สรุปตอน บทที่ 300 งานเลี้ยงหงเหมิน – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่
ตอน บทที่ 300 งานเลี้ยงหงเหมิน ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เย่เทียนเหาที่นั่งอยู่ด้านข้าง ยิ้มเย้ยหยันอย่างประหลาด: "ถ้ากระทั่งคำถามเด็ก ๆ แบบนี้อาจารย์หลินยังตอบไม่ได้ งั้นก็แปลว่าทักษะทางการแพทย์ของอาจารย์หลิน ยังด้อยกว่าเด็กซะอีกหรือเปล่านะ?"
นักศึกษาคนอื่น ๆ จากมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่ง ก็มองหลินหยุนอย่างยั่วยุ ดูเหมือนจะสรุปกันไปเองแล้วว่า หลินหยุนไม่มีทางตอบคำถามนี้ได้
หลินหยุนพูดอย่างเรียบนิ่ง: "ปลิงกับน้ำผึ้ง แปรเปลี่ยนเป็นน้ำ แค่ให้ผู้ป่วยคนนี้ดื่มน้ำผึ้ง ภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ปัญหานี้ก็จะสามารถแก้ไขได้เรียบร้อย"
สีหน้าของฉู่หมิงเฉิงเปลี่ยนไปทันที เขาเคยอ่านเจอผู้ป่วยเคสนี้ ในตำราแพทย์โบราณเล่มหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินหยุนจะรู้เรื่องนี้ด้วย
เย่เทียนเหากลับไม่เชื่อ แค่นยิ้มเย้ยหยันว่า: "ไร้สาระ ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าน้ำผึ้งสามารถเปลี่ยนปลิงให้กลายเป็นน้ำได้ เห็นได้ชัดว่านายตอบคำถามไม่ได้ เหลวไหลทั้งเพ!"
นักศึกษา ม. แพทย์หลินโจวโต้กลับเสียงดังทันที: "นายยังไม่เคยลองทดสอบสักหน่อย อาศัยอะไรถึงได้ไม่เชื่ออาจารย์หลิน! หรือไม่ พวกเราก็มาลองทดสอบกันเดี๋ยวนี้เลย แล้วมาดูกันว่าสิ่งที่อาจารย์หลินพูด เป็นความจริงหรือเท็จ!"
เย่เทียนเหาพูดด้วยท่าทางหยิ่งยโส: “ทดสอบก็ทดสอบสิ คิดว่าชั้นกลัวรึไง!”
ฉับพลัน ฉู่หมิงเฉิงก็ยกมือขึ้นมาหยุดทุกคนไว้ทันที “ไม่ต้องทดสอบแล้ว!”
ทุกคนเงียบกริบ คำพูดนี้ของฉู่หมิงเฉิง แสดงการยอมรับอย่างชัดเจนแล้วว่า คำตอบของหลินหยุนนั้นถูกต้อง
เย่เทียนเหาสีหน้าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน : “หรือว่าที่เขาพูดมา เป็นความจริงหรอกเรอะ?!”
ฉู่หมิงเฉิงไม่สนใจเย่เทียนเหา จ้องมองหลินหยุนด้วยท่าทีเคร่งขรึม ถามต่อไปว่า: "ถ้าสมมุติว่า มีคนคนหนึ่งร่างกายภายนอกดูปกติดีทุกอย่าง แต่มีเลือดออกในอวัยวะภายในจำนวนมาก ท้องอืดบวมนูน หน้าแดงบวม มีอาการสะลึมสะลือ แต่ผลตรวจออกมา กลับไม่พบความผิดปกติ ควรจะรักษายังไง?”
