จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 199

สรุปบท บทที่ 198 ชัดเจนว่าอยู่กันคนละโลก: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 198 ชัดเจนว่าอยู่กันคนละโลก จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 198 ชัดเจนว่าอยู่กันคนละโลก คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

พวกหญิงสาวที่ถูกความหล่อเหลาครอบงำนั้นโดนคำพูดดังกล่าวกระหน่ำซ้ำเข้ามาในจิตใจ

“โอ้โหโอ้โห คุณชายกู้หล่อมาก! หล่อบาดใจมากจริง ๆ ! ”

“คุณชายกู้ จัดการเอาชนะเชาให้ได้! ใช้กระบวนท่าเดียวสยบเขาให้ได้! ”

“หลินหยุนไอ้กระจอกที่ไม่ได้เรื่องได้ราว กล้าดีอย่างไรถึงมายั่วยุทำให้คุณชายกู้ของพวกเราโมโห รนหาที่ตายชัด ๆ! ”

กู้ซิวหรั่นตั้งท่าเพื่อเตรียมที่จะเข้าโจมตี และพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “แม้ว่านายจะเป็นเพียงมดในสายตาของข้า แต่ว่า ข้าจะไม่ทำผิดพลาดเหมือนกับหลิ่วซิงแน่นอน การประลองฝีมือกับคู่ต่อสู้ทุกราย ข้าจะตั้งใจมุ่งมั่นอย่างเต็มที่”

ผู้ฝึกสอนพยักหน้าชมเชย “ดีมาก นี่เป็นการตื่นตัวที่นักต่อสู้เก่งกาจทั้งหลายพึงจะมีอย่างแท้จริง! ”

หลินหยุนเอามือไขว้หลัง พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่รำคาญ “อย่าพูดอะไรที่ไร้สาระอีกเลย ให้โอกาสนายออกอาวุธแสดงฝีมือหนึ่งครั้ง หวังว่านายจะทำอย่างดีที่สุด”

“โอหัง! ” กู้ซิวหรั่นเดินขยับออกมาหนึ่งก้าว จากนั้นกระโดดเตะไปยังหลินหยุน ด้วยท่าทางที่สง่างาม และทรงพลังยิ่งนัก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้วทรงพลังมากกว่าหลิ่วซิงหลายสิบเท่าตัว

“กู้ซิวหรั่นทรงพลังอย่างยิ่ง เขาคืออันดับหนึ่งอย่างสมศักดิ์ศรีจริง ๆ ! หากว่าพลังเตะต่อสู้นี้เตะใส่ตัวข้า นอกจากว่ายอมแพ้ ข้าคงไม่มีวิธีการใดที่จะรับมือกับมันได้อีก” จางซือจู่ตะลึงพร้อมกับแสดงท่าทางที่เลื่อมใส

“หวังว่าหลินหยุนคงจะไม่บาดเจ็บมากนัก! ” หยางเทียนโย่วเริ่มที่จะวิงวอนอธิษฐานต่อเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

พวกเพื่อนนักเรียนต่างพากันตกตะลึงอย่างมาก เพราะกู้ซิวหรั่นไม่ค่อยที่จะตั้งใจแสดงพลังที่แท้จริงในการต่อสู้ออกมา ต่อให้ในการประลองฝีมือ ก็ไม่เคยเห็นเขาจะแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา

แต่ทว่า ในครั้งนี้กู้ซิวหรั่นได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมาแล้ว อีกทั้งเริ่มต้นก็ได้แสดงพลังทั้งหมดออกมา แสดงว่าหลินหยุนได้ยั่วยุให้เขาโมโหอย่างหนัก

“ไอ้กระจอกหลินหยุน รนหาที่ตายจริง ๆ ใช่ไหม! สามารถยั่วยุให้กู้ซิวหรั่นโกรธได้ขนาดนี้ เขาคงจะรู้สึกภูมิใจยิ่งนัก! ”

หลินหยุนมองไปที่พลังเตะนี้ของกู้ซิวหรั่น แม้ว่าจะไม่อยู่ในสายตาของเขา แต่ถ้าหากมองในสถานะของการเป็นนักเรียนแล้ว พลังความสามารถของกู้ซิวหรั่นถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

แต่น่าเสียดาย หลินหยุนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

แม้ว่ากู้ซิวหรั่นจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง แม้แต่นักบู๊ก็ยังไม่ใช่

