ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นจ้าวครองห้าเต๋าทั้งสามคนก็ตาม ในเวลานี้ดูผิวเผินเหมือนจะไม่มีความขัดแย้งใดๆ แต่ไม่แน่ว่าจะเป็นใจเดียวกันจริงๆ!
โดยเฉพาะในสถานที่เช่นนี้
เรียกได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย
หากมีใครต้องการที่จะลงไม้ลงมือจริงๆ งั้นก็ไม่ใช่ว่าจะหนีไปได้
ใครกล้าลงไม้ลงมืออย่างทรงพลังในสถานที่ที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้แบบนี้!
หลินหยุนให้สัญญาณไปที่ด้านบน ทั้งสองยังคงเดินไปข้างหน้า หลินหยุนก็หายใจหอบพูดขึ้นมาว่า “หากสหายหมังเซิงต้องการได้รับผลประโยชน์ทั้งหมด เกรงว่า ก็จะไม่หลงเหลือที่ว่างใดๆ! เพราะว่าความรู้สึกของการทดสอบที่นี่รุนแรงเกินไป!”
“กระบวนการปีนขึ้นเขานี้ เป็นการทดสอบด้วยเหมือนกัน!”
“หรือว่าสหายหมังเซิงไม่สังเกตเหรอว่า พลังแห่งการกำราบที่นี่ สำหรับทุกคน ก็ไม่เหมือนกันเหรอ?”
หมังเซิงไม่ใช่คนโง่ ตรงกันข้ามพอดี เขาเฉลียวฉลาดมาก ไม่ต้องให้หลินหยุนพูดชัดเจนเกินไป เขารู้ตัวทันทีว่าหลินหยุนต้องการพูดอะไร
อดไม่ได้ที่จะแปลกประหลาดใจแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “เป็นแบบนี้ด้วยจริงๆ! เช่นนี้......งั้นขั้นตอนการขึ้นไปที่บนภูเขานี้ ไม่ได้ทดสอบผลการฝึกตนของพวกเรา แต่เป็นสติปัญญาของพวกเรา!”
หลังจากที่นิ่งไปครู่หนึ่ง สายตาของหมังเซิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง และพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นปีนขึ้นเขาอาจจะมีเวลาจำกัดเหรอ?”
หลินหยุนก็ไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้า และพูดขึ้นมาว่า “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน! ดังนั้นฉันกำลังคิดว่า ถ้าหากมีเวลาจำกัดจริงๆ แม้ว่าพวกเราจะปีนขึ้นไป ก็ไม่มีทางได้รับโอกาสของวิชาฝึกตนเทพปีศาจทั้งหมดใช่ไหม?”
หมังเซิงพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า “พี่หลิน ยิ่งคิดยิ่งมีความเป็นไปได้แบบนี้! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ไม่ต้องคิดมาก เร่งความเร็วอย่างเต็มที่ก็พอ!”
หลินหยุนพยักหน้า ครั้งนี้ ความเร็วของทั้งสองคน ถึงขีดจำกัดอย่างแท้จริงแล้ว ในไม่ช้าก็ไล่ตามผู้แข็งแกร่งจ้าวครองห้าเต๋าทั้งสามคนนั้นทัน
เมื่อเห็นหลินหยุนและหมังเซิงทั้งสองคนด้านหลัง ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และปีนป่ายขึ้นไปอย่างสุดชีวิต ทั้งสามคนก็ดลใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งหมดมีความคิดเดียวกันอยู่ในใจโดยที่ไม่ได้นัดหมาย สองคนนี้บ้าไปแล้วหรือเปล่า?
อยู่ในสถานที่แบบนี้ ใช้พลังมากมายโดยไม่สนใจเลยสักนิด
ปีนขึ้นไปอย่างสุดชีวิตโดยไม่กักเก็บแรงเอาไว้ นี่มันไม่แตกต่างอะไรกับการรนหาที่ตายจริงๆ!
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าจะไปถึงที่ตั้งของยอดเขาก่อน และปล่อยให้พวกเขาตามหาเคล็ดวิชาสืบทอดของวิชาฝึกตนเทพปีศาจอะไรนั้นเจอ พวกนายสามารถที่จะฝึกฝนได้เหรอ?
สุดท้ายก็ตายอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?
หลังจากที่ทั้งสามคนต่างสบตากันและกัน ดูเหมือนจะเห็นความคิดบางอย่างในสายตาของกันและกัน
ในตอนนี้ ละสายตากลับมาทั้งหมดอย่างช่วยไม่ได้ ต่อจากนั้นตามจังหวะและความเร็ว ปีนป่ายขึ้นต่อไป
แต่ทว่า หลินหยุนและหมังเซิงทั้งสองคนไม่ได้สนใจ และปีนป่ายขึ้นไปอย่างสุดชีวิต ในไม่ช้าก็ทันทั้งสามคน
ตามทันก็ไม่สำคัญหรอก ทั้งสองคนก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะชะลอตัวลงเลย
อันที่จริง ถ้าหากตามการคาดเดาของพวกเขาทั้งสองคน หากปีนป่ายขึ้นบันไดสวรรค์นี้จริงๆ มีเวลาจำกัดจริงๆ พวกเขาสองคนก็เสียเวลามากเกินไปแล้ว
เกรงว่าวิธีการปีนขึ้นถึงยอดเขาอย่างสุดชีวิตแบบนี้ ก็เกินเวลาที่จำกัดไว้
ทั้งสองคนก็เร่งความเร็วของตัวเองอย่างบ้าไปแล้ว และไม่มีความรู้สึกถึงความเร็วลดลงเลย ทั้งสามก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
ในนั้น ผู้แข็งแกร่งเขตน้ำคนนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “สหายทั้งสอง ถ้าหากรุ่นน้องสองคนนี้เป็นผู้นำ…….ดูเหมือนจะไม่ค่อยดี! สหายทั้งสองคิดว่าอย่างไร?”
ผู้แข็งแกร่งหนึ่งในนั้นของภพศักดิ์สิทธิ์มังกรฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างเหยียดหยามว่า “แล้วยังไง? ไม่ว่าสองคนนี้จะเร็วแค่ไหน ถึงยอดเขา พวกเราก็สามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลย!”
ผู้แข็งแกร่งเขตน้ำนั้นขมวดคิ้วพูดขึ้นมาว่า “สหายอ๋าวซินจะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้น่ะ……ก่อนอื่น สถานการณ์ข้างต้นเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเราไม่รู้เรื่อง! มีอีกอย่างหนึ่ง……พวกเขาทั้งสองคนนี้ก็ไม่ใช่คนโง่ ทำไมจู่ๆต้องเร่งความเร็วอย่างเต็มที่ด้วย ไม่คำนึกถึงผลอะไรที่จะตามมาเลยเหรอ?”
คำพูดของผู้แข็งแกร่งเขตน้ำท่านนี้ ทำให้อ๋าวซินของภพศักดิ์สิทธิ์มังกรฟ้า และเกิงปู้ย่างแห่งโลกทองตกอยู่ในห้วงครุ่นคิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...