“ฮ่าๆ ก็แค่เด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไม่ต้องไปสนใจหรอก!” เจ้าบ้านลู่หัวเราะ แล้วเมินเย่จื่อเชี่ยนอย่างสิ้นเชิง
คนอื่นๆก็เหมือนกับ ถ้าเกิดที่นี่ไม่ใช่ที่รวมตัวของเหล่านักบู๊ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพพจน์แบบนี้
คนที่ถูกตระกูลทอดทิ้งอย่างเย่จื่อเชี่ยน พวกเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจด้วยซ้ำ
การที่พวกเขายอมพูดกับเย่จื่อเชี่ยน ก็ถือเป็นเกียรติสูงสุดของเธอแล้ว
แต่ว่า เย่จื่อเชี่ยนก็ยังไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆแบบนี้
เธอทำหน้าจริงจัง จ้องมองเหล่าเจ้าบ้านของแต่ละตระกูล แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “งั้นพวกท่านเคยเจอปรมาจารย์หลินหรือเปล่า?”
“ถ้าเกิดไม่เคยเจอมาก่อน พวกท่านมีสิทธิ์อะไรถึงไปบอกว่าเขาเป็นคนที่ไม่มีอะไรดีเลย!”
เหล่าเจ้าบ้านต่างก็อึ้งไปสักพัก พูดอะไรไม่ออก
ในหมู่พวกเขาไม่มีใครเคยเจอปรมาจารย์หลินมาก่อน แต่ว่า พวกเขากลับเอาแต่พูดจาแย่ๆในที่แบบนี้ แต่ละคำพูดล้วนเป็นการลดคุณค่าของปรมาจารย์หลิน
แต่พอมีเด็กสาวออกมาพูดแทนปรมาจารย์หลิน พวกเขาก็ใช้คำที่ไม่เคยเจอปรมาจารย์หลินมาก่อน เพื่อปฏิเสธคำพูดที่เด็กสาวคนนี้พูดออกมา
แต่ว่าตอนนี้ กลับโดนเด็กสาวคนนี้ใช้คำพูดของพวกเขา เพื่อบีบให้พวกเขาเถียงไม่ออก
ทันใดนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก เหล่าเจ้าบ้านต่างก็แสดงสีหน้าที่แย่มาก แววตาที่จ้องมองเย่จื่อเชี่ยน เต็มไปด้วยความโมโห
ถ้าเกิดที่นี่ไม่ใช่ที่รวมตัวของเหล่านักบู๊ล่ะก็ เย่จื่อเชี่ยนคงตายไปหลายรอบแล้ว แต่ว่า ตอนนี้ที่สนามมีคนมากมายจ้องมองพวกเขาอยู่ ต่อให้พวกเขาอยากแยกชิ้นส่วนเย่จื่อเชี่ยนเป็นหมื่นๆชิ้น ตอนนี้ก็มีแต่ต้องอดทนเอาไว้เท่านั้น
ส่วนเย่จื่อเชี่ยนก็ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรแล้ว พูดต่อว่า “พวกท่านก็ไม่เคยเจอปรมาจารย์หลินด้วยซ้ำ แต่กลับบอกว่าปรมาจารย์หลินเป็นเหมือนกับมด นี่มันเป็นการพูดด้วยที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลยไม่ใช่หรือไง?”
“……”
คำพูดนี้คุ้นหูเป็นอย่างมาก เป็นการพูดที่เมื่อกี้ฉีเฉิงคุนใช้จู่โจมเย่จื่อเชี่ยน
แต่ตอนนี้ กลับโดนเย่จื่อเชี่ยนใช้เพื่อตบหน้าเหล่าเจ้าบ้านทุกคน
หน้าของฉีเฉิงคุนและเหล่าเจ้าบ้านต่างก็ดำมืดราวกับเป็นก้นหม้อกระทะ แต่ กลับทำอะไรไม่ได้
พวกเขาพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ไม่สามารถโต้เถียงเย่จื่อเชี่ยนได้แม้แต่น้อย
“ไปตรวจสอบสิ ยัยเด็กนี้เป็นลูกของใครกัน ไปเรียกพ่อแม่มาพายัยหนูนี้กลับไปซะ!” เจ้าบ้านซิงที่อยู่ข้างๆหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องคนหนึ่ง
“ครับ!”
ลูกน้องคนนั้นรีบออกไปทันที
พอเห็นว่าฉีเฉิงคุนทำอะไรไม่ถูก เจ้าบ้านลู่จึงรีบลุกขึ้นมาเพื่อทำให้สถานการณ์กลับมาเหมือนเดิม “ฮ่าๆ พี่ฉี วันนี้เป็นงานประลองยุทธเจียงหนานที่สามปีจะจัดขึ้นสักครั้งในโลกบู๊ อย่าให้คนนอกมาทำให้เสียอารมณ์เลย”
“มาเถอะ ไม่ต้องไปพูดถึงเจ้าคนนอกคนนั้นแล้ว พวกเรามาทายกันดีกว่าว่าครั้งนี้ถ้วยรางวัล จะไปอยู่ที่ตระกูลไหน!”
“ฮ่าๆ นี่ยังต้องทายอีกเหรอ? ตระกูลโล่เป็นเจ้าภาพ ตระกูลโล่คงไม่ลงแข่งขันอยู่แล้ว งั้นจะเหลือตระกูลไหน ที่สามารถแข่งกับตระกูลฉีได้อีกล่ะ?” เจ้าบ้านจ้าวพูดเสียงดังพร้อมหัวเราะไปด้วย แล้วก็ไม่ลืมที่จะเอาใจฉีเฉิงคุนไปอีกหนึ่งประโยค
ทุกคนต่างก็เมินเย่จื่อเชี่ยนไว้อย่างนั้น
เย่จื่อเชี่ยนมองความคิดเหล่าเจ้าบ้านของโลกบู๊เจียงหนานออกแล้ว จึงกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง ไม่ได้พูดอะไรอีก
ฉีเฉิงคุนพูดกับเหล่าเจ้าบ้านไป พร้อมกับแอบมองไปยังที่ที่เย่จื่อเชี่ยนนั่งอยู่ แววตาเผยความดุร้ายออกมา
เวลานี้ จู่ๆก็มีเสียงวุ่นวายเกิดขึ้นในฝูงชน
“ดูเร็วเข้า คนนั้นวิ่งออกมาทั้งๆที่ใส่แค่กางเกงใน!”
“ใครน่ะ ถึงได้เปิดเผยขนาดนี้!”
“......ทำไมถึงเหมือนกับคุณชายฉีซือหย่วนจากตระกูลฉีเลยล่ะ!”
“ว้าว เป็นฉีซือหย่วนจริงด้วย! นี่มันสถานการณ์อะไรกันเนี่ย? หรือว่าคุณชายฉีจะคิดค้นวิธีเล่นแบบใหม่ได้งั้นเหรอ!”
ฉีซือหย่วนวิ่งไปข้างๆฉีเฉิงคุนด้วยความโมโห เพราะว่าฟันโดนตบจนหลุดไปหลายซี่ จึงพูดไม่ค่อยชัดสักเท่าไหร่
“คุณลุง มีคนมาทำร้ายข้า คุณลุงต้องแก้แค้นให้ข้านะ!”
เหล่าเจ้าบ้านต่างก็พยายามกลั้นขำเอาไว้ แสร้งแสดงสีหน้าเป็นห่วงออกมา
เจ้าบ้านลู่ถามด้วยใบหน้าตกใจว่า “หลานฉี เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...