จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 39

บทที่ 38 เจี่ยงสง

“อะไรนะ!” จ้าวกางตกใจจนเซ ทรุดตัวนั่งกับพื้น มองชายหัวล้านคนนั้นด้วยความกลัว

“แก แกก็คือเจี่ยงสง ท่านเจี่ยง!” เสียงของจ้าวกางสั่นระริก ตัวเขาก็สั่นอย่างรุนแรง

ชายหนุ่มตาเดียวคนนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แกคิดว่าที่เมืองหลินโจวยังมีใครกล้าสวมรอยเป็นท่านเจี่ยงงั้นเหรอ”

ไม่มี ที่เมืองหลินโจว จะปลอมตัวเป็นใครก็ได้ แม้กระทั่งบอกว่าเป็นนายกเทศมนตรีก็ได้ แต่ไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองเป็นท่านเจี่ยงแน่นอน

ถ้าทำให้นายกเทศมนตรีไม่พอใจ อย่างมากก็แค่โดนตักเตือน หรือแม้กระทั่งเพื่อรักษาภาพลักษณ์ นายกเทศมนตรีก็อาจจะแค่ยิ้มรับแค่นั้น

แต่ว่าการทำให้ท่านเจี่ยงไม่พอใจ จุดจบคงไม่สวยเท่าไหร่นัก

ความจริงจ้าวกาง หลี่เหยน รวมทั้งเว่ยเทียนหมิงต่างก็รู้ดีแก่ใจว่าที่เมืองหลินโจวไม่มีใครกล้าปลอมเป็นเจี่ยงสงแน่นอน

ซึ่งก็หมายความว่า คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาตอนนี้ก็คือเจี่ยงส่งผู้มีชื่อเสียงทั่วหลินโจวนั่นเอง

จ้าวกางรู้สึกกังวลใจมาก ถ้าเป็นท่านเจี่ยงจริงๆ ภายในสามวันเขาทำให้บริษัทสื่อซินหัวของตระกูลเขาหายไปจากหลินโจวภายในสามวันได้แน่นอน

“ท่านเจี่ยงครับ ท่านเจี่ยง ผมมีตาแต่ไม่มีแวว ไม่รู้ว่าเป็นท่าน ขอร้องท่านให้อภัยผมเถอะนะครับ” จ จ้าวกางตกใจจนเข่าอ่อน คุกเข่าก้มหัวขอร้องอย่างเร็ว

หากทำให้เจี่ยงส่งไปพอใจ อย่าว่าแต่เขา แม้กระทั่งบริษัทสื่อซินหัวของตระกูลเขาก็ไม่มีที่ยืนในเมืองหลินโจวแน่นอน

อละถ้าหากให้จ้าวซินหัวพ่อของเขารู้เรื่องนี้ล่ะก็ เพราะสาเหตุเกิดจากเขา ที่ทำให้บริษัทสื่อซินหัวเสียกาย จ้าวซินหัวได้ฆ่าลูกชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ทิ้งแน่นอน

อย่าว่าแต่ก้มหัวขอโทษขอโพยเลย ตอนนี้ให้เขาเป็นขี้ข้า เขาก็ยอมแบบไม่คิดอะไรเลย

“คำพูดเมื่อกี๊ ท่านก็คิดซะว่าไม่ได้ยิน ท่านก็ถือซะว่าผมเป็นอากาศ ปล่อยผมไปเถอะครับ” จ้าวกางเหมือนหมาตัวนึง ที่ส่ายหางขอความเห็นใจจากเจี่ยงสง

หลี่เหยนและพวกต่างก็ไม่กล้าพูดอะไร พอรู้ว่าเป็นเจี่ยงสง หลี่เหยนก็กลัวกว่าคนอื่นแล้ว

มีเพียงเว่ยเทียนหมิงมี่ยังดีหน่อย เพราะยังไงเขาก็มีส่วนได้ส่วนเสียกับทางราชการ ต่อให้เป็นเจี่ยงสง ก็ไม่น่าจะทำให้เขาต้องลำบากใจขนาดนั้น

