ในรถ เสี่ยวหลี่คนขับรถของซูชิงเหยียน นั่งอยู่ในตำแหน่งของผู้ช่วยนักขับ
เพื่อแสดงความเคารพต่อหลินหยุน ซูชิงเหยียน อธิการบดีของมหาวิทยาลัยการแพทย์ จึงทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้ด้วยตัวเองเลยทีเดียว
“หมอเทพหลิน คนจากทางมหาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่ง จะมาถึงตอนสิบโมงเช้านะครับ คุณพอจะมีเวลาเตรียมตัวสองชั่วโมง หากคุณอยากได้อะไร บอกผมได้ทันที ผมจะพยายามอำนวยความสะดวกให้คุณอย่างเต็มที่ครับ!"
ซูชิงเหยียนมองผ่านกระจกมองหลังไปที่หลินหยุน ที่ตอนนี้กำลังนั่งหลับตาทำสมาธิ พลางพูดด้วยความเคารพนอบน้อม
หลินหยุนพูดเรียบ ๆ ทั้งที่ไม่ได้ลืมตาว่า : "ผมไม่อยากได้อะไรทั้งนั้นแหละ"
ใบหน้าของซูชิงเหยียนแข็งค้างไปเล็กน้อย เขาให้ความสนใจอย่างมากกับความจริงที่ว่า มีนักศึกษาระดับหัวกะทิจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่ง มาที่มหาวิทยาลัยแพทย์หลินโจวเพื่อฟังการบรรยาย
พูดได้ว่า ทั้งวงการแพทย์ของเมืองหลินโจว ต่างก็ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่ง ได้จัดให้นักศึกษามาเข้าร่วมฟังการบรรยายแบบนอกสถาบัน
เป็นที่รู้กันดีว่า หากสามารถทำให้นักศึกษาระดับหัวกะทิ ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งเข้าร่วมฟังการบรรยายได้ สถาบันจะมีสถานะและศักดิ์ศรี ที่เพิ่มขึ้นในแวดวงการแพทย์ทั้งหมดทั่วประเทศจีนขึ้นมาเลยทีเดียว
แต่เขาก็ยังแอบรู้สึกว่า ท่าทางการแสดงออกของหลินหยุนนั้น ค่อนข้างจะไร้พิธีรีตองเกินไปสักหน่อยจริงๆ
แม้ว่าเขาจะเชื่อในทักษะทางการแพทย์ของหลินหยุน แต่การสอนบรรยาย กับทักษะทางการแพทย์นั้น เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทักษะทางการแพทย์สูง ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถพูดได้เก่ง จนทำให้คนฟังเข้าใจได้
หากต้องการอธิบายทักษะทางการแพทย์ที่ตัวเองมี และทำให้นักศึกษาฟังเข้าใจได้ จำต้องมีการเตรียมสื่อการสอนก่อนเรียนอย่างมากทีเดียว
ยกตัวอย่างเช่น ครูเตรียมบทเรียนล่วงหน้าเพื่อการอธิบายความรู้ของตนเอง ทำให้นักเรียนเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น ใช้วิธีการอันเหมาะสม เพื่อให้นักเรียนสามารถจดจำได้ง่ายและชัดเจนที่สุด และนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ซูชิงเหยียนกังวลว่า เกิดถ้าโป๊ะแตกขึ้นมาจนมันพังไม่เป็นท่า นอกจากชื่อเสียงและสถานะของมหาวิทยาลัยการแพทย์หลินโจวจะไม่เพิ่มขึ้น แต่จะกลับกลายเป็นตัวตลกให้คนหัวเราะเยาะไปทั่ววงการการแพทย์ทั้งประเทศจีนไปแทนน่ะสิ
“หมอเทพหลิน คุณอยากเตรียมบทเรียนล่วงหน้าสักหน่อยไหมครับ? ถึงแม้ว่าทักษะทางการแพทย์ของคุณจะยอดเยี่ยมก็จริง แต่ทักษะทางการแพทย์ กับการสอนบรรยายมันก็ไม่เหมือนกันนะครับ” ซูชิงเหยียนกัดฟันพูดเกลี้ยกล่อมขึ้นมาอีกครั้ง
