีก: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

บทที่ 1666 เข้าไปในบริเวณส่วนลึกต่ออีก – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอนนี้ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1666 เข้าไปในบริเวณส่วนลึกต่ออีก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ส่วนลูกศิษย์ของสำนักบูรพาคนนั้น ที่ตามติดอยู่ด้านหลังมาตลอดทาง ก็ยิ่งเกิดความแปลกใจขึ้น เพราะว่าเขาพบเจอกับสัตว์อสูรระดับสี่ แต่ก็ยังไม่ลงมือสังหาร

หรือว่าไอ้หนุ่มนั่น จะไปยังสถานที่อื่น?

มีความเป็นไปได้สูง!

เพราะว่า ไม่ต้องพูดถึงลูกศิษย์สำนักเล็กอะไรหรอก ต่อให้ลูกศิษย์ของสำนักจินต์ สำนักดาบลอย และสำนักกระบี่ ก็ยังไม่กล้าที่จะแย่งชิงอาณาเขตล่าสัตว์กับลูกศิษย์ของสำนักบูรพาเลย

ขณะนั้นจึงไม่ได้คิดมากอะไรอีก แล้วก็เริ่มลงมือสังหารพวกสัตว์อสูรระดับสี่ที่พบเจอทั้งหมด

โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับพวกสัตว์อสูรที่มีระดับต่ำแล้ว ก็สังหารกวาดล้างอย่างบ้าคลั่ง

หากจะพูดว่าสำนักใหญ่อย่างพวกเขานี้ ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ต้องการที่จะสังหารพวกสัตว์อสูรระดับต่ำเหล่านี้เท่าไร แต่เป็นเพราะนี่คือการแข่งขันในงานล่าสัตว์

ดังนั้นแม้ว่าจะไม่อยากจะทำ แต่ก็ต้องสังหารให้หมด

หลินหยุนเองก็ยังคงไม่ได้หยุดอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เหาะเหินมุ่งหน้าสู่บริเวณส่วนลึกต่อไป

สามวันผ่านไป

หลินหยุนได้เข้ามาถึงบริเวณส่วนลึกของทุ่งน้ำแข็งในจุดที่ไกลออกไปประมาณสองหมื่นลี้แล้ว

และเขาก็ได้เริ่มลงมือแล้ว

เพราะว่าในช่วงครึ่งวันก่อนหน้านี้ เขาได้พบเจอกับสัตว์อสูรระดับห้า

แต่ตอนแรกพบเจอเพียงหนึ่งถึงสองตัว เขาจึงไม่ได้ลงมือ

ซึ่งจะใช้สัตว์อสูรระดับห้าที่ฉลาดมีไหวพริบนี้ มาสกัดกั้นลูกศิษย์สำนักบูรพาคนนั้นเอาไว้ ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย

เมื่อพบเจอกับสัตว์อสูรระดับห้าตัวที่สี่ หลินหยุนจึงตัดสินใจลงมือทันที

นี่ก็คือหมีขาวเหมือนกัน

แต่หมีขาวตัวนี้คือระดับห้า มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งกว่าหมีขาวระดับสี่ที่ต่อสู้กับลูกศิษย์สำนักบูรพาคนนั้น มากมายเหลือเกิน!

แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ก็ยังคงตายลงภายใต้กระบี่ของหลินหยุน

หลินหยุนไม่เพียงแต่จะเก็บแก้วหินปีศาจเท่านั้น ยังจะนำเอาร่างของหมีขาว เก็บไว้ในถุงเก็บของอีกด้วย

เมื่อคำนวณจากระดับ สัตว์อสูรระดับห้า ก็จะเทียบเท่าได้กับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแดนดั่งเทพ

แต่เมื่อเทียบกับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแดนดั่งเทพที่แท้จริงแล้ว ก็ยังคงห่างไกลกันไม่น้อยทีเดียว