ขณะที่พลังเตะของกู้ซิวหรั่นใกล้ที่จะปะทะเข้าที่หน้าอกของหลินหยุน หลินหยุนก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

“หลินหยุน หลบหลีกไปสิ! ” ไอ้หินกล่าวเตือนเสียงดัง

“ฮ่าฮ่า ไอ้กระจอกหลินหยุน คงจะตกใจกับพลังเตะที่ทรงพลังของกู้ซิวหรั่นจนถึงกับบ้าไปเลยทีเดียว! ”

“ใช่เลยใช่เลย นายดูเขาสิขนาดจะหลบหลีกก็ยังหลงลืมไปเลย”

เพื่อนนักเรียนต่างพากันหัวเราะเยาะเย้ย

เกือบทุกคนต่างพากันยิ้มเยาะเย้ยดีใจไปกับความโชคร้ายที่จะเกิดขึ้นกับเขา แม้แต่ผู้ฝึกสอนเองก็แสดงท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยามออกมาเช่นกัน

“นึกว่าไอ้หนุ่มนี้จะปกปิดพลังที่เก่งกาจเอาไว้ แต่ที่ไหนได้ก็มีเพียงที่ปรากฏให้เห็นเท่านี้ เมื่อครู่ที่เขาเอาชนะหลิ่วซิงได้ในหมัดเดียว ดูเหมือนว่าเป็นหลิ่วซิงจะประมาทไปเอง”

เกือบทุกคนต่างคิดว่าหลินหยุนจะพบกับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน และก็ต้องถูกพลังเตะของกู้ซิวหรั่นทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

หลินหยุนรอจนพลังเตะของกู้ซิวหรั่นเข้าใกล้หน้าอกในระยะประมาณหนึ่งคืบ เขาก็ปล่อยหมัดใส่โดยทันที

“ฮ่าฮ่า ไอ้กระจอกนี้ เขากล้าที่จะใช้หมัดไปรองรับพลังเตะของคุณชายกู้ อยากตายนักหรือไง! ”

“ไอ้โง่เง่าหลินหยุน คงจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเอาเสียแล้ว”

แต่ว่า ไม่ทันไร สีหน้าท่าทางที่ยิ้มเยาะเหยียดหยามของเพื่อนนักเรียนต่างก็แข็งทื่ออย่างกะทันหัน

เมื่อหมัดของหลินหยุนปะทะเข้ากับพลังเตะที่แข็งแกร่งของกู้ซิวหรั่นนั้น กู้ซิวหรั่นได้ร้องตะโกนขึ้น แล้วก็กระเด็นลอยไปไกล

ขนาดที่ว่า ร่างกายของกู้ซิวหรั่น กระเด็นลอยข้ามทุกคนไป กระทบเข้ากับที่กำแพงของโรงยิมเนเซียม

เงียบสงบกันไปทั้งโรงยิม!

ทุกคนต่างตะลึงกันไปหมด!

กำแพงนั้นอยู่ห่างจากตำแหน่งของหลินหยุนกับกู้ซิวหรั่น ประมาณสิบกว่าเมตร พละกำลังมากขนาดไหนเชียว ที่จะสามารถชกให้คนตัวเป็น ๆ กระเด็นลอยไปไกลถึงสิบกว่าเมตรได้!

นี่มันถึงขนาดลบล้างความรู้ความเข้าใจของเพื่อนนักเรียนทั้งหมด

“นี่มัน นี่มันเป็นไปได้อย่างไร! ”

“กู้ซิวหรั่นคงไม่ได้ร่วมสมคบคิดกันกับหลินยุนใช่ไหม? พละกำลังของคนเพียงคนเดียว ทำไมถึงยิ่งใหญ่รุนแรงมากถึงเพียงนี้! ”

“นี่มันไม่ตรงตามหลักความเป็นจริง! ”

ทุกคนที่ตื่นขึ้นจากอาการตกตะลึง ต่างเอะอะโวยวายกันยกใหญ่ แต่ละคนร้องตะโกนดังลั่น อยู่ในอาการตื่นเต้นอย่างที่สุด

“คุณชายกู้! ” หวางหยู่หันรีบวิ่งเข้าไปหา ประคองกู้ซิวหรั่นขึ้น และถามด้วยความกังวล “คุณชายกู้ คุณเป็นอย่างไรบ้าง? จะไปโรงพยาบาลไหม? ”

จางเหมิงก็ตกใจจนแทบบ้าไปเลย แต่ว่าจางเหมิงไม่เคยให้ความสนใจในประเด็นนี้มาก่อนที่ เพียงไม่นานจางเหมิงก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว

