หลิวเหอหมิงหัวเราะเสียงดังและพูดว่า: “ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม! เขาพูดว่านั่งอยู่ตรงนั้นแล้วตะโกนถามขึ้น ภายในสิบวินาทีอย่างน้อยจะมีสิบคนที่แสดงตัวออกมาเพื่อสนับสนุนเขา! ”
“นับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา นี่คือเรื่องราวที่น่าตลกขบขันที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในการประชุมสุดยอดจงโจวเลยทีเดียว! ”
“ไอ้หนุ่มน้อย นายว่ามา จะเดิมพันอะไรกัน? ” หลิวเหอหมิงรู้สึกว่าการเดิมพันครั้งนี้จะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน ทำไมจะไม่รับคำท้าล่ะ?
แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงบอดี้การ์ดกระจอกคนหนึ่ง แต่ในเมื่อเขายื่นหน้าเข้ามาเพื่อให้หลิวเหอหมิงตบ แล้วทำไมจะไม่ช่วยตอบสนองในสิ่งที่เขาต้องการล่ะ?
หลิวเหอหมิงเองก็มีธรรมเนียมประเพณีที่ชอบจะช่วยเหลือให้ผู้อื่นบรรลุผลตามที่ต้องการ
พวกผู้ที่มีอิทธิพลอำนาจที่โต๊ะเบอร์หนึ่งต่างก็หัวเราะกันยกใหญ่
“ไอ้คนที่น่าขันผู้นี้ตกลงมันผุดขึ้นมาจากที่ไหนกันแน่? ช่างน่าสนใจเสียจริง! เขากล้าที่จะพูดว่านั่งอยู่ที่นั่น พูดออกมาคำเดียว ก็จะมีคนสิบคนออกมาให้การสนับสนุนเขา! ”
“เขานึกว่าเขาเป็นใครกันเหรอ? ผู้นำของประเทศจีนอย่างนั้นเหรอ? ”
ประธานหูและคนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าที่เหยียดหยาม: “ไอ้หนุ่มน้อย ช่างแสวงหาวิธีการตายที่หลากหลายเสียจริง ก่อนหน้าที่ก็ล่วงเกินคุณชายใหญ่ส้ง จากนั้นก็ล่วงเกินหยู่ลั่วและจินไซ ตอนนี้ยังจะมาเริ่มปั่นป่วนก่อความวุ่นวายในการประชุมสุดยอดจงโจวอีก! ”
“แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้สังกัดอยู่ในบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปแล้ว แต่ ก็จำต้องจัดการให้ไอ้หนุ่มหน้าโง่ ผู้หลงระเริงนี้ได้รับการลงโทษเสียบ้าง! ”
เหยียนต้าวหมิงหัวเราะเหอะๆและพูดว่า: “คุณพี่หู หนุ่มน้อยโง่เขลาที่หลงระเริงแบบนี้ ทำไมต้องถึงมือของพวกเราด้วย? เดี๋ยวสักครู่เขาก็รับกรรมตามสนองแล้ว”
หวางซูเฟินกับฉินหลันก็จ้องมองหน้าซึ่งกันและกัน: “ฉันใช้ทั้งบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเป็นเหยื่อล่อ ต่างก็ไม่มีใครที่จะแสดงตัวออกมาเพื่อสนับสนุนฉัน ซึ่งเขาพูดเพียงคำเดียว ก็จะมีคนสนับสนุนแล้วอย่างนั้นเหรอ? ยังจะภายในเวลาสิบวินาทีและมีไม่ต่ำกว่าสิบคน? นี่มันไม่ใช่สร้างความปั่นป่วนหรอกเหรอ? ”
หวางซูเฟินจ้องมองไปที่หลินหยุน ตะโกนใส่อย่างเย็นชาว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย นายคิดว่านายเป็นใครกัน! อย่ามาสร้างความอับอายขายหน้าที่นี่หน่อยเลย รีบไปจากที่นี่เถอะ! ”
ฉินหลันพูดเกลี้ยกล่อมด้วยสีหน้าจำยอม: “หลินหยุน นายฟังคำของท่านประธานกรรมการบ้าง รีบไปเถอะ! เดิมทีอารมณ์ของท่านประธานกรรมการก็ไม่ค่อยดีนัก นายอย่าได้มาทำให้ท่านประธานกรรมการต้องโมโหขึ้นอีกเลย! ”
หลินหยุนมองไปที่หวางซูเฟินกับฉินหลันและยิ้มขึ้นเล็กน้อย: “ท่านประธานหวาง พี่ฉินหลัน พวกท่านวางใจเถอะ ฉันมีขอบเขตของตนเองอยู่! ”
