ตอน บทที่ 1835 ประกายไฟเล็กๆ จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1835 ประกายไฟเล็กๆ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ณ เวลานี้สถานการณ์เช่นนี้ละเอียดอ่อนมาก
ทุกอย่างพร้อมที่จะลงมือแล้วต้องการเพียงแค่ฟืนชิ้นเดียวเท่านั้น
แต่ จะจุดชนวนยังไง ยังคงต้องเน้นเกี่ยวกับรูปแบบวิธีการเล็กน้อย
หลินหยุนสังเกตทุกย่างก้าวของแต่ละฝ่ายอย่างระมัดระวังต่อไป
ไม่นานก็ล็อคเป้าหมายในการลงมือที่เหมาะสมกว่า
นั่นก็คือเผ่าอีกาไฟ
เผ่านี้เรียกได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ที่ยอดเยี่ยมของในทุกเผ่า
ลือกันว่า มีสายเลือดอีกาสามขาในบรรพกาล
แน่นอนว่า ก็เป็นเพียงแค่การลือกันเท่านั้น
ท่ามกลางเผ่าอื่นๆในวันนี้ ผู้ที่มีสายเลือดอีกาสามขาในบรรพกาลจริงๆคือเผ่าอีกาสามขา
เผ่าอีกาสามขาที่แท้จริง
แต่เผ่าอีกาไฟดูเหมือนจะยกย่องตัวเองเสมอ ดังนั้นก็อ้างว่าตนคือทายาทของสายเลือดอีกาสามขา
ต้องบอกเลยว่า อันที่จริงพูดเช่นนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง เพราะพวกเขาก็เกิดมาใกล้ๆต้าเต๋าแห่งไฟ
เพียงแค่ชื่อของพวกเขาคือเด็กอัจฉริยะพรสวรรค์ แต่ก็อ่อนแออย่างใช้ไม่ได้เลย
ไม่ต้องพูดถึงความแตกต่างของเผ่าอีกาสามขา ในแง่ของระดับพลังที่แข็งแกร่ง ก็ไม่มีสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้เลย
และเผ่านี้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ใกล้ต้าเต๋าแห่งไฟหรือเปล่า มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องไม่มีสมอง ไม่มีไอคิว ใครว่าอะไรหน่อยก็โมโหแล้ว
หากเผ่าแบบไหนในจักรวาลไม่มีสมองมากที่สุด งั้น เผ่าอีกาไฟจะต้องอยู่ในรายชื่อแน่นอน และมีชื่ออยู่ในอันดับต้นๆด้วย
แน่นอนว่า เผ่านี้ก็ใช่ว่าไม่มีข้อดีเลย
และเป็นเพราะไม่มีสมอง ไม่เข้าใจการคำนวณ ไม่มีการวางแผนใดๆ ดังนั้นพวกเขาจึงมีข้อได้เปรียบที่เผ่าพันธุ์อื่นไม่มี นั่นคือ พวกเขากล้าที่จะต่อสู้!
หากมี ความเห็นต่างไปคนละทางก็จะลงมือโดยตรง
ไม่กลัวตาย!
ดังนั้นเผ่านี้ก็ไม่ได้มียอดฝีมือที่สุดยอดอะไรเลย
ก็น่าจะเป็นพวกจ้าวแห่งเต๋า 2-3 คน
อีกอย่างในหมู่จ้าวแห่งเต๋าก็ไม่นับว่าเป็นระดับสูง
ช่วยไม่ได้
กล้ารบเกินไป มีผู้เก่งกาจมากน้อยแค่ไหนก็ตายไม่พอหรอก!
สาเหตุที่เผ่าเช่นนี้ยังไม่สูญพันธุ์จนสิ้นไป นั่นก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วล่ะ
แต่ปาฏิหาริย์นี้ก็ไม่ใช่เพราะมีใครคอยช่วยเหลือ แต่ทว่าเป็นเพราะความสามารถในการสืบพันธุ์ของเขา เทียบกับเผ่ามนุษย์แล้ว ยังน่ากลัวกว่าเยอะ
แม้แต่เผ่าตั๊กแตนยังละอายที่จะอยู่ด้วยกันเลย
ในเวลานี้ ที่อยู่ของเผ่าอีกาไฟ เห็นได้ชัดว่ามีจ้าวครองหนึ่งเต๋าอยู่ แต่จำนวนนั้นก็เยอะจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเกิน 500 แล้วด้วย
ผู้บำเพ็ญแดนดั่งเทพและแดนสู่ธรรมะ ครอบครองไปแล้วมากกว่าครึ่ง
และพวกเขาไม่รู้สึกสักนิดว่าความสามารถของตัวเองนั้นอ่อนแอ เช่นเดียวกับเผ่าอื่นๆที่ใหญ่ๆ ครอบครองตำแหน่งหนึ่งที่โดดเด่นมากๆ ทุกใบหน้าต่างก็มีสีหน้าที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้คิดว่าตนดีกว่าผู้อื่น
มีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
แต่ ในเวลานี้ สำคัญมากๆ
ทางฝั่งเผ่าอื่นๆ แม้ว่าสบประมาทดูถูกอย่างมาก แต่ช่วยไม่ได้ เผ่าอีกาไฟยังไงก็เป็นของเผ่าอื่นๆ
ยิ่งกว่านั้น เมื่อต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ กลุ่มพวกนี้เอาเป็นเอาตายจริงๆ!