หลินหยุนยังคงไม่ลืมตา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า "อธิการบดีซูวางใจเถอะ ผมรู้ขอบเขตของตัวเองดี"
ซูชิงเหยียนไม่พูดอะไรอีก ถึงแม้ว่าเขาจะยังกังวลอยู่ แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว
หลินหยุนเป็นแขกผู้มีเกียรติที่เขาเชิญมา เขาจึงไม่กล้าทำอะไรที่หักหาญน้ำใจ
หลังจากนั้นไม่นาน ซูชิงเหยียนก็ได้รับโทรศัพท์
ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องด่วนบางอย่าง
“ต้องขออภัยหมอเทพหลินด้วยนะครับ พอดีผมมีเรื่องด่วนนิดหน่อย ต้องไปกรมศึกษาธิการเดี๋ยวนี้เลย! เสี่ยวหลี่ เดี๋ยวนายไปส่งหมอเทพหลินที่มหาลัยก่อนนะ พวกศาสตราจารย์โม่จะรออยู่ที่นั่น” ซูชิงเหยียนพูดด้วยสีหน้าขอโทษขอโพยเต็มที่
หลินหยุนลืมตาขึ้น พูดเสียงเรียบเรื่อยว่า: “ไม่เป็นไร อธิการบดีซูไปทำธุระเถอะ!”
"ขอบคุณครับ!"
ซูชิงเหยียนลงจากรถ แล้วไปเรียกแท็กซี่แยกไปอีกทาง
คนขับเสี่ยวหลี่ขับรถต่อไป
เมื่อกำลังจะถึงมหาวิทยาลัยแพทย์ ที่สี่แยกซึ่งไม่มีสัญญาณไฟจราจรแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีรถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาว พุ่งจากถนนสายรองเข้ามายังถนนสายหลักอย่างรวดเร็ว
คนขับเสี่ยวหลี่ไม่สามารถหักหลบได้ทัน จึงชนประสานงาเข้ากับอีกฝ่ายอย่างจัง
“ขอโทษจริง ๆ นะครับหมอเทพหลิน!” เสี่ยวหลี่รู้ว่าหลินหยุนอาจจะดูแล้วยังเด็ก แต่สถานะของเขานั้นถือว่าเป็นผู้ทรงเกียรติ ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าหลินหยุนจะตำหนิเขา
“ไม่เป็นไร” หลินหยุนพูดเรียบ ๆ นั่งอยู่ในรถโดยไม่ขยับเขยื้อน
“ขอฉันดูหน่อยซิว่าไอ้โง่ที่ไหนมันขับ นี่ขับรถเป็นรึเปล่าเนี่ยหา!” เสี่ยวหลี่ก่นด่าสาปแช่งอย่างโกรธเคือง เปิดประตูรถแล้วเดินลงไปทันที
หลินหยุนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง เห็นรถ BMW ที่ด้านหน้าผ่านกระจกหน้าต่าง ประตูหน้าและหลังเปิดออกพร้อมกัน มีชายหนุ่มสองคนลงมาจากรถ
“แกตาบอดรึไงหา? ขับรถเป็นรึเปล่าวะ!” ชายหนุ่มหัวเกรียน ใส่ตุ้มหูวงใหญ่ข้างเดียวที่หูสบถด่าเสียงดังอย่างหัวเสีย
เสี่ยวหลี่โกรธจัด โต้เถียงกับอีกฝ่าย: "ฉันมาทางตรง พวกนายอยู่ ๆ ก็เปลี่ยนเลนมาตัดหน้า ยังมีหน้ามาโทษคนอื่นอีก! นี่ซื้อใบขับขี่มารึไงหา!"
“แกว่าใครซื้อใบขับขี่ใครมาวะ? นี่แกหาเรื่องอยากโดนดีใช่มั้ย!” ชายหนุ่มที่สวมตุ้มหูขนาดใหญ่ม้วนแขนเสื้อขึ้น เริ่มทำท่าจะลงไม้ลงมือ
ที่ด้านหลัง ชายหนุ่มท่าทางสง่างาม หน้าตาหล่อเหลา ถือหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ในมือพูดตัดบทว่า: "เทียนเหา อย่าก่อเรื่อง!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...