จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 548

สรุปบท บทที่ 548 ฉีเฉิงคุนปรากฏตัวแล้ว: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 548 ฉีเฉิงคุนปรากฏตัวแล้ว – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

ตอน บทที่ 548 ฉีเฉิงคุนปรากฏตัวแล้ว ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

อีหลิงจ้องมองคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าที่พูดพล่อยไม่หยุด แล้วพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “ฉันดีอย่างที่นายว่ามาจริงๆงั้นเหรอ? ทำไมแม้แต่ฉันก็ยังไม่รู้เลย”

“ดูเหมือนว่า ฉันคงต้องทบทวนตัวเองใหม่สักแล้วมั้ง”

คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าลุกขึ้นมา ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา เขากลับมาแสดงสีหน้าสูงส่งเหมือนเดิม

“นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ Toba Ertai เคยกล่าวเอาไว้ว่า ทุกคนมองเห็นแค่จุดเด่นและจุดด้อยของผู้อื่น แต่กลับมองไม่เห็นตัวเอง”

“คำพูดนี้มีความหมายเดียวกันกับกวีนิพนธ์โบราณหนึ่งของจีน ไม่รู้จักหน้าตาที่แท้จริงของเขาหลูซาน , เพียงเพราะตัวเองก็อยู่ในขุนเขานี้”

ครั้งนี้ แม้แต่หลินหยุนก็ต้องแปลกใจ

ไอ้เจ้านี้รู้จักบทกวีด้วยเหรอ!

อีหลิงเองก็จ้องมองคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าด้วยความแปลกใจ เธอรู้สึกว่าต้องมองหนุ่มตะวันตกแปลกๆคนนี้ใหม่สักแล้ว

และพวกผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่า ถูกดึงดูดเพราะบทกวีที่เขาพูดออกมาตั้งนานแล้ว กำลังหยิบมือถือขึ้นมา แชะๆๆๆถ่ายรูปของคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่า

ปรากฏว่าคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าหันกลับไปเห็นเข้าพอดี ไอ้หมอนี้ยังโพสต์ท่าให้ถ่ายอีกด้วย

พวกที่มาเข้าร่วมงานประลองยุทธ กำลังเข้าสู่สนาม มีอยู่หลายร้อยคน

เพียงแต่ว่า คนพวกนี้ส่วนใหญ่ล้วนไม่ใช่นักบู๊ เป็นไปได้ว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคนจากโลกบู๊ มาที่นี่เพื่อชมงานเจียงหนาน

ยังไงซะ ตามกฎที่ระบุไว้ในโลกบู๊ ต่อให้จะเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่บู๊ ก็ไม่แน่ว่าทุกคนจะสามารถเป็นนักบู๊ได้

ตามข้อกำหนดขั้นต่ำของการเป็นผู้ฝึกบู๊พวกนั้น ทุกคนที่มีเกณฑ์ถึงนักบู๊ ในสายตาของผู้ฝึกบู๊ล้วนเป็นอัจฉริยะกันทั้งนั้น

เหล่าลูกหลานของตระกูลใหญ่ที่ไม่สามารถเป็นผู้ฝึกบู๊ได้ล่ะจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? พวกเขามีทางเลือกแค่ต้องไปโลกมนุษย์เพื่อหาเงิน ได้แต่หวังว่าลูกหลานของตัวเอง จะสามารถกลายเป็นผู้ฝึกบู๊ได้ในสักวัน

ก็เหมือนกับพ่อตาของหลินหยุนเซี่ยเจี้ยนโก๋ เพราะว่าไม่สามารถเป็นผู้ฝึกบู๊ได้ จึงโดนตระกูลเซี่ยจากตระกูลใหญ่การแพทย์ขับไล่ออกมา

ทั้งชีวิตนี้คิดแต่เรื่องหาทางกลับไปยังตระกูลเซี่ย

ดังนั้น งานประลองยุทธกลับมีคนธรรมดามากกว่านักบู๊ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

คนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีคนบางกลุ่มเริ่มพูดคุยกันขึ้นมา

“ได้ยินไหม? งานประลองยุทธในครั้งนี้ ของรางวัลที่ตระกูลโล่เอาออกมาเดิมพัน กลับเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง!”

“ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว ของรางวัลในครั้งนี้ของตระกูลโล่ เป็นลูกสาวของเจ้าบ้านโล่ นางเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก!”

“ใครที่สามารถคว้าถ้วยรางวัลของงานประลองยุทธในครั้งนี้ ก็จะสามารถเข้าไปยังตระกูลโล่ แล้วได้สาวงามมาครอบครอง”

“ตระกูลโล่เป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของโลกบู๊เจียงหนาน ทุกครั้งผู้ที่เป็นเจ้าภาพของงานประลองยุทธล้วนเป็นเจ้าบ้านโล่ ของสะสมในตระกูลโล่ไม่ใช่สิ่งพวกเราจะจินตนาการได้ ถ้าเกิดใครโชคดีได้เข้าไปยังตระกูลโล่ แล้วได้รับความช่วยเหลือจากตำราวิชาของตระกูลโล่ ก็จะเหมือนกับเสือติดปีก!”

“อย่าคิดเลย ทางด้านนั้นยังมีผู้อาวุโสอยู่มากมายเลยนะ? ถ้วยรางวัลจะต้องเป็นของพวกเขาอย่างแน่นอน” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยเสียงท้อแท้

“นั่นสินะ พวกเจ้าว่างานประลองยุทธในครั้งนี้ บรรพบุรุษของตระกูลโล่จะออกมาจากการบำเพ็ญไหม?”

