เย่เทียนเหาที่นั่งอยู่ด้านข้าง ยิ้มเย้ยหยันอย่างประหลาด: "ถ้ากระทั่งคำถามเด็ก ๆ แบบนี้อาจารย์หลินยังตอบไม่ได้ งั้นก็แปลว่าทักษะทางการแพทย์ของอาจารย์หลิน ยังด้อยกว่าเด็กซะอีกหรือเปล่านะ?"
นักศึกษาคนอื่น ๆ จากมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่ง ก็มองหลินหยุนอย่างยั่วยุ ดูเหมือนจะสรุปกันไปเองแล้วว่า หลินหยุนไม่มีทางตอบคำถามนี้ได้
หลินหยุนพูดอย่างเรียบนิ่ง: "ปลิงกับน้ำผึ้ง แปรเปลี่ยนเป็นน้ำ แค่ให้ผู้ป่วยคนนี้ดื่มน้ำผึ้ง ภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ปัญหานี้ก็จะสามารถแก้ไขได้เรียบร้อย"
สีหน้าของฉู่หมิงเฉิงเปลี่ยนไปทันที เขาเคยอ่านเจอผู้ป่วยเคสนี้ ในตำราแพทย์โบราณเล่มหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินหยุนจะรู้เรื่องนี้ด้วย
เย่เทียนเหากลับไม่เชื่อ แค่นยิ้มเย้ยหยันว่า: "ไร้สาระ ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าน้ำผึ้งสามารถเปลี่ยนปลิงให้กลายเป็นน้ำได้ เห็นได้ชัดว่านายตอบคำถามไม่ได้ เหลวไหลทั้งเพ!"
นักศึกษา ม. แพทย์หลินโจวโต้กลับเสียงดังทันที: "นายยังไม่เคยลองทดสอบสักหน่อย อาศัยอะไรถึงได้ไม่เชื่ออาจารย์หลิน! หรือไม่ พวกเราก็มาลองทดสอบกันเดี๋ยวนี้เลย แล้วมาดูกันว่าสิ่งที่อาจารย์หลินพูด เป็นความจริงหรือเท็จ!"
เย่เทียนเหาพูดด้วยท่าทางหยิ่งยโส: “ทดสอบก็ทดสอบสิ คิดว่าชั้นกลัวรึไง!”
ฉับพลัน ฉู่หมิงเฉิงก็ยกมือขึ้นมาหยุดทุกคนไว้ทันที “ไม่ต้องทดสอบแล้ว!”
ทุกคนเงียบกริบ คำพูดนี้ของฉู่หมิงเฉิง แสดงการยอมรับอย่างชัดเจนแล้วว่า คำตอบของหลินหยุนนั้นถูกต้อง
เย่เทียนเหาสีหน้าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน : “หรือว่าที่เขาพูดมา เป็นความจริงหรอกเรอะ?!”
ฉู่หมิงเฉิงไม่สนใจเย่เทียนเหา จ้องมองหลินหยุนด้วยท่าทีเคร่งขรึม ถามต่อไปว่า: "ถ้าสมมุติว่า มีคนคนหนึ่งร่างกายภายนอกดูปกติดีทุกอย่าง แต่มีเลือดออกในอวัยวะภายในจำนวนมาก ท้องอืดบวมนูน หน้าแดงบวม มีอาการสะลึมสะลือ แต่ผลตรวจออกมา กลับไม่พบความผิดปกติ ควรจะรักษายังไง?”
หลังจากที่ฉู่หมิงเฉิงพูดจบ ทุกคนก็เข้าสู่โหมดเข้าสมาธิ คิดหาคำตอบอีกครั้ง
มีเลือดออกในร่างกายจำนวนมาก และเครื่องมือทางการแพทย์ก็ตรวจไม่พบ ต่อให้ทำการผ่าตัด ก็จำเป็นต้องทำการตรวจหาจุดที่เลือดออกให้พบเสียก่อน
หลินหยุนแค่คิดก็ยังไม่ต้องคิด ตอบออกมาตรง ๆ ว่า "นำซานเจีย กุ้ยเว่ย ดอกคำฝอย เซิงตี้ หลิงเซียน เลือดมังกร เคี่ยวรวมในน้ำกับเหล้า เติมปัสสาวะของเด็กเข้าไปเล็กน้อย (มีการใช้ปัสสาวะของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี เป็นยาอยู่ในบางตำราแพทย์) หลังดื่มไปแล้ว เลือดจะหยุดไหลได้อย่างชะงัด"
แม้ว่าทุกคนจะไม่รู้ว่า ใบสั่งยาของหลินหยุนนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่สีหน้าของฉู่หมิงเฉิงก็ดำคล้ำมืดทะมึนลงอีกครั้ง
“ถ้ามีคนคนหนึ่ง หูข้างซ้ายถูกน้ำที่มีตะกั่วเข้า หูข้างขวาก็ถูกสารปรอทเข้า ส่วนดวงตาถูกเคลือบด้วยแล็กเกอร์ เจ็บปวดแสบร้อน มองอะไรไม่เห็น ควรจะแก้ไขยังไง?” สำนวนของฉู่หมิงเฉิงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
