จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1709

สรุปบท บทที่ 1709 ตระกูลจี้ที่แปลกประหลาด: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 1709 ตระกูลจี้ที่แปลกประหลาด – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

ตอน บทที่ 1709 ตระกูลจี้ที่แปลกประหลาด ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

หยุดชะงักลงไปชั่วครู่ ฉินหลันก็พูดต่อว่า “ถ้าหากมีสิ่งใดที่สามารถจะช่วยเหลือได้ พวกเราก็ควรช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นั่นเป็นเพราะว่า การที่มีแม่นางฝานซิงคนนี้ จึงทำให้พวกเราลดปัญหาความยุ่งยากลงไปอย่างมาก พวกเราอย่าได้คิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น! ”

หลินหยุนได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มอย่างเอ็นดู และได้โอบกอดฉินหลันไว้ในอ้อมอก “พี่ฉินหลันของฉันไม่เพียงแต่จะงดงามและเฉลียวฉลาดแล้ว ยังจะมีจิตใจที่ดีด้วย ผู้หญิงลักษณะนี้ ต่อให้แสวงหาไปทั่วทั้งหมื่นจักรวาล ก็คงยากที่จะพบเจอได้อีกแล้ว! ”

ฉินหลันได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็แดงก่ำ และเหลือบตาขาวใส่หลินหยุนอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าได้มาพูดประจบประแจงเลย! ฉันก็แค่คิดว่า ไม่อยากที่จะเป็นหนี้บุญคุณคนอื่นมากเกินไป! ฉันเคยได้ยินนายพูดว่า สรรพสิ่งในโลกใบนี้ ล้วนมีเหตุและผลเป็นไปตามกฎแห่งกรรม วันนี้พวกเราเป็นหนี้บุญคุณคนอื่นมากไป อนาคตก็คงจะต้องตอบแทนกลับคืนไปเช่นกัน! ”

หลินหยุนตกใจ และมองไปที่ฉินหลัน พร้อมกับพูดขึ้นว่า “พี่ฉินหลัน ถ้าพี่สามารถบำเพ็ญฝึกฝนได้แล้วล่ะก็ จะต้องกลายเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจักรวาลอย่างแน่นอน! ”

เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า ฉินหลันจะสามารถพูดได้สอดคล้องกับต้าเต๋าแบบนี้ได้

กฎแห่งกรรม ก็คือหนึ่งในหลักต้าเต๋าชั้นยอดที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล

ในชาติที่แล้วหลินหยุนเองก็เคยได้รับกฎแห่งกรรมของหลักต้าเต๋าที่หนักหนาอย่างมาก

ถึงขนาดพูดได้ว่า เขาในทุกวันนี้ ล้วนเป็นเพราะเกิดขึ้นมาจากกฎแห่งกรรม

เขาในชาติที่แล้วนั้น ตั้งแต่เริ่มแรกก็ได้ฝังความผิดหวังและความโกรธแค้นอยู่ในใจ เมล็ดของความเกลียดชังนั้น ก็คือเหตุ รอจนเมื่อเขาได้ปะทะต่อสู้กับเต๋าสวรรค์ มารร้ายในจิตใจก็ปะทุขึ้น อย่างเปิดเผยไม่ปกปิด นี่ก็คือผล

แน่นอนว่า ตอนนี้เขาเองก็รับรู้แล้วว่า เหตุที่ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากกฎแห่งกรรมได้นั้น ก็เป็นเพราะตัวเขาเองยังไม่เข้มแข็งมากพอ ถ้าหากตนเองเข้มแข็งมากจนถึงขั้นที่กฎแห่งกรรมไม่สามารถกำหนดควบคุมได้ ก็จะไม่มีอะไรแล้ว

ได้ยินหลินหยุนพูดแบบนี้ ฉินหลันเองก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

แสดงให้เห็นว่า รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ในการที่ตนเองนั้นไม่สามารถที่จะเข้ามาอยู่ในเส้นทางการบำเพ็ญฝึกฝนได้

ดังนั้นไม่ว่าหลินหยุนจะไปรู้จักและติดต่อกับผู้หญิงคนใด เธอก็จะแสดงอาการท่าทางที่สงบนิ่งมาโดยตลอด ที่จริงแล้วก็เป็นเพราะเหตุผลนี้

เธอรู้ตัวดีว่า หากยังไม่สามารถบำเพ็ญฝึกฝนได้ เธอก็ไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยกันกับหลินหยุนไปโดยตลอดได้

อีกทั้ง จนถึงขณะนี้ เธอเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่า ถึงแม้เธอจะสามารถบำเพ็ญฝึกฝนได้ แต่เส้นทางการบำเพ็ญฝึกฝนนี้ ในช่วงเริ่มต้นนั้นยากลำบากมากแค่ไหน จึงไม่สามารถที่พูดอะไรได้ก่อน

วันนี้ มีหลินหยุนปกป้องดูแลเธอเป็นอย่างดี

แต่เธอก็เข้าใจดีว่า ในหมื่นจักรวาลนี้ เต็มไปด้วยอันตรายความเสี่ยงในทุกแห่งหน

ที่นี่ไม่ใช่ดาวไกอา

ที่มีกฎหมายปกป้องคุ้มครอง

ที่นี่ เพียงแค่พูดจาไม่ลงรอยกัน ก็เป็นไปได้ที่จะต้องจบชีวิตลง

ต่อให้หลินหยุนเอง ก็ไม่สามารถที่จะรับประกันอะไรได้ตลอดเวลา

ดังนั้น เธอถึงได้ปล่อยวาง

ไม่ว่าหลินหยุนจะรู้จักสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใด เธอก็จะไม่ไปขัดขวาง

