จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 277

หลิวเหอหมิงหัวเราะเสียงดังและพูดว่า: “ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม! เขาพูดว่านั่งอยู่ตรงนั้นแล้วตะโกนถามขึ้น ภายในสิบวินาทีอย่างน้อยจะมีสิบคนที่แสดงตัวออกมาเพื่อสนับสนุนเขา! ”

“นับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา นี่คือเรื่องราวที่น่าตลกขบขันที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในการประชุมสุดยอดจงโจวเลยทีเดียว! ”

“ไอ้หนุ่มน้อย นายว่ามา จะเดิมพันอะไรกัน? ” หลิวเหอหมิงรู้สึกว่าการเดิมพันครั้งนี้จะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน ทำไมจะไม่รับคำท้าล่ะ?

แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงบอดี้การ์ดกระจอกคนหนึ่ง แต่ในเมื่อเขายื่นหน้าเข้ามาเพื่อให้หลิวเหอหมิงตบ แล้วทำไมจะไม่ช่วยตอบสนองในสิ่งที่เขาต้องการล่ะ?

หลิวเหอหมิงเองก็มีธรรมเนียมประเพณีที่ชอบจะช่วยเหลือให้ผู้อื่นบรรลุผลตามที่ต้องการ

พวกผู้ที่มีอิทธิพลอำนาจที่โต๊ะเบอร์หนึ่งต่างก็หัวเราะกันยกใหญ่

“ไอ้คนที่น่าขันผู้นี้ตกลงมันผุดขึ้นมาจากที่ไหนกันแน่? ช่างน่าสนใจเสียจริง! เขากล้าที่จะพูดว่านั่งอยู่ที่นั่น พูดออกมาคำเดียว ก็จะมีคนสิบคนออกมาให้การสนับสนุนเขา! ”

“เขานึกว่าเขาเป็นใครกันเหรอ? ผู้นำของประเทศจีนอย่างนั้นเหรอ? ”

ประธานหูและคนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าที่เหยียดหยาม: “ไอ้หนุ่มน้อย ช่างแสวงหาวิธีการตายที่หลากหลายเสียจริง ก่อนหน้าที่ก็ล่วงเกินคุณชายใหญ่ส้ง จากนั้นก็ล่วงเกินหยู่ลั่วและจินไซ ตอนนี้ยังจะมาเริ่มปั่นป่วนก่อความวุ่นวายในการประชุมสุดยอดจงโจวอีก! ”

“แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้สังกัดอยู่ในบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปแล้ว แต่ ก็จำต้องจัดการให้ไอ้หนุ่มหน้าโง่ ผู้หลงระเริงนี้ได้รับการลงโทษเสียบ้าง! ”

เหยียนต้าวหมิงหัวเราะเหอะๆและพูดว่า: “คุณพี่หู หนุ่มน้อยโง่เขลาที่หลงระเริงแบบนี้ ทำไมต้องถึงมือของพวกเราด้วย? เดี๋ยวสักครู่เขาก็รับกรรมตามสนองแล้ว”

หวางซูเฟินกับฉินหลันก็จ้องมองหน้าซึ่งกันและกัน: “ฉันใช้ทั้งบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเป็นเหยื่อล่อ ต่างก็ไม่มีใครที่จะแสดงตัวออกมาเพื่อสนับสนุนฉัน ซึ่งเขาพูดเพียงคำเดียว ก็จะมีคนสนับสนุนแล้วอย่างนั้นเหรอ? ยังจะภายในเวลาสิบวินาทีและมีไม่ต่ำกว่าสิบคน? นี่มันไม่ใช่สร้างความปั่นป่วนหรอกเหรอ? ”

หวางซูเฟินจ้องมองไปที่หลินหยุน ตะโกนใส่อย่างเย็นชาว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย นายคิดว่านายเป็นใครกัน! อย่ามาสร้างความอับอายขายหน้าที่นี่หน่อยเลย รีบไปจากที่นี่เถอะ! ”

ฉินหลันพูดเกลี้ยกล่อมด้วยสีหน้าจำยอม: “หลินหยุน นายฟังคำของท่านประธานกรรมการบ้าง รีบไปเถอะ! เดิมทีอารมณ์ของท่านประธานกรรมการก็ไม่ค่อยดีนัก นายอย่าได้มาทำให้ท่านประธานกรรมการต้องโมโหขึ้นอีกเลย! ”