“ไอ้คนที่ไร้ความสามารถอย่างนี้ กลับทำให้ทุกคนตกตะลึงได้จริง ๆ ด้วย! แต่ว่ามีความสามารถเอาชนะได้ แล้วยังไงกันล่ะ? คนที่ไร้ความสามารถไม่ได้เรื่องก็ยังคงเป็นคนไร้ความสามารถไม่ได้เรื่องอยู่วันยังค่ำ! ”

“อย่างไรก็สู้เหยียนเสวเหวินของฉันที่เก่งกาจที่สุดไม่ได้ แม้แต่บุคคลอย่างปรมาจารย์หลินก็ยังรู้จัก แบบนี้สิจึงจะเรียกว่าเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ”

แท้ที่จริงแล้ว ที่น่าตกใจที่สุดก็คงจะเป็นผู้ฝึกสอน

โดยแก่นแท้ ผู้ที่มีความสามารถเก่งกาจมากเท่าไหร่ ยิ่งจะเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าพละกำลังของหลินหยุนเมื่อสักครู่นี้นั้นน่าเกรงกลัวขนาดไหน!

โดยสามารถที่จะชกคนกระเด็นลอยไปไกลสิบกว่าเมตรได้ นั่นต้องใช้พละกำลังที่เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว ดังนั้น ผู้ฝึกสอนเข้าใจได้อย่างดีว่า หมัดของหลินหยุนนั้นมีพลังมหาศาลมากเพียงใด!

“ไอ้หนุ่มน้อยผู้นี้ สามารถทำมันได้อย่างไรกัน! ” ผู้ฝึกสอนถามขึ้นกับตนเอง ต่อให้เขาฝึกฝนทั้งชีวิต ก็ยังไม่สามารถทำมันได้

สายตาของหลินหยุน ค่อย ๆ หันมามองที่ผู้ฝึกสอน เขาไม่เคยหลงลืมว่าก่อนหน้านี้ผู้ฝึกสอนเอาใจลำเลียงต่อหลิ่วซิงมากขนาดไหน

“ถึงคราวของท่านแล้ว” หลินหยุนอยู่ในสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก และกล่าวสามคำนี้ขึ้นอย่างเฉยเมย ลักษณะท่าทางนั้นเหมือนกับว่าไม่ได้เห็นผู้ฝึกสอนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

เพื่อนนักเรียนทั้งหมดต่างพากันตกตะลึง เมื่อครู่ผู้ฝึกสอนได้พูดไว้ว่าหากกู้ซิวหรั่นพ่ายแพ้ เขาก็จะเป็นคนสั่งสอนหลินหยุนด้วยตนเอง

ขณะนี้ หลินหยุนเป็นฝ่ายที่ขอท้าประลองกับผู้ฝึกสอน

เพื่อนนักเรียนต่างเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่

“เขาจะต่อสู้กับผู้ฝึกสอนจริง ๆ เหรอ! ไอ้เด็กคนนี้มันบ้าไปแล้วใช่ไหม? ”

“หยิ่งผยองแล้ว หยิ่งผยองเกินไปแล้ว นึกว่าเอาชนะกู้ซิวหรั่นและหลิ่วซิงได้ แม้แต่ผู้ฝึกสอนก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแล้ว”

“หลินหยุนหลงระเริงเกินไปแล้วจริง ๆ ! ”

จางซือจู่ยังไม่ทันได้แสดงความดีใจกับหลินหยุน จากนั้นความดีใจก็กลายเป็นความตกใจไปเสียแล้ว

“สิบแปดมงกุฎ ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม! หลินหยุนจะท้าประลองกับผู้ฝึกสอน? ”

“ได้ยินไม่ผิดหรอก ข้าก็ได้ยินเช่นนั้นจริง ๆ ” หยางเทียนโย่วก็มีสีหน้าที่อึ้งไปเลยเช่นกัน

“ผู้ฝึกสอน นั่นคือผู้ฝึกสอนเลยนะ! แม้หลิ่วซิงจะเก่งกาจ กู้ซิวหรั่นก็เก่งกาจยิ่งกว่า แต่เมื่อมาเปรียบเทียบกับผู้ฝึกสอนแล้ว พวกเขามันคนละรุ่นกัน! หลินหยุนบ้าไปแล้วใช่ไหม? ” จางซือจู่มีสีหน้าท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์