แน่นอนว่า เธอเองก็รู้เป็นอย่างดี ผู้หญิงคนใด ที่คิดจะเข้ามาอยู่ในใจของหลินหยุนได้นั้น คงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเลยทีเดียว

ทั้งสองคนโอบกอดกัน โดยที่ไม่ได้พูดจาอะไรอยู่เป็นเวลานาน

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ฉินหลันก็พูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้พบเจอกับพี่เย่เยว่สักที อยากที่จะดูว่าพี่เย่เยว่ที่ทำให้เสี่ยวหยุนของเราคิดถึงอยู่ตลอดเวลานั้น จะเป็นผู้หญิงลักษณะแบบใดกันแน่! ”

ได้ยินฉินหลันพูดถึงเย่เยว่ หลินหยุนก็ถอนหายใจ และพูดว่า “คงจะอีกไม่นานแล้ว ฉันเชื่อว่า เร็ว ๆ นี้ ถึงเวลานั้นเมื่อได้พบกัน พี่ฉินหลันก็จะเข้าใจว่า เย่เยว่นั้นเป็นผู้หญิงลักษณะแบบไหนแล้ว! ”

ฉินหลันพยักหน้า และพูดว่า “ยังจะมีซิงเฟยเจ้านั่นอีก ที่เวลานี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว! ”

หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย โดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

คำถามนี้ เขาเองก็ตอบไม่ได้

เมื่อออกมาจากดาวไกอา ก็ได้แยกกันกับซิงเฟยแล้ว

อีกทั้งตอนอยู่ที่โลกฉองหลงนั้น หลินหยุนก็ได้ให้ทางหอซิวซิน ช่วยตามหาอยู่เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย

มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง

อย่างแรกคือ ซิงเฟยเสียชีวิตแล้ว

จี้ฝานซิงหัวเราะและส่ายศีรษะ แล้วก็พูดขึ้นอย่างหมดหวังว่า “ก็แค่การแสดงเอาหน้าเท่านั้น! ตระกูลจี้ไม่เหมือนกับตระกูลอื่น! การพูดตอกย้ำหรือว่ากล่าวก็ไม่เหมือนกับตระกูลอื่นทั่วไป ที่จะแสดงอารมณ์ออกมาบนใบหน้า เมื่อครู่เห็นชายหนุ่มคนนั้นไหม? นั่นคือคนในบ้านสอง แม้ว่าจะมีพลังบำเพ็ญที่ไม่สูงนัก เพียงแค่ระดับจิตปฐมตอนต้น แต่ยอดฝีมือทั้งหมดในบ้านสอง ซึ่งรวมไปถึงแดนดั่งเทพด้วย ล้วนเชื่อฟังเขาทั้งนั้น! ”

หลินหยุนพยักหน้า “มีฝีมือไม่เบา แต่บนโลกใบนี้ ก็ยังคงเคารพต่อผู้มีพลังความสามารถ ไม่มีผู้ใดยอมจำนนต่อผู้ที่อ่อนแอหรอก”

จี้ฝานซิงพูดว่า “ทำอะไรไม่ได้ เพราะนี่คือวิธีการสืบทอดของตระกูลจี้ โดยที่ไม่รู้ว่ามีการสืบทอดกันมานานเท่าไรแล้ว สิ่งที่อยู่ภายในสายเลือดนั้น คิดที่จะปรับเปลี่ยนแก้ไขก็ไม่ใช่ว่าจะปรับเปลี่ยนแก้ไขกันได้ง่าย ในตอนนั้นคุณพ่อของฉันก็คิดอยากที่จะปรับเปลี่ยนตระกูลจี้ทั้งหมด แต่เขายังไม่ทันจะทำสำเร็จ ก็เสียชีวิตลงแล้ว”

หลินหยุนไม่ได้พูดอะไรอีก

ที่เขามาในครั้งนี้ มีเพียงแค่ดวงตาที่นำติดตัวมา โดยไม่ได้นำปากมาด้วย

ทั้งสองคนเดินเข้าไปยังลานบ้านหลัก

เวลานี้ ดวงตาของทุกคนต่างก็จ้องมองมายังจี้ฝานซิงกันทั้งหมด

แต่ก็เป็นเพียงแค่บุคคลที่ไม่มีความสำคัญอะไรมากนัก

หลังจากที่ทำการทักทายกันแล้ว จี้ฝานซิงก็ได้พาหลินหยุนมายังลานบ้านหลักของของเธอ

หลินหยุนนึกว่า เขายังจะได้พบเจอกับจี้ฮ่าวที่เป็นพี่ชายของจี้ฝานซิงด้วย แต่จี้ฮ่าวไม่อยู่

เหลือเวลาอีกสามวัน ก็จะถึงงานวันเกิด

เวลานี้ ก็ยังมีแขกมากันอย่างไม่ขาดสาย

ตัวอย่างเช่นผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติจะเข้าร่วมงานฉลองวันเกิดอย่างเป็นทางการนั้น ก็จะเดินทางมาถึงก่อนที่วันงานจริงจะเริ่มขึ้น

ในฐานะที่จี้ฝานซิงเป็นคนของบ้านหลักก็ห้ามเสียมารยาทอย่างแน่นอน

จะต้องเข้าร่วมในงานดังกล่าวด้วย

ดังนั้นหลังจากที่จัดการเรื่องที่พักของหลินหยุนเรียบร้อยแล้ว จี้ฝานซิงก็ได้เข้าไปในงาน เวลาผ่านไปสองวัน ก็แทบจะไม่เห็นเงาร่างของจี้ฝานซิงเลย ส่วนจี้ฮ่าวก็ยังไม่เห็นปรากฏตัว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์