เจี่ยงส่งเดินไปนั่งที่เขตพักผ่อน มองจ้าวกางที่กำลังคุกเข่าขอร้องอยู่ตรงนั้นอย่าไม่แยแส พร้อมพูดว่า “ถ้าทุกคนเหมือนแก ที่พอหาเรื่องฉันแล้วก็พูดดีสองสามคำก็จบ งั้นต่อไปฉันเจี่ยงสงก็คงโดนรังแกได้ไปทั่วสิ”

“อาเฟิง ออกคำสั่งไป ภายในสามวัน ให้บริษัทสื่อซินหัวหายไปจากเมืองหลินโจวซะ” เจี่ยงสงน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนว่าการที่ทำให้บริษัทสื่อที่อยู่แนวหน้าหายไป ง่ายเหมือนการขยี้หมดตัวนึงให้ตายเท่านั้น

จ้าวหางร้อนรนขึ้นมาทันที ก้มหัวเร็วกว่าเดิม ใช้แรงเยอะกว่าเดิม “ท่านเจี่ยง ขอร้องท่านอย่าได้ถือสาเลยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องท่าน ท่านปล่อยผมไปซักครั้งเถอะนะครับ!”

เจี่ยงสงยังคงไม่สนใจ

จ้าวกางรีบหันกลับไป ขอร้องเว่ยเทียนหมิง “คุณชายเว่ย ช่วยฉันหน่อยสิ พ่อนายเป็นรองนายกเทศมนตรี ท่านเจียงต้องไว้หน้าพ่อนายสิ”

จ้างกางเป็นลูกน้องคอยเลียแข้งเลียขาเว่ยเทียนหมิงอยู่เสมอ และอีกอย่างบริษัทสื่อซินหัวของตระกูลจ้าวกางเป็นสื่อที่คอยควบคุมการนำเสนอข่าวของหมืองหลินโจวจริงๆ นี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมเว่ยเทียนหมิงถึงได้รับเขาเป็นลูกน้อง

แน่นอนว่าเว่ยเทียนหมงคงไม่ปล่อยให้บริษัทสื่อซินหัวที่เขาเพิ่งจะผูกสัมพันธ์มาได้หายไปจากหลินโจวง่ายๆ แบบนี้แน่นอน เขาเดินไปข้างหน้า พร้อมก้มตัวด้วยความนอบน้อมแล้วพูดกับเจี่ยงสงว่า “คุณเจี่ยง ผมชื่อเว่ยเทียนหมิง เมื่อกี๊เป็นความผิดของเราทั้งหมด ท่านอย่าได้ถือสาเลย ปล่อยพวกเราไปซักครั้งเถอะนะครับ ถือว่าไว้หน้าผมเถอะนะครับ”

เจี่ยงสงสายตาส่องประกาย มองเว่ยเทียนหมิงด้วยสายตาไม่แยแส “แกเป็นลูกของเว่ยเด๋อหลงเหรอ”

เว่ยเทียนหมิงแอบดีใจ เขารีบตอบไปว่า “ใช่ครับ”

เจี่ยงสงยิ้มอย่างไม่แยแส พร้อมหัวเราะเบาๆ “ถ้าหากว่าเว่ยเด๋อหลงอยู่ ฉันอาจจะไว้หน้าเขาบ้าง แต่แกยังไม่มีสิทธิ์นั้น”

เว่ยเทียนหมิงหน้าแดง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงตน แล้วไม่ได้รับการให้เกียรติเช่นนี้

“คุณเจี่ยง คุณจะเอาเรื่องกับเด็กเมื่อวานซืนอย่างพวกเราไปทำไปกันครับ ไม่กลัวว่าคนอื่นรู้จะกลายเป็นเรื่องตลกเหรอ” เว่ยเทียนหมิงเริ่มโกรธ น้ำเสียงที่พูดออกไปเริ่มไม่พอใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์