จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 198

สรุปบท บทที่ 197 มันเป็นของเด็กเล่น: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 197 มันเป็นของเด็กเล่น – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

ตอน บทที่ 197 มันเป็นของเด็กเล่น ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ใช่สิ เมื่อครู่นี้หลิ่วซิงทำร้ายไอ้หินจนบาดเจ็บ ก็ไม่ใช่พูดคำนี้ขึ้นหรอกเหรอ?

มันคือวัฏจักรแห่งสวรรค์ กรรมตามสนอง!

คิดไม่ถึงว่าคำพูดนี้ จะย้อนกลับมายังหลิ่วซิงได้รวดเร็วขนาดนี้

“นอกจากนี้ ทำไมข้ารู้สึกว่าหลินหยุนจงใจที่จะกระทำ! ” เพื่อนนักเรียนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย

“ยังดีที่หลิ่วซิงได้รับบาดเจ็บไปแล้ว ไม่อย่างนั้น ถ้าหากหลิ่วซิงได้ยินเข้า ว่าเขานำคำพูดมาเยาะเย้ยผู้อื่น แล้วถูกคนอื่นใช้เยาะเย้ยกลับไปที่ตัวเขาเอง เกรงว่าจะโมโหจนกระอักเลือด”

แต่ เกรงว่าเพื่อนนักเรียนคนนี้จะหลงลืมไปแล้วว่า แม้หลิ่วซิงจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบกับการได้ยินสักหน่อย!

ดังนั้น คำพูดนี้ของหลินหยุนหลิวซิงได้ยินทุกคำจนหมดสิ้น

จากนั้น หลิ่วซิงก็กระอักเลือดออกมาโดยพลัน แล้วก็สลบไป

จางซือจู่กับอีกหลายคน เห็นสภาพนั้นแล้วก็รู้สึกเหมือนได้ระบายความโกรธออกมา ถ้าหากว่าผู้ฝึกสอนไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว พวกเขาทั้งหลายก็คงจะแสดงความดีใจกันยกใหญ่ไปแล้ว

สะใจ มันช่างสะใจเสียจริง!

หลิ่วซิงนายไม่ใช่ว่าจะเบ่งอวดดีนักหรือไง? ไม่ใช่บอกว่าพวกเราไร้ความสามารถหรือไง? ตอนนี้ต่อหน้าหลินหยุนนายเองก็ เป็นแค่เพียงผู้ไร้ความสามารถเช่นกัน!

หวางหยู่หันโมโหจนอกจะแตกตาย และร้องตะโกนขึ้นอีกครั้ง “ผู้ฝึกสอน คุณฟังสิ เขาทำร้ายเพื่อนนักเรียนแล้ว นึกไม่ถึงว่ายังจะพูดดูถูกเหยียดหยามกันอีก ถ้าคนแบบนี้ไม่ได้รับการลงโทษแล้ว คงจะขัดต่อหลักธรรมแห่งสวรรค์ทนยอมรับไม่ได้จริง ๆ! ”

ผู้ฝึกสอนจ้องไปที่หวางหยู่หัน เธอทำแบบนี้เหมือนเป็นการบังบังคับให้กระทำกันชัด ๆ!

“นั่งลงก่อน จะจัดการอย่างไรนั้นมันเป็นเรื่องของข้า ไม่ต้องให้คุณมาเป็นกังวลเดือดร้อน” ผู้ฝึกสอนพูดกลับอย่างเย็นชา

เห็นผู้ฝึกสอนโมโห หวางหยู่หันทำได้เพียงนั่งลงอย่างไม่เต็มใจ

ผู้ฝึกสอนหันไปมองที่หลินหยุน พูดขึ้นด้วยสีหน้าหม่นหมองว่า “หลินหยุน นายทำแบบนี้มันเกินไปหน่อยแล้ว! ”

หลินหยุนพูดอย่างเฉยเมยว่า “ข้าไม่รู้สึกเช่นนั้น”

ผู้ฝึกสอนขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าหลินหยุนที่อยู่เบื้องหน้าไม่เหมือนกันกับตอนช่วงก่อนหน้านี้

หลินหยุนก่อนหน้านี้เป็นคนที่ไม่ชอบพูดจาปราศรัย ถูกรังแกกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ แม้ว่าจะถูกชกต่อยทำร้ายก็จะไม่ปริปากออกเสียง