หลินหยุนมองไปที่หวางซูเฟินกับฉินหลันและยิ้มขึ้นเล็กน้อย: “ท่านประธานหวาง พี่ฉินหลัน พวกท่านวางใจเถอะ ฉันมีขอบเขตของตนเองอยู่! ”

“นาย......” เห็นหลินหยุนยังคงทำตามใจของตนเอง หวางซูเฟินยอมแพ้ที่จะเตือนแล้ว: “ตามแต่แล้วกัน ปล่อยเขาไปตามบุญตามกรรมเถอะ ฉันพูดเตือนเพียงเท่านี้ ซึ่งก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว! ”

ฉินหลันเองก็แอบถอนหายใจยาว พูดขึ้นแปลก ๆ ว่า: “ท่านประธานกรรมการ ท่านไม่รู้สึกหรือว่านิสัยของไอ้หนุ่มนี้เหมือนกันกับอาหลินหรอกเหรอ? ”

หวางซูเฟินตกตะลึง ทำท่าทางครุ่นคิด: “ใช่สิ ไอ้หนุ่มผู้นี้มีนิสัยที่ดื้อรั้นเหมือนกันกับหลินตงหัวมากเลยทีเดียว ยึดมั่นหนักแน่นในเหตุผล เมื่อหากมั่นใจยอมรับกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว ต่อให้เป็นใครก็ฉุดรั้งเอาไว้ไม่อยู่! ”

“สักครู่นะ คุณพูดว่าเขาเองก็แซ่หลิน? ” หวางซูเฟินเหมือนกับว่านึกอะไรขึ้นได้ มีสีหน้าท่าทางตะลึงงันปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง

ฉินหลันพยักหน้า: “ใช่ เขาชื่อว่าหลินหยุน”

“หลินหยุน! ” หวางซูเฟินถอนหายใจและพูดว่า: “ถ้าหากว่าลูกของฉันสามารถเติบโตอย่างแข็งแรง ตอนนี้คงน่าจะโตรุ่นราวคราวเดียวกับเขาแล้ว! ”

หลินหยุนมองไปที่หลิวเหอหมิง พูดขึ้นว่า: “ถ้าหากข้าพ่ายแพ้ ก็แล้วแต่นายจะลงจัดการเลย แต่ถ้าหากนายพ่ายแพ้ ก็จะต้องคุกเข่าต่อหน้าประธานหวาง และคำนับเพื่อแสดงความขอโทษ”

“ว่าอย่างไรล่ะ? ”

หลิวเหอหมิงไม่ทันได้คิด ก็ตอบตกลงไปว่า: “ได้เลย อย่างไรก็ตามการเดิมพันที่ชนะสถานเดียวอย่างนี้ ทำไมข้าจะไม่รับคำท้าล่ะ? ”

“แต่ว่า ข้ามีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง ข้าจะเป็นคนบอกเริ่มต้น จากนั้นจะจับเวลาในทันที ไม่อย่างนั้นถ้าหากนายเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้าน จงใจที่จะยืดเวลา แล้วการเดิมพันมันจะจบสิ้นลงเมื่อไหร่กันล่ะ? ”

หลินหยุนพูดว่า: “ตกลง”

แม้รู้สึกว่าจะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน แต่หลิวเหอหมิงเองก็คิดถึงความเป็นไปได้ในแต่ละเรื่องอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเขาจะต้องคิดคำนึงถึงโอกาสเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างรอบคอบ จากนั้นก็ปิดกั้นในทุกช่องทาง

เช่นนี้แล้ว หลินหยุนจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!

หลิวเหอหมิงยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “อย่างนั้นก็ขอเชิญทุกคนมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วยกัน เพื่อจะได้ไม่พูดกันว่าข้ารังแกเด็ก! ”

“ไอ้หนุ่มน้อย ตอนนี้เริ่มต้นกันได้หรือยัง? ”

หลินหยุนพูดว่า: “เริ่มได้แล้ว”

หลิวเหอหมิงมองดูเวลา และพูดขึ้นว่า: “งั้นเริ่มต้นได้! ”

“สิบ เก้า......”