หลังจากที่ฉู่หมิงเฉิงพูดจบ ทุกคนก็เข้าสู่โหมดเข้าสมาธิ คิดหาคำตอบอีกครั้ง
มีเลือดออกในร่างกายจำนวนมาก และเครื่องมือทางการแพทย์ก็ตรวจไม่พบ ต่อให้ทำการผ่าตัด ก็จำเป็นต้องทำการตรวจหาจุดที่เลือดออกให้พบเสียก่อน
หลินหยุนแค่คิดก็ยังไม่ต้องคิด ตอบออกมาตรง ๆ ว่า "นำซานเจีย กุ้ยเว่ย ดอกคำฝอย เซิงตี้ หลิงเซียน เลือดมังกร เคี่ยวรวมในน้ำกับเหล้า เติมปัสสาวะของเด็กเข้าไปเล็กน้อย (มีการใช้ปัสสาวะของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี เป็นยาอยู่ในบางตำราแพทย์) หลังดื่มไปแล้ว เลือดจะหยุดไหลได้อย่างชะงัด"
แม้ว่าทุกคนจะไม่รู้ว่า ใบสั่งยาของหลินหยุนนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่สีหน้าของฉู่หมิงเฉิงก็ดำคล้ำมืดทะมึนลงอีกครั้ง
“ถ้ามีคนคนหนึ่ง หูข้างซ้ายถูกน้ำที่มีตะกั่วเข้า หูข้างขวาก็ถูกสารปรอทเข้า ส่วนดวงตาถูกเคลือบด้วยแล็กเกอร์ เจ็บปวดแสบร้อน มองอะไรไม่เห็น ควรจะแก้ไขยังไง?” สำนวนของฉู่หมิงเฉิงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
หลินหยุนยิ่งตอบเร็วกว่า : “ถ้าอย่างนั้น ก็ให้เทปรอทลงในหูข้างซ้ายของเขา เพื่อบล็อกตะกั่วให้มันละลายเป็นปรอท จนสามารถไหลออกมาได้ จากนั้นใช้เข็มทองเจาะเข้าไปในหูข้างขวาของเขา ปรอทจะติดอยู่ที่เข็ม แล้วจึงค่อยๆ ดึงออก”
“เมื่อแลคเกอร์ดิบเข้าตา ให้เอาปูมาตำให้แหลกแล้วทาที่ตาของผู้ป่วย จะเห็นผลได้ในเจ็ดวัน”
ฉู่หมิงเฉิงมองหลินหยุนตาค้าง ใบหน้าดำทะมึนเหมือนก้นหม้อไหม้ ไฟ
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกันน่ะ?” ฉู่หมิงเฉิงถามด้วยความประหลาดใจ
หลินหยุนถามด้วยสีหน้าแปลกใจว่า "หนังสือโบราณเล่มที่เธออ่าน ใช่ที่มีเขียนถึงมีดเล่มหนึ่งกับดาบเล่มหนึ่งด้วยสินะ? หนังสือเล่มนั้น ฉันเคยอ่านมันมาตั้งนานแล้วล่ะ"
“อาจารย์หลินมีความรู้กว้างขวาง กระทั่งเรื่องความรู้รอบตัว ที่ไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย ก็ยังอ่านผ่านตาอีกด้วย ผมยอมแพ้แล้ว!” ฉู่หมิงเฉิงยอมรับความพ่ายแพ้ในที่สุด
กระทั่งฉู่หมิงเฉิงก็ยังยอมรับความพ่ายแพ้ไปแล้ว เป็นธรรมดาที่เย่เทียนเหาจะรู้จักหดหัว ไม่กล้าทำกร่างอีกต่อไป
นักศึกษาของ ม.หลินโจว พลันบังเกิดความรู้สึกมีขวัญกำลังใจขึ้นมาทันที
ใบหน้าของเซี่ยหยู่เวยคำคล้ำทะมึน: “หึ! คิดไม่ถึงว่าแม้แต่อัจฉริยะของมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งก็ยังทำอะไรนายไม่ได้ แต่อย่าเพิ่งลำพองใจไปหน่อยเลย พวกนั้นไม่มีทางยอมปล่อยนายไปง่าย ๆ แน่”
เมื่อคาบเรียนเช้าสิ้นสุดลง เย่เทียนเหากับฉู่หมิงเฉิงก็กลับไปที่ห้องแยก ซึ่งทางมหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ให้
เย่เทียนเหาโวยวายอย่างไม่ยอมแพ้: “แมร่งเอ๊ย! เจ้าเด็กนี่กล้าทำให้ชั้นอับอายขายหน้าขนาดนี้ ยังมีหน้ามาพูดด้วยว่าฉันไตพร่อง ฉันนี่หัวร้อนจนดับไม่ไหวแล้วโว้ย!”
ฉู่หมิงเฉิงกลอกตามองบนใส่เขาทันที: "นายคิดจะทำเรื่องบ้าบออะไรอีกล่ะ? ทักษะทางการแพทย์ของเขาร้ายกาจขนาดไหน? วันนี้ก็เห็นแล้วไม่ใช่เรอะ? ถ้านายยังอยากทำเรื่องชวนขายขี้หน้าประชาชีอีก ก็อย่ามาลากฉันไปเอี่ยวด้วย!"
เย่เทียนเหายกยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วพูดว่า “วางใจเหอะน่า ฉันไม่มีทางเปรียบเทียบทักษะทางการแพทย์กับมันอย่างแน่นอน อย่าลืมสิว่านี่คือหลินโจว มีอาณาเขตติดกับเจียงหนาน เจี่ยงสงขาใหญ่ของหลินโจว อยากจะญาติดีกับพ่อฉันมาโดยตลอด ถ้าฉันขอให้เจี่ยงสงช่วยเล่นงานใครสักคนในหลินโจว นายลองเดาดูซิว่าเจี่ยงสงจะปฏิเสธรึเปล่า?”