แต่ทว่า ตอนนี้หลินหยุนก็ยังคงไม่ชอบพูดจาปราศรัยเช่นเดิม แต่ไม่ได้เป็นผู้ถูกรังแกกลั่นแกล้งอีกแล้ว อีกทั้ง ร่างกายของเขายังแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความโอ้อวดหยิ่งผยองอีกด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลิ่นอายนั้น ยังส่งผลกระทบไปถึงผู้ฝึกสอนด้วย

“นายสมควรที่จะแสดงความขอโทษต่อหลิ่วซิง” ผู้ฝึกสอนพูดด้วยเสียงอันทุ้มต่ำ

หลิ่วซิงมีชาติตระกูลที่สูงศักดิ์ แต่นี่คือการประลองต่อสู้จริง หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับบาดเจ็บ เขาจึงไม่สามารถที่จะลงโทษหลินหยุนต่อหน้าทุกคนได้

แต่ทว่า เขาจะต้องทำทีแสดงออกมาบ้าง อย่างน้อยเพื่อให้คนในครอบครัวของหลิ่วซิงได้เห็นถึงลักษณะท่าทีของเขา

ได้ยินผู้ฝึกสอนเร่งเร้าให้หลินหยุนแสดงความขอโทษ จางซือจู่ก็ทนต่อไปไม่ไหว พูดขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “ช่างน่าขันเสียจริง! ”

“ผู้ฝึกสอน ตอนที่ไอ้หินถูกหลิ่วซิงชกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ ทำไมนายถึงไม่ให้หลิ่วซิงแสดงความขอโทษบ้างล่ะ! อีกทั้ง นายพูดอะไรออกไปบ้างนายจำได้ไหม? ”

ผู้ฝึกสอนสีหน้าไม่ดี

จางซือจู่พูดต่ออย่างเย็นชาว่า “ถ้าหากนายหลงลืมไปแล้ว ไม่เป็นไร ข้าจะพูดซ้ำให้นายฟังอีกรอบ! ”

“ตอนนั้นนายพูดว่า ถ้าหากมีใครสามารถแสดงฝีมือทำร้ายหลิ่วซิงจนบาดเจ็บเหมือนอย่างไอ้หิน นายก็จะคิดว่ามันเป็นเพียงความเข้าใจผิด”

“ตอนที่ไอ้หินยอมแพ้ถึงสองครั้งติดต่อกัน ยังกลับถูกหลิ่วซิงชกอัดอย่างหนักจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลินหยุนนั้นได้ชกโจมตีหลิ่วซิงจนได้รับบาดเจ็บในขณะที่กำลังประลองฝีมือกันอยู่ เขามีความผิดด้วยงั้นเหรอ? ”

ต่อให้จะต้องโทษกัน ก็ต้องโทษที่ว่าหลิ่วซิงไร้ฝีมือไร้ความสามารถ!

คำพูดนี้ของจางซือจู่ ทำให้ผู้ฝึกสอนรวมไปถึงทุกคนถึงกับพูดไม่ออก

เมื่อครู่ที่ผู้ฝึกสอนพูดนั้น ทุกคนต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน ตอนนี้หากเขาคิดจะเบี้ยวคืนคำก็คงไม่มีทางที่จะทำได้

แต่ ใครจะไปคิดได้ว่า หลินหยุนจะสามารถเอาชนะการประลองต่อสู้กับหลิ่วซิงได้!

นี่มันเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์!

ใบหน้าของผู้ฝึกสอนทั้งเขียวและซีด ตอนนี้ เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะตำหนิหลินหยุน นอกเสียจากว่าเขาจะยอมเสียหน้าเสียศักดิ์ศรี

แต่ว่า ผู้ฝึกสอนเองก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อ ไม่อย่างนั้นเขาจะพูดบอกกับคนในครอบครัวของหลิ่ว ซิงว่าอย่างไร? อีกทั้งบารมีความน่าเชื่อถือของเขาก็คงจะถูกบั่นทอนลงไปเกินครึ่ง

จางเหมิงเองก็เช่นเดียวกัน

หลินหยุนมองไปที่กู้ซิวหรั่น ริมฝีปากก็ปรากฏรอยยิ้มที่แปลกประหลาดขึ้นโดยพลัน

“คิดไม่ถึงว่า ข้ายังไม่ทันได้เรียกหานาย นายกลับทนรอไม่ไหวจึงได้แสดงตัวออกมาเองแล้ว”

