สรุปเนื้อหา บทที่ 342 คำขอของเซี่ยเจี้ยนโก๋ – จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่
บท บทที่ 342 คำขอของเซี่ยเจี้ยนโก๋ ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จูผาซู่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
หลินหยุนเดินวนรอบกลางถนนด้วยตัวคนเดียว เพื่อไปสัมผัสบรรยากาศจากตลาด จิตใจผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
มีคนสัญจรเยอะมาก ต่างเพื่อผลประโยชน์กันทั้งนั้น
ในโลกของคนธรรมดา สิ่งที่คนธรรมดาเฝ้าตามหามาชั่วชีวิต ในสายตาของผู้บำเพ็ญเซียน มันก็เป็นแค่ช่วงเสี้ยววินาที ที่ผ่านพ้นไป
เดินไปตามทางเดินของถนนด้วยไร้จุดหมาย พอรู้ตัวอีกที แววตาทั้งสองของหลินหยุนก็เปลี่ยนเป็นขาวกับดำ ราวกับเป็นรูปหยินหยางขาวดำของภาพไทเก๊ก
ด้วยพลังดวงตาทำลายล้าง ทำให้ตรงหน้าของหลินหยุนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ข้างหลังของทุกคน ล้วนมีด้ายสีดำนับไม่ถ้วนผูกติดกับพวกเขา ตรงปลายด้านหนึ่งของด้ายสีดำ ขยายไปสู่ความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด
ราวกับเส้นด้ายแห่งชีวิตนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ และมันผูกเข้ากับชีวิตของทุกคน
เมื่อมีลมพัดมา ใบไม้ของต้นเมเปิลที่อยู่ข้างถนนก็หล่นลงมา มันหล่นผ่านด้ายสีดำนับไม่ถ้วนที่อยู่ข้างหลังของคนพวกนั้นพอดี และถูกใบไม้ตัดทิ้งไปไม่น้อย
แต่ว่า เพียงพริบตาเดียวด้ายสีดำก็เชื่อมต่อเข้ามาใหม่
บางที โชคชะตาของคนพวกนี้ คงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างที่ควบคุมไม่ได้ไปแล้ว
ก็เหมือนกับบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟกต์ ที่ต่อให้มีผีเสื้อตัวเดียวกระพือปีกเบาๆ ก็ไม่แน่ว่าตรงส่วนลึกของมหาสมุทร อาจทำให้เกิดสึนามิก็ได้
จนถึงตอนนี้ หลินหยุนก็ยังไม่เข้าใจว่าด้ายสีดำที่เห็นผ่านดวงตาของเขามันแสดงถึงอะไร ต่อให้ชาติที่แล้วเขาจะบำเพ็ญจนถึงกษัตริย์เซียน แต่ก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับด้ายสีดำเหล่านี้ได้แม้แต่น้อย
กษัตริย์เซียน นั้นเรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของโลกนับหมื่นๆใบ ที่ผู้บำเพ็ญเซียนต่างก็ฝ่ายฝันที่จะไปให้ถึง
แต่ว่าต่อให้เป็นถึงกษัตริย์เซียน ก็ไม่รู้เรื่องของด้ายสีดำนี้แม้แต่น้อย
ตอนนี้ พลังดวงตาทำลายล้างของหลินหยุนมีรัศมีครอบคลุมอยู่ที่สามเมตร เมื่อความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น พลังดวงตาทำลายล้างก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
มือถือที่อยู่ตรงกระเป๋าสั่นขึ้นมาอีกครั้ง หลินหยุนหยิบมือถือขึ้นมา ปรากฏว่าคนที่โทรมาก็ขึ้นโจวเฟิน
“ฮัลโหล น้าเฟิน มีอะไรรึเปล่า?” หลินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
โจวเฟินพูดติดๆขัดๆ ราวกับว่าเป็นสิ่งที่พูดออกมาอย่างยากลำบาก “เสี่ยวหยุน แกอยู่ไหนเหรอ? กลับมาที่บ้านได้ไหม น้ากับพ่อแกมีเรื่องจะขอร้อง!”
หลินหยุนเงียบไปพักหนึ่ง ฟังจากน้ำเสียงของโจวเฟินเขารู้ได้ทันทีว่า คนที่มีเรื่องจะขอเขาไม่ใช่โจวเฟิน แต่เป็นเซี่ยเจี้ยนโก๋ต่างหาก
พอเห็นว่าหลินหยุนไม่พูดอะไร โจวเฟินจึงคิดว่าหลินหยุนคงจะลำบากใจเป็นอย่างมาก จึงรีบพูดไปว่า “เออเสี่ยวหยุน ถ้าเกิดแกไม่ว่างก็ช่างเถอะ ถึงซะว่าน้าไม่ได้พูด......”