หลิวเหอหมิงเริ่มนับเวลาถอยหลัง

บรรยากาศค่อนข้างจะตึงเครียด สายตาของทุกคนต่างจ้องมองมายังตัวของหลินหยุน

หลินหยุนนั่งอยู่ที่ตรงนั้นจริง มีสีหน้าท่าทางที่เฉยเมย รอจนหลิวเหอหมิงนับถึงแปด จึงพูดขึ้นว่า: “ใครจะมาสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปบ้าง? ”

ภายในห้องโถงเงียบสงบ มีแต่เพียงเสียงของหลินหยุนที่ดังสะท้อนกลับมา

ต่างคนต่างมองซึ่งกันและกัน ฉันมองคุณแล้วคุณก็มองฉัน จากนั้นก็มองไปที่หลินหยุนด้วยความเหยียดหยาม

ประธานหูยิ้มอย่างเย็นชา: “ฮึ ไอ้หนุ่มนี้มันฝันไปแล้วหรืออย่างไร! ใครจะมาสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญแบบนี้ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะเป็นการตั้งตนเป็นปรปักษ์กับตระกูลส้งอย่างนั้นหรอกเหรอ? ”

ส้งหัวอันมีสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ และกวาดสายตามองไปยังทุกคน ความน่าเกรงขามปกคลุมไปทั่วทั้งสถานที่

ทุกคนแม้แต่หายใจแรงก็ยังไม่กล้า ส้งหัวอันกำลังข่มขู่คุกคามอยู่!

หวางซูเฟินโกรธจนต้องสบถออกมา: “ช่างเป็นแค่ความฝันที่ลม ๆ แล้ง ๆ ทั้งนั้น! ”

ฉินหลันก็ถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก เมื่อสิบวินาทีผ่านไป หลินหยุนก็คงกลายเป็นตัวตลกของทุกคนในสถานที่แห่งนี้

ขนาดบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเองก็ต้องโดนหัวเราะเยาะเย้ยเช่นเดียวกัน

ทันใดนั้น เงาร่างสูงใหญ่ของคนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามา ยืนอยู่เบื้องหน้าโดยห่างจากหลินหยุนประมาณสามเมตร และพูดเสียงดังขึ้นว่า: “เจี่ยงสงแห่งหลินโจว เต็มใจยินดีที่จะสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป! ”

ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน!

ยังมีผู้ที่ไม่เกรงกลัวความตายแสดงตัวออกมาเพื่อสนับสนุนไอ้หนุ่มผู้นี้ด้วยเหรอ!

เจี่ยงสงแห่งหลินโจว? ไม่เคยได้ยินมาก่อน!

ในกลุ่มผู้คนต่างก็รีบที่จะสอบถามประวัติของเจี่ยงสง กอปรกับเจี่ยงสงเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสถานะไม่มีคนรู้จัก ไม่นานนักสถานะของเขาก็ถูกเปิดเผยออกมา

“ที่จริงแล้วก็คือผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งหลินโจวซึ่งเป็นหนึ่งในสิบแปดเมืองของมณฑลหลิงหนาน”

“อิทธิพลอำนาจของเจี่ยงสงไม่ถึงกับด้อย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลส้งแล้วยังห่างชั้นกันลิบลับ แต่ว่าเขาไม่ใช่คนในจงโจว ดังนั้นจึงไม่เกรงกลัวตระกูลส้ง! ”

“แต่ทำไมผู้มีอำนาจอิทธิพลอย่างเจี่ยงสง จะต้องสนับสนุนไอ้หนุ่มน้อยผู้นี้ด้วยล่ะ? ”

หวางซูเฟินตกใจอย่างมาก มองไปที่เจี่ยงสงอย่างไม่น่าเชื่อ: “ฉินหลัน คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ที่แสดงตัวออกมาสนับสนุนเขาจริง ๆ ด้วย! เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน! ”

ฉินหลันเองก็มีท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อ พยักหน้าด้วยความตื่นเต้น: “ท่านประธาน เขาคือเจี่ยงสง ผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งหลินโจว! อำนาจบารมีไม่เบาเลยทีเดียว? ”

ท่าทางดีอกดีใจของหวางซูเฟินไม่นานก็สูญหายไป: “โอ้ ต่อให้เจี่ยงสงผู้มีอิทธิพลนี้มีมิตรภาพกับหลินหยุนอยู่บ้าง แต่มีเพียงแค่เขาผู้เดียวมันก็ไม่มีประโยชน์ อย่าลืมนะว่า หลินหยุนเดิมพันกับหลิวเหอหมิงว่า อย่างน้อยต้องมีสิบคน! ”

สีหน้าของฉินหลันก็ค่อย ๆ หม่นหมองลง: “ใช่จริงด้วย ต้องการสิบคน! หลินหยุนผู้นี้ได้พูดโอ้อวดเกินไปหน่อย แบบนี้ก็ถือว่าเป็นการยกก้อนหินทุ่มใส่เท้าของตนเองแล้ว! ”