“น่าจะไม่ โล่อู๋จี๋เป็นคนระดับไหนกัน ยิ่งใหญ่กว่าเทพสงครามเจียงร่อโจ๋ที่อยู่ในเมืองหลวงอีก มีชื่อเสียงระดับเดียวกับเทพกระบี่เยนหนานเทียน ได้ฉายาว่าเทพแห่งทวน เขาน่าจะปิดตัวเพื่อบำเพ็ญให้ถึงแดนในตำนานนั้น คงจะไม่สนใจงานแบบนี้หรอก”

“พูดอีกก็ถูกอีก สามสิบปีก่อนได้ยินมาว่าโล่อู๋จี๋เป็นถึงปรมาจารย์ระดับแถวหน้า ตอนนี้ปิดตัวบำเพ็ญมาสามสิบปีแล้ว เกรงว่าความแข็งแกร่งคงเข้าไปยังแดนตำนานนั้นแล้ว”

คำพูดของคนพวกนี้ ล้วนไปถึงหูของหลินหยุน

“ตระกูลโล่ เทพแห่งทวนโล่อู๋จี๋!”

“ดูเหมือนว่า โลกบู๊เจียงหนาน ยังมีคนมีฝีมืออยู่”

“แต่ว่า กลับใช้ลูกสาวตัวเองเป็นเหยื่อล่อ เพื่อล่อคนเข้ามายังตระกูลโล่ วิธีแบบนี้ช่างเป็นวิธีที่ไร้ยางอายซะจริง!”

ไม่แปลกใจที่รัฐบาลจีนจะเชิญเขามาเป็นอาจารย์บู๊ของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้า

และเหตุผลที่เขากล้าทำตัวหยิ่งผยอง ในเขตของรัฐบาลจีน ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว

ครั้งนี้ฉีเฉิงคุนเป็นตัวแทนของตระกูลฉี เริ่มพูดคุยกับเจ้าบ้านของตระกูลใหญ่อื่นๆ

คนที่ฉีเฉิงคุนพามา ล้วนแยกย้ายกันออกไป วัยรุ่นต้องไปหาวัยด้วยกันอยู่แล้ว

ที่นั่งของหลินหยุนกับอีหลิง ห่างจากคนของฉีเฉิงคุนไม่มากนัก ด้วยประสาทการรับฟังของหลินหยุน ขอแค่อยากจะฟัง ต่อให้พวกฉีเฉิงคุนจะพูดด้วยเสียงที่เบาขนาดไหน หลินหยุนก็ได้ยินอยู่ดี

แต่ว่าตั้งแต่ที่ฉีเฉิงคุนนั่งลง ก็ไม่ค่อยพูดอะไรมากนัก ล้วนเป็นเจ้าบ้านตระกูลใหญ่อื่นๆที่มากล่าวทักทายเขา

ดูเหมือนว่า ประจบสอพลอใช้ได้ทุกที่จริงๆ แม้แต่ในโลกบู๊ ก็ยังหลีกหนีเรื่องนี้ไม่พ้น

พอเห็นว่าพวกฉีเฉิงคุนเริ่มพูดคุยกันขึ้นมา ใช้โอกาสที่งานประลองยุทธยังไม่เริ่ม เหล่าตระกูลเล็กๆกับเหล่านิกายเล็กๆ ต่างก็ไปกล่าวทักทายฉีเฉิงคุนและเจ้าบ้านตระกูลใหญ่อื่นๆ

จากนั้น ทุกคนก็มารวมตัวกัน แล้วพูดประจบสอพลอฉีเฉิงคุนอีกแล้ว

แต่ว่า ไม่ว่าพวกเขาจะพูดจาไปเรื่อยขนาดไหน ก็ไม่กล้าล่วงเกินตระกูลโล่

ถึงแม้ตระกูลฉีจะเป็นตระกูลใหญ่อันดับสองในโลกบู๊เจียงหนาน แต่พอเทียบกับอันดับหนึ่ง ก็ยังห่างชั้นอยู่มาก

ฉีเฉิงคุนเองก็รู้ตัวดี พอพูดถึงตระกูลโล่เมื่อไหร่ เขาก็จะทำสีหน้าเคารพ ทำให้คนอื่นไม่สามารถจับผิดได้แม้แต่นิดเดียว

“ปรมาจารย์ฉี ได้ยินมาว่าท่านไปเป็นอาจารย์บู๊ของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้าของรัฐบาลจีน ท่านคิดว่าฝีมือของรัฐบาลจีนเป็นยังไงบ้าง?” เจ้าบ้านของตระกูลลู่ ลู่ฉางหลินถามขึ้นมา

ฉีเฉิงยิ้มอย่างเย็นชา ใบหน้าเผยความดูถูกออกมา “ก็แค่พวกไม่เอาถ่าน ยังคิดจะเรียนวิชาโลกบู๊ของพวกเราอีกงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”

“ข้าไม่คิดจะสอนพวกเขาจริงๆจังๆแม้แต่น้อย!”

“ปรมาจารย์ฉีช่างคิดได้รอบคอบจริงๆ! ถึงแม้พวกเราจะมีสัญญากับรัฐบาลจีน แต่ว่า จะปล่อยให้พวกเขาแอบเรียนวิชาบู๊ของพวกเราไม่ได้เป็นอันขาด ไม่อย่างงั้น อีกหน่อยตำแหน่งโลกบู๊ในประเทศจีน จะต้องตกต่ำยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน” เจ้าบ้านจ้าวพูดด้วยเสียงจริงจัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์