แม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนแดนดั่งเทพตอนต้นหลินหยุนก็ยังสามารถสังหารได้ ซึ่งไม่ต้องพูดถึงสัตว์อสูรระดับห้าแบบนี้แล้ว

แน่นอนว่า ถ้าหากพบเจอกับสัตว์อสูรระดับห้าขั้นสูง อย่างนั้นถึงจะสามารถสร้างความกดดันให้กับหลินหยุนได้พอสมควร

หลังจากที่สังหารสัตว์อสูรระดับห้าไปหนึ่งตนแล้ว หลินหยุนก็เริ่มการสังหารอย่างบ้าคลั่งขึ้น

หลังจากที่ได้สังหารสัตว์อสูรระดับห้าไปสิบกว่าตนแล้ว หลินหยุนก็ยังคงไม่ได้เข้าไปยังส่วนลึกต่อ เพราะว่าหากเข้าไปในส่วนลึกอีก ไม่นานก็คงจะต้องพบเจอกับสัตว์อสูรระดับห้าขั้นสูง กระทั่งสัตว์อสูรระดับหกเลย

ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ไม่เหมาะสมที่จะทำการสังหารขนานใหญ่เป็นวงกว้างแล้ว

หลินหยุนเริ่มที่จะออกสำรวจไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกบ้างแล้ว

สองวันจากนั้น หลินหยุนที่กำลังมุ่งหน้าเดินทางอยู่นั้นก็เกิดดวงตาเป็นประกายขึ้นอย่างกะทันหัน

เพราะว่าเขาได้พบเจอกับกลุ่มสัตว์อสูรระดับสี่ขนาดใหญ่

คือโคลนหิมะที่มีจำนวนนับพันตนเป็นอย่างน้อย

โคลนหิมะก็เหมือนกับงู อย่างน้อยรูปร่างลักษณะก็มีความคล้ายคลึงกันมาก

สีของโคลนหิมะ ก็เหมือนกับน้ำแข็งหิมะอย่างไรอย่างนั้น

ซึ่งเพียบพร้อมด้วยพลังความสามารถอันแข็งแกร่งที่แอบซ่อนอยู่

ถ้าหากไม่ระมัดระวัง หรือว่ามีพลังบำเพ็ญที่ไม่เพียงพอ ก็คงไม่สามารถพบเห็นพวกมันได้

ถ้าหากเข้าไปใกล้พวกมันโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ก็จะถูกพวกมันเข้ารุมทำร้ายทันที

หลินหยุนยืนลอยตัวอยู่กลางอากาศ ดวงตาเป็นประกาย โคลนหิมะดำรงชีวิตอยู่ภายใต้ทุ่งน้ำแข็ง ดังนั้นถ้าหากไม่สามารถสังหารได้เป็นจำนวนมากภายใต้การโจมตีครั้งเดียวแล้ว โคลนหิมะที่หลงเหลือนั้น ก็จะมุดตัวเข้าไปภายใต้ทุ่งน้ำแข็งทันที

ซึ่งน้ำแข็งที่อยู่ท่ามกลางทุ่งน้ำแข็งนี้ ต่างก็แข็งแกร่งทนทานอย่างที่สุด

ต่อให้เป็นหลินหยุน ก็เกรงว่าคงยากที่จะทำลายให้แตกสลายในวงกว้างได้

ดังนั้น จึงห้ามที่จะปล่อยให้หลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมากโดยเด็ดขาด

จะต้องโจมตีแล้วสามารถสังหารโคลนหิมะให้ได้เป็นจำนวนมาก

ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ร่างของหลินหยุนก็แวบหายไป กระโดดขึ้นไปอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้น ร่างลางของเซียนที่ใหญ่มหึมาก็ได้ปรากฏขึ้น

พร้อมกับแสดงอิทธิฤทธิ์กระบี่ฉีกนภา ลำแสงกระบี่นับไม่ถ้วนก็พุ่งลงมาจากอากาศอย่างรวดเร็ว