“นาย......” เห็นหลินหยุนยังคงทำตามใจของตนเอง หวางซูเฟินยอมแพ้ที่จะเตือนแล้ว: “ตามแต่แล้วกัน ปล่อยเขาไปตามบุญตามกรรมเถอะ ฉันพูดเตือนเพียงเท่านี้ ซึ่งก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว! ”
ฉินหลันเองก็แอบถอนหายใจยาว พูดขึ้นแปลก ๆ ว่า: “ท่านประธานกรรมการ ท่านไม่รู้สึกหรือว่านิสัยของไอ้หนุ่มนี้เหมือนกันกับอาหลินหรอกเหรอ? ”
หวางซูเฟินตกตะลึง ทำท่าทางครุ่นคิด: “ใช่สิ ไอ้หนุ่มผู้นี้มีนิสัยที่ดื้อรั้นเหมือนกันกับหลินตงหัวมากเลยทีเดียว ยึดมั่นหนักแน่นในเหตุผล เมื่อหากมั่นใจยอมรับกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว ต่อให้เป็นใครก็ฉุดรั้งเอาไว้ไม่อยู่! ”
“สักครู่นะ คุณพูดว่าเขาเองก็แซ่หลิน? ” หวางซูเฟินเหมือนกับว่านึกอะไรขึ้นได้ มีสีหน้าท่าทางตะลึงงันปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง
ฉินหลันพยักหน้า: “ใช่ เขาชื่อว่าหลินหยุน”
“หลินหยุน! ” หวางซูเฟินถอนหายใจและพูดว่า: “ถ้าหากว่าลูกของฉันสามารถเติบโตอย่างแข็งแรง ตอนนี้คงน่าจะโตรุ่นราวคราวเดียวกับเขาแล้ว! ”
หลินหยุนมองไปที่หลิวเหอหมิง พูดขึ้นว่า: “ถ้าหากข้าพ่ายแพ้ ก็แล้วแต่นายจะลงจัดการเลย แต่ถ้าหากนายพ่ายแพ้ ก็จะต้องคุกเข่าต่อหน้าประธานหวาง และคำนับเพื่อแสดงความขอโทษ”
“ว่าอย่างไรล่ะ? ”
หลิวเหอหมิงไม่ทันได้คิด ก็ตอบตกลงไปว่า: “ได้เลย อย่างไรก็ตามการเดิมพันที่ชนะสถานเดียวอย่างนี้ ทำไมข้าจะไม่รับคำท้าล่ะ? ”
“แต่ว่า ข้ามีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง ข้าจะเป็นคนบอกเริ่มต้น จากนั้นจะจับเวลาในทันที ไม่อย่างนั้นถ้าหากนายเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้าน จงใจที่จะยืดเวลา แล้วการเดิมพันมันจะจบสิ้นลงเมื่อไหร่กันล่ะ? ”
หลินหยุนพูดว่า: “ตกลง”
แม้รู้สึกว่าจะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน แต่หลิวเหอหมิงเองก็คิดถึงความเป็นไปได้ในแต่ละเรื่องอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเขาจะต้องคิดคำนึงถึงโอกาสเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างรอบคอบ จากนั้นก็ปิดกั้นในทุกช่องทาง
เช่นนี้แล้ว หลินหยุนจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!
หลิวเหอหมิงยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “อย่างนั้นก็ขอเชิญทุกคนมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วยกัน เพื่อจะได้ไม่พูดกันว่าข้ารังแกเด็ก! ”
“ไอ้หนุ่มน้อย ตอนนี้เริ่มต้นกันได้หรือยัง? ”
หลินหยุนพูดว่า: “เริ่มได้แล้ว”
หลิวเหอหมิงมองดูเวลา และพูดขึ้นว่า: “งั้นเริ่มต้นได้! ”
“สิบ เก้า......”
หลิวเหอหมิงเริ่มนับเวลาถอยหลัง
บรรยากาศค่อนข้างจะตึงเครียด สายตาของทุกคนต่างจ้องมองมายังตัวของหลินหยุน
หลินหยุนนั่งอยู่ที่ตรงนั้นจริง มีสีหน้าท่าทางที่เฉยเมย รอจนหลิวเหอหมิงนับถึงแปด จึงพูดขึ้นว่า: “ใครจะมาสนับสนุนบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปบ้าง? ”
ภายในห้องโถงเงียบสงบ มีแต่เพียงเสียงของหลินหยุนที่ดังสะท้อนกลับมา
ต่างคนต่างมองซึ่งกันและกัน ฉันมองคุณแล้วคุณก็มองฉัน จากนั้นก็มองไปที่หลินหยุนด้วยความเหยียดหยาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...