ฉู่หมิงเฉิงพยักหน้า วิธีนี้น่าจะเป็นไปได้
แม้ว่าหลินหยุนจะมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี แต่ในเรื่องเส้นสาย เขาย่อมต้องด้อยกว่าตระกูลเย่ชนิดเทียบกันไม่เห็นฝุ่นอย่างแน่นอน
“นายคิดจะทำยังไง? อย่าลืมนะว่าที่นี่คือโรงเรียนแพทย์ แม้แต่เจี่ยงสงก็คงไม่กล้าลงมือในโรงเรียนแพทย์แน่”
เย่เทียนเหายิ้มหยันอย่างลำพองใจ : “วางใจเถอะ รอให้ถึงคาบเรียนบ่าย ฉันจะเชิญทุกคนไปกินมื้อเย็น เพื่อเป็นการขอโทษทุกคน แล้วฉันก็จะลวดเชิญไอ้เด็กนั่นไปด้วย”
..........................
แม้แต่คณะอาจารย์กับอธิการบดีซูชิงเหยียน ก็ยังให้อภัยเขาเช่นกัน
เย่เทียนเหา แสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อทุกคนอีกครั้ง และแล้วงานเลี้ยงก็เริ่มต้นขึ้น
เย่เทียนเหาพร้อมเปย์แบบจัดเต็มมากจริง ๆ งานเลี้ยงในโรงแรมลี่หัวครั้งนี้ นับว่าจัดได้อย่างมีระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีมา
นักเรียนส่วนใหญ่รู้สึกพึงพอใจมาก
หลังจากดื่มไปสามรอบ เย่เทียนเหาก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคน ดูแล้วเหมือนว่าเขาจะไม่มีเจตนาแอบแฝงอื่นใด เพียงแค่อยากจะขอโทษทุกคนจริงๆ
แต่ในชั่วขณะที่ความคิดนี้ของหลินหยุนกำลังเกิดขึ้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน
ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ร้องตะโกนดังลั่นว่า “หมอ! หมออยู่ที่ไหน ? ช่วยผมด้วย!”
ทุกคนวางตะเกียบลงด้วยความสงสัย พากันมองไปยังชายหนุ่มที่หน้าแดงก่ำ แล้วแสดงสีหน้าสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ เทียนเหาลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก ร้องถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ชายหนุ่มรีบวิ่งไปข้าง ๆ เย่เทียนเหา แล้วร้องไห้พลางพูดว่า “คุณเป็นหมอใช่มั้ย ? ช่วยผมด้วย ผมรู้สึกเจ็บไปหมดทั่วทั้งตัวเลย ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ขอร้องล่ะคุณหมอ โปรดช่วยผมด้วย!"
เย่เทียนเหาแสร้งทำเป็นจับชีพจรให้ชายหนุ่มคนนั้น จากนั้นจึงส่ายหน้า: “พี่ชายคนนี้ ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ทักษะทางการแพทย์ของฉันยังนับว่าแค่ผิวเผิน ฉันตรวจไม่พบว่านายป่วยเป็นโรคอะไร!”
“แต่ที่นี่ เรามีหมออัจฉริยะอยู่หลายคน เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาอาการป่วยของนายได้อย่างแน่นอน”
ซูชิงเหยียนลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า "ไหน ให้ฉันลองตรวจดูหน่อยซิ!"
เย่เทียนเหายิ้มแล้วพูดว่า “เอ่อ อธิการบดีซูมีสถานะสูงส่ง ช่วยเป็นกำลังเสริมให้พวกเราอยู่เบื้องหลังน่าจะดีกว่า ถ้าในพวกเราไม่มีใครที่รักษาได้ คุณค่อยออกหน้าแก้ไขให้!”
ซูชิงเหยียนพยักหน้ารับ โดยไม่นึกสงสัยแม้แต่น้อย นั่งลงอีกครั้งแล้วพูดว่า: “โอเค งั้นเอาตามที่เธอว่าแล้วกัน!”
สายตาของเย่เทียนเหากวาดส่ายไปยังฝูงชน สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่หลินหยุน ในดวงตาแฝงเร้นแววเย้ยหยัน : "หมอเทพหลิน ทักษะทางการแพทย์อันน่าอัศจรรย์ ที่นายแสดงให้พวกเราเห็นวันนี้ ทำเอาฉันชื่นชมไม่น้อย โรคของพี่ชายคนนี้ ก็คงต้องรบกวนหมอเทพหลินให้ช่วยตรวจดูสักหน่อยแล้วล่ะนะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...