ลำแสงกระบี่มากมายมหาศาล ราวกับว่าได้ทำลายล้างชั้นฟ้าชั้นดินจนแหลกสลาย

โคลนหิมะนับพันตน เดิมทียังคงรอคอยหลินหยุนอยู่ เพื่อที่จะลงมือลอบโจมตี

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลินหยุนไม่ได้เข้ามาใกล้พวกมัน

แต่ได้ลงมือโจมตีด้วยพลังอานุภาพที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานอย่างที่สุดขนาดนี้

ขณะที่กำลังจะมุดตัวเข้าไปใต้ชั้นน้ำแข็ง

แต่พวกมันก็ไม่ทันการเสียแล้ว

ตั้งแต่ต้นก็ใช้วิธีการลักลอบโจมตีแบบกองโจร

หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย พูดบ่นพึมพำกับตนเองว่า “จ้าวโคลนหิมะนี้ฉลาดมีไหวพริบที่พอใช้ได้เลย แต่ก็ถือเป็นปกติ รอให้มันเข้าสู่ระดับหกเมื่อไร ก็คงน่าจะสามารถเอ่ยปากพูดได้แล้ว! ”

“เพียงแต่ยังไม่สามารถเป็นรูปเป็นร่างได้! ”

“ระดับห้าและระดับหกของเผ่าปีศาจ ถือว่าเป็นเส้นแบ่งเขต! ”

ระดับห้าและระดับหก ของผู้บำเพ็ญเซียนก็เหมือนกัน ถือว่าเป็นเส้นแบ่งเขต

การแสดงออกของเผ่าปีศาจนั้นจะมีความชัดเจนมากกว่าเล็กน้อย

แน่นอนว่า โคลนหิมะระดับหกสามารถพูดภาษาคนได้ ซึ่งสัตว์อสูรแบบโคลนหิมะนี้นั้นมีอยู่ไม่มาก!

สัตว์อสูรส่วนใหญ่ที่สามารถพูดภาษาคนได้นั้น จะต้องมีระดับที่สูงกว่านี้

หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย ปล่อยพลังหมัดออกไป ด้วยท่าที่ห้าของสิบแปดท่าต้าเต๋า  กักขัง!

ห้ามสิ่งวายชนม์!

ร่างของจ้าวโคลนหิมะได้ถูกกักขังเอาไว้แล้ว

จึงเกิดความตื่นตกใจเป็นอย่างมาก

ในขณะนั้นเอง หลินหยุนก็แสดงเพลงกระบี่พลังผกผันโหมกระหน่ำเข้าใส่

ชั้นฟ้าชั้นดินถึงกับเปลี่ยนสี!

แทงทะลุร่างอันโปร่งใสของจ้าวโคลนหิมะนั้น

จ้าวโคลนหิมะ จบชีวิตลง

ร่างกายก็เปลี่ยนจากโปร่งใสกลายมาเป็นแบบจับต้องได้

ร่างกายขาวราวกับหิมะอย่างที่สุด

หลินหยุนเก็บทั้งแก้วหินปีศาจรวมถึงร่างกายของมัน พร้อมกับถอนหายใจยาว

หากไม่ใช่ว่าเขามีอิทธิฤทธิ์ที่มากมาย ก็ยากที่จะจัดการได้อยู่หมัด!

กลืนกินโอสถเข้าไปหนึ่งกำ หลินหยุนก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ และมุ่งหน้าตรงไปยังบริเวณส่วนลึกต่ออีก

ซึ่งหลังจากที่หลินหยุนได้จากไปเป็นเวลาครึ่งวัน

ชายหนุ่มที่มีเพลงกระบี่เก่งกาจไร้เทียมทานคนหนึ่ง ก็มาถึงบริเวณที่แห่งนี้

โดยได้สัมผัสรับรู้ชั่วครู่ ชายหนุ่มนั้นก็ดวงตาเป็นประกายขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์