“น้าเฟิน ผมจะรีบกลับทันที” หลินหยุนพูดตัดบทของโจวเฟิน อย่างไม่ลังเล
พอได้ยินแบบนี้ น้ำเสียงของโจวเฟินก็ฟังดูโล่งอกอย่างชัดเจน “ดี ดีเลย น้ากับพ่อแกจะรออยู่ที่บ้าน ระหว่างทางก็ระวังด้วย ไม่ต้องรีบก็ได้”
“อืม”
หลินหยุนกดวางสาย เรียกแท็กซี่ไปสองคัน แล้วมุ่งหน้าไปยังชุมชนที่ตระกูลเซี่ยอาศัยอยู่
พอกลับมาถึงตระกูลเซี่ย ก็เป็นเวลาเที่ยงสิบนาที
โจวเฟินได้เตรียมมืออาหารมื้อใหญ่ไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็นั่งรอที่โซฟา พร้อมกับเซี่ยเจี้ยนโก๋
“เสี่ยวหยุน กลับมาแล้วเหรอ!”
โจวเฟินยืนขึ้นมา ต้อนรับกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและอบอุ่น
เซี่ยเจี้ยนโก๋ตามมาข้างๆ รอยยิ้มบนใบหน้าดูรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “กลับมาแล้วเหรอ!”
“อืม!” หลินหยุนตอบกลับอย่างเรียบง่าย ถือซะว่าได้ทักทายแล้ว จากนั้นก็เปลี่ยนรองเท้า
“น้าเฟิน น้าเรียกผมมามีเรื่องอะไรเหรอ?” หลินหยุนถามด้วยเสียงที่เรียบง่าย
“ยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม ทานข้าวก่อน ทานเสร็จค่อยคุยกัน!” พอโจวเฟินพูดจบ ก็ไปดึงมือของหลินหยุน แล้วเดินไปยังโต๊ะทานข้าว
หลินหยุนไม่ได้ปฏิเสธ เดินตามหลังของโจวเฟิน แล้วไปนั่งตรงหน้าของโต๊ะทานข้าว
เซี่ยเจี้ยนโก๋เองก็ตามมานั่ง พูดกับหลินหยุนด้วยความอบอุ่นว่า “เสี่ยวหยุน ทานข้าวก่อนเถอะ ทานข้าวเสร็จค่อยมาคุยกัน!”
หลินหยุนเองก็ไม่ได้เกรงใจ เริ่มลงมือทานข้าว
ไม่ยังงั้น ในครั้งที่แล้ว หลินหยุนก็คงไม่มอบหนังสือวิชาฝังเข็มให้เป็นของขวัญกับเซี่ยเจียนโก๋หรอก
โจวเฟินที่อยู่ข้างๆก็ช่วยพูดอีกแรงว่า “เสี่ยวหยุน น้ารู้ว่าพ่อแกทำไม่ดีกับแก แต่ว่า นี่เป็นโอกาสเดียวของเขา ถ้าเกิดแกสามารถช่วยได้ ก็ช่วยเขาหน่อยเถอะ! ถือว่าน้าขอ!”
พอพูดจบ โจวเฟินก็ลุกขึ้นมา แล้วโค้งคำนับให้กับหลินหยุน
หลินหยุนรีบยื่นมือออกไปห้ามโจวเฟิน ไม่ให้เธอโค้งต่อไป “น้าเฟิน น้าทำอะไรน่ะ! ผมไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไม่ตกลง น้ารีบลุกขึ้นเถอะ!”
โจวเฟินดีใจมาก “พูดแบบนี้แสดงว่าแกตกลงแล้วใช่ไหม!”
เซี่ยเจียนโก๋เองก็มองหลินหยุนด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
หลินหยุนพยักหน้า “ผมตกลงแล้ว”
“ดีมาก! ขอบคุณแกมาก เสี่ยวหยุน!” ใบหน้าของเซี่ยเจียนโก๋เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณ ขอบคุณมากนะ!” โจวเฟินเองก็พูดด้วยความตื่นเต้น
“เสี่ยวหยุน แกเข้าใจกฎการแข่งกันราชาการแพทย์ไหม? ต้องการให้ฉันอธิบายกฎการแข่งขันราชาการแพทย์ไหม?” เซี่ยเจียนโก๋ถาม
“จริงสิ อีกยัง ถ้าเกิดอยากเข้าร่วมการแข่งขันราชาการแพทย์ จะต้องไปขอโควตาก่อน ฉันจะไปหา ผู้อำนวยการโจว ให้เขาช่วยหาวิธี ด้วยชื่อเสียงของเขา เรื่องขอโควตาก็คงเป็นเรื่องง่ายๆ”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบง่ายว่า “ไม่จำเป็น เช้าวันนี้พวกโจวชิงเหอเคยมาหาผม แต่ถูกผมปฏิเสธไป”
“ถ้าเกิดอยากได้โควตา บอกพวกเขาคำเดียวก็น่าจะพอแล้ว”
เซี่ยเจียนโก๋พยักหน้า “ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง งั้นก็จัดการได้ไม่ยาก”
“ถ้าเกิดกพวกเขารู้ว่าแกตกลงที่จะเข้าร่วมการแข่งขันราชาการแพทย์แล้วล่ะก็ จะต้องดีใจมากแน่ๆ”
หลินหยุนลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “น้าเฟิน ถ้าเกิดไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะ เดี๋ยวผมจะไปจัดการเรื่องโควตาให้เสร็จ”
“ได้ งั้นเดี๋ยวน้าเดินไปส่ง!” โจวเฟินรีบลุกขึ้นมา แล้วเดินไปยังประตู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...