จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1720

หลินหยุนสายตาครั่นคร้าม ต่อยอดฝีมือแดนดั่งเทพสี่คน ที่จริงแล้วถ้าหากปะทะกันแบบตัวต่อตัว ก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างเด็ดขาด

ต่อให้จะเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสอง เขาก็คงไม่ถึงกับต้องตกเป็นรองมากขนาดนี้

แต่ตอนนี้คือสถานการณ์หนึ่งต่อสี่ ความแตกต่างก็ยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนมาก

แต่ว่า ต่อให้เป็นแบบนี้ การปกป้องตนเองนั้นก็คงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

จี้ฝานซิงกับฉินหลันที่อยู่ด้านข้าง ต่างมองดูกันด้วยความวิตกกังวลอย่างที่สุด

โดยเฉพาะจี้ฝานซิง

ฉินหลันจะดีกว่าสักหน่อย เพราะว่าเธอไม่มีพลังบำเพ็ญอะไรในร่างกาย ดังนั้นเห็นเพียงแค่หลินหยุนกำลังถูกโอบล้อมโจมตี แต่มองไม่ออกว่ามีอันตรายมากขนาดไหน

ส่วนจี้ฝานซิงนั้นมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า

หลินหยุนนั้นกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างรอบด้าน

แต่เธอเองก็รู้ดีว่า หลินหยุนมีไพ่เด็ดใบสุดท้ายที่แข็งแกร่งอยู่ ดังนั้นแม้ว่าจะกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ

เธอรู้ว่าหน้าที่ของเธอในตอนนี้นั้นก็คือรักษาความปลอดภัยให้กับฉินหลัน

ไม่ปล่อยให้ใครมาคุกคามทำอันตรายต่อฉินหลันได้

หากเมื่อฉินหลันตกไปอยู่ในมือของพวกคนเหล่านี้แล้ว

นั่นถึงจะเป็นอันตรายอย่างแท้จริง สำหรับหลินหยุน

นั่นจะทำให้หลินหยุนกังวลใจและไม่กล้าที่จะลงมือ

พลังแห่งกฎเกณฑ์ของหลินหยุนได้กลายร่างเป็นกระบี่ยาว กระหน่ำโจมตีเข้าใส่ แต่ลำพังคนเดียวก็ต่อสู้กับสี่คนไม่ได้

หลินหยุนใช้ชี่กระบี่ฟาดฟันออกไปอีกครั้ง แล้วก็ถอยหลังทันที ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้โยนอสุนีบาตลูกหนึ่งเข้าใส่

อสุนีบาตคือการระเบิดจิตญาณ

ในขณะที่ทั้งสี่คนกำลังไล่ล่าตามมาอยู่นั้น โดยที่ไม่ได้ตั้งตัวที่จะโต้ตอบอะไรเลย อสุนีบาตก็เกิดระเบิดขึ้นเสียงดัง สนั่นหวั่นไหวไปทั่วปฐพี

สองคนที่ไล่ตามอยู่ด้านหน้านั้นถูกระเบิดถึงกับตายคาที่ในทันที ร่างกายแหลกสลายเป็นผุยผง พลังแห่งกฎเกณฑ์กระจัดกระจาย แล้วก็จบชีวิตลง

ส่วนอีกสองคนที่ไล่ตามมาด้านหลังอย่างช้า ๆ นั้น ร่างกายก็ถูกระเบิดจนแหลกสลายเช่นกัน แต่พลังแห่งกฎเกณฑ์ยังคงไม่แหลกสลาย

ทั้งสองคนตะโกนร้องโอดครวญเสียงดังแล้วก็ถอยหลังกลับอย่างเร่งรีบ โดยที่ยังสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ทันการ

ภาพเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อนี้ ทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึงไปตาม ๆ กัน

แต่หลินหยุนนั้นกลับไม่ได้มีความลังเลใจแต่อย่างใด โดยได้ใช้มือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น ดูดซับพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่กระจัดกระจายไปทั่วทั้งหมดนั้นทันที

ยอดฝีมือแดนดั่งเทพตอนปลายสองคน

มีพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันทั้งหมดสิบกว่าอย่าง

หลินหยุนไม่ได้สนใจอะไร โดยได้ดึงดูดทั้งหมดเข้าสู่โลกกำลังภายในตัว

แล้วก็ค่อย ๆ ดูดซับไปทีละน้อย

หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงเวลาอันน่าสะพรึงกลัวไปแล้ว ฟางเหย่ก็ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก “หลินหยุน ไอ้สารเลว วันนี้หากฉันฆ่านายไม่ได้ ฉันจะเปลี่ยนไปใช้นามสกุลเดียวกับนายเลย! ”

หลินหยุนยังคงมีสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก ยิ้มเยาะ และพูดขึ้นว่า “ฉันไม่อยากที่จะมีลูกชายอย่างนาย นายมันไม่คู่ควร! ”

เมื่อพูดจบ ฟางเหย่ก็ได้ตะโกนใส่ทางผู้บำเพ็ญเซียนที่คลุมหน้าทั้งห้าคนนั้นของตระกูลเสิ่นว่า “ไอ้พวกตระกูลเสิ่น ลุยเข้าไปพร้อมกับฉันเลย! อสุนีบาตเมื่อครู่นี้นั้นไม่มีเหลือแล้วอย่างแน่นอน! ”

พวกคนของตระกูลเสิ่นมองหน้าซึ่งกันและกัน ชัดเจนว่ายังคงมีความลังเลใจอยู่

ไม่มีเหลือแล้วจริง ๆ เหรอ?

คนโง่อย่างนายจะสามารถแน่ใจได้อย่างไร?

ถ้าหากยังมีเหลืออยู่อีกจะทำอย่างไร?

พลังบำเพ็ญของพวกเขาก็คือแดนดั่งเทพตอนปลายเหมือนกัน

พูดกันเต็มที่ก็น่าจะเทียบเท่าได้กับ สองคนที่เพิ่งถูกระเบิดตายไปเมื่อครู่นี้ ถ้าน้อยกว่านี้ เกรงว่าจะไม่สามารถรับรู้ได้

หากว่าหลินหยุนยังคงมีอสุนีบาตเหลืออยู่อีก จุดจบของพวกเขาก็คงจะไม่แตกต่างกัน

เห็นพวกห้าคนของตระกูลเสิ่นลังเลใจ ฟางเหย่จึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า “ถ้าหากตระกูลเสิ่นยังไม่ยอมลงมือ งั้นก็เตรียมรอที่จะถูกเขาห้าทิศของฉันทำลายลงอย่างราบคาบก็แล้วกัน! ”

“พวกกี่คนได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้น โดยผู้บำเพ็ญเซียนคลุมหน้าที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดนั้นพูดขึ้นว่า ”คุณชายฟางอย่าได้ร้อนใจไป ในตัวหลินหยุนนั้น ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอสุนีบาตหลงเหลืออยู่จริง ๆ สักหน่อย พวกเราสามารถที่จะลงมือได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด! ”

“นอกจากนี้ พวกเราก็ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเซียนของตระกูลเสิ่นแต่อย่างใด! ”

“ก็แค่ผู้ฝึกอิสระที่ไม่มีชื่อเสียงเท่านั้น! ”

“หวังว่าคุณชายฟางจะไม่เข้าใจผิดไป! ”

ขณะที่พูด ผู้บำเพ็ญเซียนที่คุมหน้านั้นก็ตะโกนขึ้นว่า “สหายทุกคน ลงมือได้เลย! ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์