แม้ว่าพลังการต่อสู้ของแต่ละคนจะอยู่ในระดับปานกลาง แต่พรสวรรค์ตัวเก็งของพวกเขา นั่นก็คือค่ายกลอีกาไฟ นั่นก็สุดยอดพอตัวเชียวล่ะ
เมื่อถึงเวลานั้นย่อมเป็นพลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่งอย่างแน่นอน
อย่ามองว่ายอดฝีมือในวันนี้ของเผ่าอื่นๆในปัจจุบันมีมากกว่าเผ่ามนุษย์ แต่หากต่อสู้กันจริงจังขึ้นมา เผ่ามนุษย์สามารถร่วมมือกันและต่อสู้กับศัตรูภายนอก แต่ทางฝั่งเผ่าอื่นๆ นั่นก็ไม่แน่!
และในบรรดาเผ่าอื่นๆทั้งหมด ก็มีบางคนที่ใกล้ชิดกับเผ่ามนุษย์ เกรงว่าจะถูกหักหลัง
“ท่านรู้จักคนที่เข้ามา น่าจะเข้าใจดี ก็น่าจะสามารถคาดเดาอะไรได้บ้างสินะ?”
หวูเหวยกล่าว “นี่ไม่ใช่เรื่องยากเลย ฉันเดาว่า อาจจะมีแนวโน้มที่จะเปิดโลกก่อนถึงวันกำหนดมากกว่าเล็กน้อย! นี่ก็ไม่ค่อยเกี่ยวอะไรกับคนของเรานักหรอก”
“คุณอาจจะไม่รู้ การผนึกโลก ทุกครั้งต่างก็ใช้การบริโภคมหาศาล!”
“จากนั้นเมื่อเวลาเพิ่มขึ้น การบริโภคก็จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ!”
“ภายใน 1 ปี กับ เกินไป 1 ปี นั่นต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้น การดำรงอยู่ของผู้เก่งกาจคนนั้นภายในโลกครุฑทอง มีความเป็นไปได้สูงที่เลือกเปิดโลก เมื่อถึงเวลาหนึ่งปี!”
“เดิมทีเขาผนึกโลก ก็คิดว่าบุคคลภายนอกจะไม่ได้รับผลประโยชน์จากการตื่นตัวของเขาบรรพชนในครั้งนี้!”
“แต่ตอนนี้ในเมื่อมีคนนอกเข้ามาแล้ว งั้นการผนึกโลกของเขา ก็จะไม่มีความหมาย!”
“ดังนั้นฉันมั่นใจว่าเขาจะเปิดก่อนกำหนด ถ้าคุณคิดจะฉวยโอกาสในช่วงที่ชุลมุน งั้นก็ต้องคำนวณเวลาให้ดีๆ!”
หลินหยุนได้ยิน ดวงตาส่องเป็นประกายทันที และกล่าวว่า “ที่แท้ท่านรู้ความคิดของฉันแล้ว?”
หวูเหวยยิ้มและกล่าว “นอกจากนี้แล้ว ยังมีวิธีอื่นอีกไหม? ในเมื่อคุณมาถามเวลาเปิดโลก ฉันก็รู้แล้ว ว่าคุณต้องการฉวยโอกาสในช่วงที่ชุลมุน!”
“แต่ว่า ฉันจะต้องเตือนคุณ ถ้าจะทำก็ต้องทำให้ไม่เห็นร่องรอย ฉันแนะนำให้คุณเอาสายนำไฟฟ้าไปวางไว้ที่เผ่าอีกาไฟนั่น……”
ฟังคำพูดของหวูเหวยจบ หลินหยุนพยักหน้า และกล่าวว่า “วางใจเถอะ ฉันรู้ว่าควรทำอย่างไร!”
พูดจบ ก็จบการติดต่อกับหวูเหวย
หลินหยุนอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเบาๆ มิน่าล่ะหวูเหวยผู้นี้สามารถอยู่ในกลุ่มโจรดวงดาวแล้วยังมีหอซิวซินได้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นการดำรงอยู่ที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงแค่จะสามารถมองเห็นว่าตัวเองต้องการฉวยโอกาสในช่วงที่ชุลมุน
ถึงขั้นที่ว่าส่องสายตาไปที่ตัวเผ่าอีกาไฟ
คนๆนี้มีบางอย่างที่พิเศษจริงๆ
ประเมินค่าต่ำไปไม่ได้
คิดถึงตรงนี้ หลินหยุนก็คิดถึงเรื่องที่แอบอ้างเป็นเอียนซู่ และก็ไม่รู้ว่าตัวเองเคยปิดบังจริงๆ หรือว่าที่จริงหวูเหวยรู้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ชี้บอกตน
แต่ ไม่ว่ายังไง เขาไม่ได้ริเริ่มที่จะพูดถึงก่อน ตัวเองแกล้งทำเป็นไม่รู้อยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...