หลินหยุนยิ่งตอบเร็วกว่า : “ถ้าอย่างนั้น ก็ให้เทปรอทลงในหูข้างซ้ายของเขา เพื่อบล็อกตะกั่วให้มันละลายเป็นปรอท จนสามารถไหลออกมาได้ จากนั้นใช้เข็มทองเจาะเข้าไปในหูข้างขวาของเขา ปรอทจะติดอยู่ที่เข็ม แล้วจึงค่อยๆ ดึงออก”
“เมื่อแลคเกอร์ดิบเข้าตา ให้เอาปูมาตำให้แหลกแล้วทาที่ตาของผู้ป่วย จะเห็นผลได้ในเจ็ดวัน”
ฉู่หมิงเฉิงมองหลินหยุนตาค้าง ใบหน้าดำทะมึนเหมือนก้นหม้อไหม้ ไฟ
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกันน่ะ?” ฉู่หมิงเฉิงถามด้วยความประหลาดใจ
หลินหยุนถามด้วยสีหน้าแปลกใจว่า "หนังสือโบราณเล่มที่เธออ่าน ใช่ที่มีเขียนถึงมีดเล่มหนึ่งกับดาบเล่มหนึ่งด้วยสินะ? หนังสือเล่มนั้น ฉันเคยอ่านมันมาตั้งนานแล้วล่ะ"
“อาจารย์หลินมีความรู้กว้างขวาง กระทั่งเรื่องความรู้รอบตัว ที่ไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย ก็ยังอ่านผ่านตาอีกด้วย ผมยอมแพ้แล้ว!” ฉู่หมิงเฉิงยอมรับความพ่ายแพ้ในที่สุด
กระทั่งฉู่หมิงเฉิงก็ยังยอมรับความพ่ายแพ้ไปแล้ว เป็นธรรมดาที่เย่เทียนเหาจะรู้จักหดหัว ไม่กล้าทำกร่างอีกต่อไป
นักศึกษาของ ม.หลินโจว พลันบังเกิดความรู้สึกมีขวัญกำลังใจขึ้นมาทันที
ใบหน้าของเซี่ยหยู่เวยคำคล้ำทะมึน: “หึ! คิดไม่ถึงว่าแม้แต่อัจฉริยะของมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งก็ยังทำอะไรนายไม่ได้ แต่อย่าเพิ่งลำพองใจไปหน่อยเลย พวกนั้นไม่มีทางยอมปล่อยนายไปง่าย ๆ แน่”
เมื่อคาบเรียนเช้าสิ้นสุดลง เย่เทียนเหากับฉู่หมิงเฉิงก็กลับไปที่ห้องแยก ซึ่งทางมหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ให้
เย่เทียนเหาโวยวายอย่างไม่ยอมแพ้: “แมร่งเอ๊ย! เจ้าเด็กนี่กล้าทำให้ชั้นอับอายขายหน้าขนาดนี้ ยังมีหน้ามาพูดด้วยว่าฉันไตพร่อง ฉันนี่หัวร้อนจนดับไม่ไหวแล้วโว้ย!”
ฉู่หมิงเฉิงกลอกตามองบนใส่เขาทันที: "นายคิดจะทำเรื่องบ้าบออะไรอีกล่ะ? ทักษะทางการแพทย์ของเขาร้ายกาจขนาดไหน? วันนี้ก็เห็นแล้วไม่ใช่เรอะ? ถ้านายยังอยากทำเรื่องชวนขายขี้หน้าประชาชีอีก ก็อย่ามาลากฉันไปเอี่ยวด้วย!"
เย่เทียนเหายกยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วพูดว่า “วางใจเหอะน่า ฉันไม่มีทางเปรียบเทียบทักษะทางการแพทย์กับมันอย่างแน่นอน อย่าลืมสิว่านี่คือหลินโจว มีอาณาเขตติดกับเจียงหนาน เจี่ยงสงขาใหญ่ของหลินโจว อยากจะญาติดีกับพ่อฉันมาโดยตลอด ถ้าฉันขอให้เจี่ยงสงช่วยเล่นงานใครสักคนในหลินโจว นายลองเดาดูซิว่าเจี่ยงสงจะปฏิเสธรึเปล่า?”
ฉู่หมิงเฉิงพยักหน้า วิธีนี้น่าจะเป็นไปได้
แม้ว่าหลินหยุนจะมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี แต่ในเรื่องเส้นสาย เขาย่อมต้องด้อยกว่าตระกูลเย่ชนิดเทียบกันไม่เห็นฝุ่นอย่างแน่นอน
“นายคิดจะทำยังไง? อย่าลืมนะว่าที่นี่คือโรงเรียนแพทย์ แม้แต่เจี่ยงสงก็คงไม่กล้าลงมือในโรงเรียนแพทย์แน่”
เย่เทียนเหายิ้มหยันอย่างลำพองใจ : “วางใจเถอะ รอให้ถึงคาบเรียนบ่าย ฉันจะเชิญทุกคนไปกินมื้อเย็น เพื่อเป็นการขอโทษทุกคน แล้วฉันก็จะลวดเชิญไอ้เด็กนั่นไปด้วย”
..........................
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...