“ชาติที่แล้วพวกนายตระกูลกู้ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผู้บงการหลัก แต่ก็ถือว่าเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลส้ง ครั้งนี้ ข้าก็ขอจัดการเก็บหนี้ดอกเบี้ยที่ยังคั่งค้างกันก่อนก็แล้วกัน”

หลินหยุนแหงนศีรษะขึ้นเล็กน้อย ท่าทางอันองอาจไม่ด้อยไปกว่ากู้ซิวหรั่น น้ำเสียงที่พูดยังจะหยิ่งผยองกว่ากู้ซิวหรั่นด้วยซ้ำ “ดูถูกนายน่ะเหรอ? นายยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอขนาดนั้นหรอก”

“ในสายตาของข้า วิชาต่อสู้ทั้งหลายเหล่านี้ของพวกนาย ก็เป็นแค่เพียงของเด็กเล่นเท่านั้น”

ครั้งนี้ คำพูดของหลินหยุนได้ล่วงเกินผู้คนเป็นจำนวนมาก

ผู้ฝึกสอนมีสีหน้าเปลี่ยนไป พูดขึ้นมาเป็นคนแรก “หลินหยุน นายกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว! กล้าดีอย่างไรถึงได้ดูถูกวิชาต่อสู้ที่ข้าสอน! ”

“หากนายสามารถเอาชนะกู้ซิวหรั่นได้ ข้าจะลงมือสั่งสอนนายด้วยตัวข้าเอง จะทำให้นายได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมจากการโอ้อวดของตน! ”

“จบกันจบกัน หรือว่าสมองของหลินหยุนเจ้าเด็กคนนี้ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงแล้ว! ทำไมถึงพูดแบบนี้ออกมาได้! ผู้ฝึกสอนให้ความสำคัญในชื่อเสียงของตนมาก ครั้งนี้หลินหยุนล่วงเกินเขาอย่างหนักเสียแล้ว” จางซือจู่มีสีหน้าท่าทางที่เป็นกังวล

“ผู้ฝึกสอนลงมือสั่งสอนหลินหยุนด้วยตนเอง ฮ่าฮ่า ครั้งนี้มาดูกันว่าเขายังจะเอาตัวรอดไปได้อย่างไรกัน! ” หวางหยู่หันดีใจจนแทบที่จะกระโดดโลดเต้น

เพื่อนนักเรียนคนอื่นมองหลินหยุนด้วยความสงสาร แอบส่ายศีรษะไปมา ครั้งนี้หลินหยุนรนหาที่ตายเอาเองชัด ๆ!

ผู้ฝึกสอนโมโหขนาดนี้ เขาคงจะถูกต่อยตีอย่างเจ็บปวดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

เถียนชุ่ยชุ่ยกำหมัดแน่น ตื่นเต้นดีใจ “หลินหยุน นายนี่มันช่างเลือกที่จะหาที่ตายได้เก่งจริง ๆ ขนาดผู้ฝึกสอนยังกล้าที่จะล่วงเกิน ครั้งนี้ฉันคงไม่ต้องออกแรง นายก็คงจะได้รับการสั่งสอนเป็นแน่”

จางเหมิงมีสีหน้าท่าทางเหยียดหยาม “ไอ้คนกระจอกไม่ได้เรื่องได้ราวผู้นี้ ยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง นายคิดว่าผู้ฝึกสอนจะใจกว้างเหมือนอย่างฉันงั้นเหรอ ที่จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนาย? ”

“รนหาที่ตาย! ”

สีหน้าของกู้ซิวหรั่นค่อย ๆ เปลี่ยนไปดูไม่ดียิ่งนัก มองไปยังหลินหยุนอย่างเย็นชา และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายเป็นคนแรกที่กล้ามาพูดอย่างนี้กับข้า”

“วางใจได้ ข้าจะทำให้นายต้องตอบแทนชดใช้อย่างสาสม ให้นายได้รับรู้ถึงระยะความห่างระหว่างข้ากับนายอย่างชัดเจน แม้ว่านายจะเพียรพยายามไปทั้งชีวิต ก็ทำได้เพียงแค่แหงนมองเลื่อมใสในตัวข้า ทำให้นายเข้าใจรับรู้ว่าข้ากับนายนั้นมันอยู่กันคนละโลก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์