หลินหยุนคารวะให้กับชายชรา และพูดขึ้นมาว่า “ผู้อาวุโสน่าจะสามารถสื่อสารกับสำนักได้? ลองสื่อสารถามไถ่กับสำนักดูดีกว่า?”
เมื่อผู้อาวุโสได้ยินคำพูดเช่นนี้ ก็แสยะยิ้มขึ้นมาในทันที “เด็กน้อย นายกำลังสอนยายแก่อย่างฉันทำสิ่งต่างๆอยู่เหรอ?”
หลินหยุนขมวดคิ้ว และพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อผู้อาวุโสอยากจะรู้ว่าตัวตนของผมเป็นจริงหรือปลอม สื่อสารกับสำนัก แค่ถามไถ่ก็จะรู้ ง่ายดายเช่นนี้ หากผู้อาวุโสไม่ยอม นั่นก็คือจงใจขัดขวางเหรอ?”
ผู้อาวุโสพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ถูกต้อง! ยายแก่อย่างฉันก็จงใจขัดขวาง นายจะทำไม? นายแค่เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อาศัยใช้ชื่อเสียงผู้อาวุโสที่ปรึกษาในสำนักของฉัน ก็ต้องการเข้าสู่พื้นที่สำนักของฉันพัฒนาอย่างนับไม่ถ้วนงั้นเหรอ? ตลกสิ้นดี!”
“จิ้งซือผู้หญิงนั้นถูกคำพูดจาอ่อนหวานของนายหว่านล้อม แต่ยายแก่อย่างฉันไม่มีทาง!”
“แม้ว่านายจะแบ่งทรัพยากรออกมาห้าส่วน แต่สำหรับสำนักของฉัน ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ฉันพัฒนาออกมา ทำไมนายต้องให้ห้าส่วนด้วย? ล้วนเป็นสมบัติของสำนักฉันทั้งหมด!”
“เด็กน้อย ยายแก่อย่างฉันขอเตือนนาย รีบออกไปซะ ไม่เช่นนั้น อย่าหากว่าฉันไม่เกรงใจนาย!”
หลินหยุนพูดขึ้นมาว่า “ที่แท้ผู้อาวุโสรับรู้แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายมากนัก ถ้าหากผู้อาวุโสไม่ปล่อยให้ผมเข้าไป งั้นก็ทำได้เพียงลงมือแล้ว!”
ขณะที่พูด แสงในมือของหลินหยุนส่องประกาย กระบี่เฮ่าเทียนก็ปรากฏขึ้นในมือ
กฎเกณฑ์แห่งกระบี่ปรากฏขึ้น ผสมผสานอยู่ในกระบี่เฮ่าเทียนทั้งหมด
ตามด้วยผมการฝึกตนของหลินหยุนก้าวสู่แดนดั่งเทพ
ประทับตราของกระบี่เฮ่าเทียนก็ปลดล็อกอีกชั้นหนึ่ง
ในเวลานี้ภายใต้การผสมผสานเข้าไป ลมปราณน่าสะพรึงกลัวมาก สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของหลินหยุน เปลือกตาของผู้อาวุโสก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก และพูดในใจว่า เด็กคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ เด็กสาวอย่างจิ้งซือกลับไม่ได้มองผิด ว่ากันว่าเพิ่งเข้าสู่แดนดั่งเทพ แต่ว่ากฎเกณฑ์แห่งกระบี่ก็แข็งแกร่งถึงขั้นนี้…….
อันที่จริงตอนที่หลินหยุนออกจากสำนักจินต์ หญิงวัยกลางคนคนนั้น ก็คือจิ้งซือเจ้าสำนักแห่งสำนักจินต์ ก็ได้ส่งข่าวคราว ที่หลินหยุนกลายเป็นผู้อาวุโสที่ปรึกษา และเข้าร่วมสำนักมาแล้ว
ก็เพื่อหลีกเลี่ยงเกิดสถานการณ์แบบนี้
ยังไงซะก็เป็นความตั้งใจสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
จิ้งซือก็ย่อมไม่มีทางทำให้หลินหยุนลำบากใจ
หลังจากที่ได้รับการสื่อสารจากจิ้งซือ ผู้อาวุโสกลับมีแผนการในใจ
ไม่อยากปล่อยให้หลินหยุนเข้าสู่ข้างในนั้นอย่างง่ายดาย อย่างน้อยๆเธอต้องดูกับตาตัวเอง หลินหยุนแข็งแกร่งมากขนาดนั้นจริงเหรอ สุดยอดอัจฉริยะขนาดนั้นเลยเหรอ
สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่นั่นต้องเป็นสุดยอดอัจฉริยะถึงมีสิทธิ์ที่สำนักจินต์จะทำแบบนั้นด้วย
ไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง เธอไม่เชื่อ
แน่นอนว่า เธอนั่งบัญชาการอยู่ที่พื้นที่พัฒนานี้ ก็ย่อมไม่รู้เป็นธรรมดา ผลงานของหลินหยุนในงานล่าสัตว์ ก็ยิ่งไม่รู้เรื่องที่ต่อสู้กับฉวี่เหอของสำนักบูรพา
ไม่เช่นนั้น น่าจะไม่จำเป็นต้องหยั่งเชิงแบบนี้
ลมปราณบนตัวหลินหยุนเพิ่มขึ้น คนทั้งคนราวกับกระบี่คมเล่มหนึ่งที่อาฆาตแค้นท่วมท้น มองไปทางผู้อาวุโสแล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ผู้อาวุโส งั้นก็ลองรับกระบี่ของผมดู!”
จากนั้น แสงกระบี่ของหลินหยุนกวาดล้างไป ก็ฟันไปทางผู้อาวุโสอย่างเหี้ยมหาญ
ผู้อาวุโสแสยะยิ้ม เมื่อเห็นว่าแสงกระบี่ฟันลงมาแล้ว ยื่นมือที่แก่ชราออกไปในทันที ก็คว้าแสงกระบี่เอาไว้ในมือโดยปราศจากอาวุธ
ผลการฝึกตนของเธอคือแดนดั่งเทพตอนปลาย
เหนือกว่าหลินหยุนไปสองแดน ได้เริ่มผสมผสานกฎเกณฑ์ตั้งนานแล้ว
แม้ว่ากฎเกณฑ์แห่งกระบี่ของหลินหยุนจะแข็งแกร่งมาก แต่ยังไงซะยังเป็นเพียงกฎเกณฑ์เดียว ไม่มีทางที่เกิดการทำร้ายต่อเธอได้อย่างแท้จริง
ภายใต้การสะบัดเบาๆ หลินหยุนก็กระเด็นออกไปในทันที
พลังป้องกันการกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้เลือดลมของหลินหยุนพลุ่งพล่านอย่างต่อเนื่อง สีหน้าซีดเซียว กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ถูกหลินหยุนฝืนกล้ำกลืนลงไป
ผู้อาวุโสหัวเราะเยาะในทันที และพูดขึ้นมาว่า “นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าอัจฉริยะ? เด็กน้อย ฉันว่านายเทียบกับอัจฉริยะเหล่านั้นในสำนักของฉัน ก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...