เพื่อนนักเรียนด้านล่างเวทีต่างคึกคักกันไปหมด
หลินหยุนมองภาพเหตุการณ์นี้ ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินอิทธิพลของดาวและเดือนประจำมหาวิทยาลัยต่ำเกินไป ยังไม่ทันได้ปรากฏตัวออกมา ก็สามารถสร้างความคึกคักจุดประกายอารมณ์ร่วมของนักเรียนทุกคนแล้ว
หวางหยู่หันยังคงรู้สึกว่าบรรยากาศยังครึกครื้นไม่เพียงพอ ได้นำมือไปป้องที่หูแล้วตะโกนว่า “ไม่ได้ยิน ฉันไม่ได้ยิน? ขอเสียงดังขึ้นกว่านี้หน่อย! ”
จากนั้น ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความคึกคัก!
หวางหยู่หันจึงพอใจและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ผิดเลย ทุกคนทายกันได้ถูกต้อง การแสดงลำดับต่อไปนี้คือการแสดงเต้นรำคลาสสิกในเพลง《full of life》 ที่นำแสดงโดยอีหลิงกับกู้ซิวหรั่น ขอให้ทุกคนปรบมือต้อนรับและเป็นกำลังใจด้วย! ”
เปรี๊ยะเปรี๊ยะเปรี๊ยะเปรี๊ยะ!
เสียงปรบมือดังสนั่นราวกับเสียงคลื่นซัดสาด
หวางหยู่หันพึงพอใจอย่างมากแล้วก็เดินลงจากเวที จากนั้น แสงไฟก็ดับมืดลงทันที
กลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาจากเวที แสงไฟหนึ่งดวงสาดส่องมายังใจกลางของเวทีโดยพลัน
มุมของเวที ผ้าม่านสีดำค่อย ๆ เปิดออก ปรากฏชายหนุ่มในชุดทักซิโด้สีขาว นั่งอยู่อย่างสง่างาม โดยเบื้องหน้ามีเปียโนสีดำวางอยู่
สีขาวและสีดำ เติมเต็มซึ่งกันและกัน ประดุจหนุ่มน้อยท่ามกลางยามราตรี ขยับเคลื่อนไหวนิ้วมืออย่างสง่างาม
ติงทั่งติงทั่ง เสียงท่วงทำนองที่ไพเราะดังขึ้น เสมือนเสียงลมพัดผ่านในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความงดงามความสดชื่น
ชัดเจนว่านี่คือทำนองโหมโรงของเพลงกู่เจิง คิดไม่ถึงว่ากู้ซิวหรั่นจะใช้เปียโนบรรเลงเพลงออกมาได้ ไพเราะเยี่ยมยอดไปเลยจริง ๆ
แม้แต่หลินหยุนเอง ก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้
ด้านล่างเวที พวกหญิงสาวต่างก็กลั้นหายใจ มือสองข้างค้ำยันใบหน้าเอาไว้ มองไปยังชายรูปงามที่นั่งบรรเลงเปียโนอยู่ในมุมหนึ่งอย่างสงบเงียบ แววตาของแต่ละคนต่างเป็นประกาย
ใครพูดว่าผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว โกหกกันทั้งนั้น ที่ผู้หญิงรักนวลสงวนตัวนั้น เป็นเพราะพวกเธอพบเจอกับผู้ชายที่ยังหล่อเหลาไม่เพียงพอต่างหาก
ถ้าหากกู้ซิวหรั่นลงจากเวทีในตอนนี้ คงจะต้องถูกกลุ่มหญิงสาวอันธพาลเหล่านี้กลืนกินโดยไม่เหลือแต่ซากเป็นแน่แท้
หวางหยู่หันยืนนิ่ง ๆ อยู่ด้านข้างของเวที มองไปยังกู้ซิวหรั่นที่นิ้วมือกำลังดีดบรรเลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสัมผัสได้ถึงท่วงทำนองอันไพเราะ หวางหยู่หันคิดเพ้อฝันว่าตัวเองกำลังอยู่ในปุยเมฆ ร่างกายกำลังที่จะลอยขึ้นกลางอากาศ
“คุณชายกู้ ยอดเยี่ยมไปเลยจริง ๆ! คุณเป็นของฉัน ใครก็ไม่มีทางมาแย่งชิงไปได้! ” ดวงตาของหวางหยู่หันเปล่งประกายถึงความแน่วแน่
ฟึบ!
เมื่อเสียงดังขึ้น แสงไฟก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที
ขณะนี้ ท่วงทำนองดนตรีจากที่เบาสบายก็เปลี่ยนเป็นดังกระหึ่มขึ้น
อีหลิงในชุดกระโปรงสีขาวพลิ้วไสวราวกับนางฟ้า ลอยตัวลงมาจากฟากฟ้า แล้วหยุดอยู่บนใจกลางของเวที ราวกับนางฟ้าเหยาฉือ ลงมายังโลกมนุษย์
“โอ้ว! คืออีหลิง นางฟ้า นางฟ้าของฉัน! ”
ชายหนุ่มจำนวนมากลุกยืนขึ้น ส่งเสียงโห่ร้องกันสนั่นหวั่นไหว อารมณ์ความเร่าร้อนที่พุ่งทะยานราวกับว่าจะถล่มทำลายสถานที่จัดงานอย่างย่อยยับ
เพียงแค่ปรากฏตัวบนเวทีเท่านั้น ก็ทำให้อารมณ์ครึกครื้นของเพื่อนนักเรียนพุ่งไปถึงจุดสูงสุด
ขนาดกู้ซิวหรั่นที่อยู่มุมของเวทีก็ยังตะลึงบ้างเล็กน้อย ทำให้นิ้วมือที่อยู่บนคีย์เปียโนก็หยุดดีดลงโดยพลัน ดนตรีก็หยุดบรรเลงไปกี่วินาที
แต่ว่า กลับไม่มีใครใส่ใจ สายตาของเกือบทุกคนต่างจดจ้องที่ร่างกายของอีหลิง
จางซือจู่เอาสองมือกุมปิดปาก กัดนิ้วมือของตนอย่างแรง ไม่รู้ว่าตื่นเต้นเกินไปหรืออย่างไร ลักษณะท่าทางคล้ายกับท้องผูกขับถ่ายไม่ดีอย่างไรอย่างนั้น
“หลินหยุน มองเห็นแล้วยัง? นางฟ้าของฉัน นางฟ้าของฉัน! ดีใจไหม? ตะลึงไหม? น่าทึ่งไหม? ”
จางซือจู่เอามือสองข้างลง แล้วไปจับที่แขนของหลินหยุน เขย่าไปมาอย่างหนักหน่วง
หลินหยุนค่อย ๆ ผลักเอามือของเขาออก แล้วพูดกลับอย่างเฉยเมยว่า “สยองขวัญ! ”
แน่นอน เห็นท่าทางที่ประหลาดเหมือนผีของจางซือจู่แล้ว น่าสยองขวัญเสียจริง
จางซือจู่ไม่ได้ยินที่หลินหยุนพูดแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งสองข้างจดจ้องไปยังเรือนร่างของอีหลิงอยู่ตลอด โดยไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา กลัวว่าจะพลาดช่วงเวลานาทีที่สำคัญ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...