ถูกต้อง ต้าเต๋าจำเป็นจะต้องไปบุกเบิกขึ้นด้วยตนเอง!
ส่วนกฎเกณฑ์นั้น ก็คือตัวนำ
จะอธิบายอย่างไรดี ถ้าหากพูดว่าสามพันต้าเต๋าของหมื่นจักรวาลคือเค้กหนึ่งก้อน ส่วนกฎเกณฑ์ก็คือร่องรอยของวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำขนมเค้ก
ถ้าหากพูดว่าสามพันต้าเต๋าคือแม่น้ำหนึ่งสาย ส่วนกฎเกณฑ์นั้นก็คือน้ำหนึ่งหยด อืม การอุปมาแบบนี้ถือว่าเหมาะสมมากกว่า!
กล่าวโดยสรุปก็คือ กฎเกณฑ์สามารถที่จะนำพาไปสู่การบุกเบิกต้าเต๋าได้!
พลังแห่งกฎเกณฑ์ของหลินหยุนในตอนนี้ ทั้งเข้าถึงและผสมผสานได้เป็นจำนวนมากแล้ว
ถ้าหากต้องการที่จะบุกเบิกต้าเต๋าแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้
เพียงแต่เขาไม่มีพลังความสามารถในการเปิดพื้นที่ว่างนั้นได้!
พื้นที่ว่างอะไร?
พื้นที่ว่างนั้นสามารถที่จะบุกเบิกต้าเต๋าได้!
หรือว่า ก็คือแม่น้ำแห่งกฎเกณฑ์ที่เขาเคยได้พบเห็นในตอนนั้น!
แน่นอนว่านี่คือการคาดเดาของเขา
เพราะว่าชาติที่แล้วตอนที่เขาบุกเบิกต้าเต๋านั้น เพียงแค่ฉีกให้เกิดเป็นช่องว่าง จากนั้นกฎเกณฑ์ก็อาศัยช่องว่างนี้เข้าไปสู่พื้นที่ว่างนั้น และทำการบุกเบิกต้าเต๋าจนสำเร็จ
เวลานี้เขาไม่อาจแน่ใจได้ว่า ช่องว่างที่เขาเคยทำการเปิดขึ้นนั้น จะใช่แม่น้ำแห่งกฎเกณฑ์ที่เขาเห็นก่อนหน้านี้หรือไม่!
ถ้าหากใช่......
อย่างนั้นการคาดเดาในใจของเขา ก็จะถูกต้องตามจังหวะและเป็นขั้นตอนไป!
เรื่องราวเหล่านี้ เอาไว้ค่อยพูดกันตอนหลัง
ตอนนี้ ปัญญาหลักจริง ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าเขานั้น ก็คือต่อให้เขาต้องการที่จะนำเต๋าเข้าสู่ร่างกาย แต่ก็ไม่สามารถฉีกช่องว่างนั้นได้
แน่นอนว่า เมื่อเปรียบเทียบกับขั้นที่เหนือกว่าแดนสู่ธรรมะแล้ว เขาไม่ต้องไปเข้าถึงต้าเต๋าก็ได้
อย่างเช่นในชาติที่แล้วที่เขาเข้าใจและใช้งานต้าเต๋าแห่งกระบี่ได้
ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหาอะไรเลย!
หลินหยุนถอนหายใจยาว และพูดพึมพำกับตนเองว่า “การฉีกช่องว่างหนึ่งช่อง ถ้าหากกลับไปยังโลกชางฉองแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำไม่ได้ ซึ่งจากการที่ตนเองเข้าถึงต้าเต๋าแห่งกระบี่ได้แล้ว การบุกเบิกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด! ”
“เพียงแต่ตอนนี้ฉันต้องการจะนำเต๋าเข้าสู่ร่างกาย ไม่รู้ว่าจะสามารถทนไหวหรือไม่! ”
“นี่คือสิ่งที่กำลังเป็นกังวล! ”
“พลังของต้าเต๋า เทียบกันไม่ได้กับพลังแห่งกฎเกณฑ์โดยสิ้นเชิง! ”
“นั่นคือความแตกต่างห่างชั้นกันอย่างมาก! ”
“หากตอนนี้เข้าสู่โลกกำลังภายในตัว โลกกำลังภายในตัวของฉันคงจะไม่สามารถทนรับไหวแน่! ”
“ถ้าไม่สามารถนำเต๋าเข้าสู่ร่างกายได้ การเพิ่มระดับพลังในตัวฉัน ก็จะมีขีดจำกัด! เพราะจากพลังบำเพ็ญของฉันในตอนนี้ สามารถที่จะต่อสู้กับขั้นที่เหนือกว่าแดนสู่ธรรมะได้แล้ว! ”
ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ หลินหยุนก็ส่ายศีรษะ
นอกจากตอนนี้เขาจะไม่สามารถอดทนได้แล้ว
ยังจะมีอีกเหตุผลหนึ่ง
นั่นก็คือจะเป็นการทำลายความสมดุลของกฎเกณฑ์ของเขาในตอนนี้ด้วยหรือไม่
เพราะว่าเขายังไม่ได้เข้าถึงและผสมผสานกฎเกณฑ์ทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์!
หากว่าไปเพิ่มระดับขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
จะทำให้เกิดผลกระทบในอนาคต อย่างที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลย!
ดังนั้นในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ หลินหยุนตกอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก กังวลกลุ้มใจอย่างที่สุด!