หลิวเหอหมิงมีสีหน้าหม่นหมอง: “คิดไม่ถึงว่ายังจะมีผู้ที่ไม่เกรงกลัวความตายแสดงตัวออกมาเพื่อสนับสนุนไอ้หนุ่มผู้นี้! แต่นายก็อย่าเพิ่งดีใจไปก่อน นี่ก็เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ตอนนี้เวลาผ่านไปห้าวินาทีแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเวลาอีกห้าวินาทีที่เหลือ ยังจะมีคนอีกเก้าคนมาสนับสนุนนาย! ”

“เส้เทียนหัวแห่งเมืองเว่ยเหอ ยินดีเต็มใจที่จะให้การสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป! ”

เสียงตะโกนดังขึ้น เส้เทียนหัวที่มีร่างกายสูงใหญ่ ก็เดินก้าวออกมา ยืนอยู่แนวเดียวกันกับเจี่ยงสง

จากนั้น ไม่ทันรอให้ทุกคนตั้งสติกลับมา ก็มีเสียงตะโกนอย่างองอาจดังขึ้นในใจกลางห้องโถง:“ฉีหมิงว่างแห่งหลอซาน ยินดีเต็มใจที่จะให้การสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป! ”

“ข่งอู่จากเมืองลี่ชวน ยินดีเต็มใจที่จะให้การสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป! ”

......

ตะโกนเปล่งเสียงดังกันอย่างไม่ขาดสาย

เงาร่างของแต่ละคนแต่ละคน เดินตามกันออกมาอย่างเป็นระเบียบ มายืนเรียงเป็นแถวยาวอยู่เบื้องหน้าของหลินหยุน

ผู้มีอิทธิพลอำนาจทั่วทั้งสิบแปดเมืองของมณฑลหลิงหนาน และรวมถึงพวกเศรษฐีที่มีชื่อเสียงจากมณฑลหลิงหนาน จำนวนกว่าสามสิบคน ยืนเรียงกันเป็นระเบียบหลายแถว เหมือนกับว่ากองกำลังทหารกำลังเตรียมที่จะเดินสวนสนาม

หลิวเหอหมิงยังคงนับเวลาถอยหลังอย่างต่อเนื่อง: “สาม สอง ......”

เพียงแต่ว่า น้ำเสียงของเขานั้นยิ่งเบาลงเบาลง แทบจะไม่ได้ยินแล้ว

เดิมทีได้เดิมพันกันไว้ที่จำนวนสิบคน ตอนนี้มีผู้มีอิทธิพลอำนาจและพวกเศรษฐีรวมกันสามสิบกว่าคน ได้แสดงตัวออกมาเพื่อให้การสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป

เมื่อพูดออกไป ก็ต้องทำตามคำที่พูดไว้!

ทุกคนต่างพากันตะลึงงัน และมีท่าทางที่ตกใจเป็นอย่างมาก!

ทั่วทั้งห้องโถง เงียบกริบ หลงเหลือเพียงเสียงของลมหายใจที่ดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากแรงกดดัน

สายตาของทุกคน ต่างก็มองไปที่วัยรุ่นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ นับเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าร่างกายของ หลินหยุนนั้นลึกลับเกินที่จะคาดเดาได้!

ผ่านไปชั่วครู่ ทุกคนต่างก็กลับคืนสู่สภาพปกติ เริ่มที่จะวิพากษ์วิจารณ์สถานะของบุคคลเหล่านี้

ไม่นาน สถานะของบุคคลที่มาจากมณฑลหลิงหนานเหล่านี้ก็แพร่กระจายออกไป

“ทุกคนมาจากมณฑลหลิงหนานทั้งหมด ก็ดูเหมือนว่าไอ้หนุ่มนี้มีต้นตอมาจากมณฑลหลิงหนาน! แต่ว่า ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามณฑลหลิงหนานมีบุคคลที่โด่งดังถึงเพียงนี้? หรือว่าไอ้หนุ่มนี้เป็นลูกของควีนจิน? ”

“บุคคลเหล่านี้ ต่างก็เป็นผู้มีอิทธิพลอำนาจในสิบแปดเมืองของมณฑลหลิงหนาน หากว่ามีใครที่สามารถสั่งการพวกเขาได้ นอกจากควีนจินหลิงหนานแล้ว เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดอีกแล้ว! ”

“ถ้าจะบอกว่าไอ้หนุ่มผู้นี้ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับควีนจินล่ะก็ ข้าไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาด! ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์