สิ่งที่หนักหนาที่สุดก็คือ ผ่านมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่สามารถใช้ประสบการณ์มากมายในชาติที่แล้วของเขาได้เลย
นำมาเป็นเพียงแค่ข้อมูลอ้างอิงเปรียบเทียบเท่านั้น
หลายครั้งที่แม้แต่นำมาเป็นข้อมูลอ้างอิงก็ยังไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
เพราะว่าเขาได้เดินเข้าสู่เส้นทางการบำเพ็ญเต๋าที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
โดยสิ่งนี้เขาเองก็ไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้!
หลินหยุนถอนหายใจ และพูดอย่างจำใจว่า “รอดูไปก่อนแล้วกัน! ถ้าหากไม่ได้จริง ๆ ก็ค่อยตัดสินใจบุกเบิกเต๋าเลย”
“ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องเร่งรีบขนาดนั้น! ”
“ย้อนกลับไปยังโลกชางฉองก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง! ”
จากนี้ไป เขาต้องการที่จะไปยังโลกเล็กที่มีพวกเผ่ามนุษย์อาศัยอยู่เป็นหลักดูบ้าง
แบบนี้จึงจะสามารถแสวงหารากทิพย์ชั้นยอดได้ง่ายขึ้น
ในจักรวาล หากต้องการที่จะแสวงหารากทิพย์ชั้นยอดนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!
เรื่องแบบนี้ จะต้องไปที่โลกเล็ก
ที่จริงแล้วยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือไปซื้อกับทางหอซิวซิน
เพียงแต่หอซิวซินแม้ว่าจะมีความสามารถและรอบรู้อย่างกว้างขวาง
ส่วนใหญ่จะเป็นเผ่ามนุษย์
แน่นอนว่า เผ่าอื่น ๆ ก็มีอยู่ไม่น้อย
แต่เวลานี้ล้วนเป็นรูปร่างลักษณะของมนุษย์
เพราะว่า ในจักรวาลนี้เผ่ามนุษย์นั้น ยึดครองหัวหาดและส่วนที่สำคัญไปทั้งหมดแล้ว
ถ้าจะพูดว่าจักรวาลให้ความเคารพต่อเผ่ามนุษย์นั้น ก็ไม่เกินเลย
เพียงแต่ไม่เหมือนกับในยุคโบราณกาล ที่เผ่ามนุษย์เป็นเผ่าหลักที่รวมทุกชนเผ่าอย่างแท้จริง!
ถึงขนาดที่ยังมีราชวงศ์ ฮ่องเต้ปกครองจักรวาล
หลินหยุนเดินหน้าไปยังหอซิวซิน
ในฐานะที่เป็นสำนักงานใหญ่ของหอซิวซินแห่งภพศักดิ์สิทธิ์มังกรฟ้า ก็คงจะไม่ไปตั้งอยู่ที่อื่นเป็นแน่ จะต้องตั้งอยู่ในใจกลางของเมืองศักดิ์สิทธิ์
ไม่นานนัก หลินหยุนก็มาถึงที่หน้าประตูของหอซิวซิน
ซึ่งสมแล้วที่เป็นสำนักงานใหญ่แห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์นี้
เพราะมีอาณาเขตครอบคลุมที่กว้างขวาง!
อีกทั้งยังหรูหราโดดเด่นและสวยงามมากอีกด้วย!
เพียงแต่เวลานี้มีผู้คนจำนวนมากโอบล้อมอยู่ที่หน้าประตูของหอซิวซิน!
ด้านหน้าสุดนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดคลุมยาวสีเหลืองยืนอยู่
ชายหนุ่มคนนี้ มีพลังบำเพ็ญขั้นที่เหนือกว่าแดนสู่ธรรมะ
ท่าทางองอาจสง่างาม พร้อมกับแสดงสีหน้าที่มีความหยิ่งผยอง
ส่วนฝั่งตรงข้ามของชายหนุ่มคนนี้ ก็คือหญิงรับใช้ที่งดงาม เมื่อมองจากเสื้อผ้าแล้ว ก็คือคนรับใช้ของหอซิวซิน
ทั้งสองคนกำลังประจันหน้ากันโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา
จึงทำให้มีผู้คนมาโอบล้อมมุงดูกันเป็นจำนวนมาก
ชายหนุ่มคนนี้ กล้าที่จะมายืนขวางอยู่ที่หน้าประตูหอซิวซิน แสดงว่าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน!
หลินหยุนเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปดู
เห็นว่าหญิงคนนั้นกำลังมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นด้วยสีหน้าที่หนักใจและพูดขึ้นว่า “คุณชายเซี่ยซิง ท่านแน่ใจนะว่าจะกระทำแบบนี้? ที่นี่คือหอซิวซินของพวกเรา! ไม่ใช่สถานที่แห่งอื่นสักหน่อย! ”
ชายหนุ่มที่ชื่อเซี่ยซิงได้ยินดังนั้น ก็พลันหัวเราะเยาะ และพูดด้วยสีหน้าท่าทางเหยียดหยามว่า “เธอก็แค่คนต้อนรับทั่วไปคนหนึ่ง มีคุณสมบัติอะไรที่จะมาพูดกับคุณชายอย่างฉัน? ”
“ต่อให้เจ้าหอของพวกเธออย่างหวูเหวย เมื่อพบเจอกับฉันแล้วก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร เธอเป็นใครกัน? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...