จากข้อมูลที่ยิ่งตงไหลได้ให้ไว้ หลินหยุนใช้เวลาไปครึ่งวัน ก็มาถึงที่หน้าประตูใหญ่ของหุบเขาเทพยา
แต่ว่า หุบเขาเทพยานี้กับที่หลินหยุนจินตนาการเอาไว้ กลับแตกต่างกันอย่างมาก
ตามที่กล่าวไว้ หุบเขาเทพยาสังกัดภายใต้อิทธิพลของโลกบู๊ ควรจะปลีกตัวอยู่อย่างสันโดษจากโลกมนุษย์ หรืออยู่ภายในป่าเขาที่ลึกลับหรืออุโมงค์ทึบ
ทว่า หุบเขาเทพยากลับอยู่บนพื้นที่หลายสิบเอเคอร์อย่างเปิดเผย โดยได้สร้างคฤหาสน์ขึ้นที่ปลายเขา
นี่ไม่ใช่ปลีกตัวออกจากโลกมนุษย์ แต่นี่คือการอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์โดยสิ้นเชิง
ประตูใหญ่ของหุบเขาเทพยาสวยงามตระการตา ลอกเลียนแบบสิ่งก่อสร้างพระราชวังในสมัยโบราณ คล้ายคลึงกับถนนหงส์แดงในสมัยราชวงศ์ถัง
ด้านบนยอดของประตูใหญ่ แกะสลักตัวอักษรคำว่าหุบเขาเทพยาสีทองที่มีความทรงพลัง สง่างดงาม เรียบง่ายและมีอำนาจ
หน้าประตูมียามรักษาความปลอดภัยยืนเฝ้าเวรยาม ต่างอยู่ในชุดทำงาน บุคลิกองอาจห้าวหาญ ใบหน้ามีท่าทางหยิ่งยโส เหมือนกับว่าการได้เฝ้าดูแลประตูใหญ่ของหุบเขาเทพยา เป็นเรื่องที่มีเกียรติและน่าภาคภูมิใจอย่างที่สุด
ด้านหลังของประตูใหญ่ มีรูปปั้นขนาดใหญ่ยืนตระหง่านอยู่
ไม่ทราบว่าเป็นรูปปั้นของใคร แต่อยู่ในชุดโบราณ ในมือถือหม้อสามขา คงน่าจะเป็นปรมาจารย์กลั่นยาท่านใดท่านหนึ่ง หรืออาจจะเป็นผู้ก่อตั้งหุบเขาเทพยา
ด้านหน้าประตูใหญ่ของหุบเขาเทพยา มีคนจำนวนมาก โดยยืนเข้าแถวยาวสองแถว
หลินหยุนไม่รู้ว่าคนเหล่านี้กำลังทำอะไร หรือว่าทั้งหมดมาเพื่อขอยาสมุนไพร?
เวลานี้ หลินหยุนมองเห็นสาวน้อยในชุดเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง เดินตรงมาทางนี้
สาวน้อยอายุไม่มาก คาดว่าคงจะยี่สิบปีต้น ๆ ผมยาว ปกปิดครึ่งใบหน้าจึงทำให้มองเห็นหน้าตาที่ไม่ชัดเจน
เสื้อผ้าของเธอนั้นขาดรุ่งริ่ง แต่ก็ยังถือว่าสะอาดเรียบร้อย โดยเสื้อผ้าที่หยาบและเรียบง่าย ยังมีการถูกเย็บปะอีกหลายแห่งด้วย
สมัยนี้ ไม่ต้องพูดถึงวัยรุ่นอายุยี่สิบปีต้น ๆ ต่อให้เป็นคนชรา ก็น้อยมากที่จะมีคนสวมใส่เสื้อผ้าที่มีการเย็บปะ
สาวน้อยเดินไปยังหน้าประตูหุบเขาเทพยา แล้วคุกเข่าลงที่กำแพง ก้มหน้า โดยไม่พูดไม่จา
มองจากท่วงท่าที่ชำนาญของเธอนั้น รวมไปถึงพื้นซีเมนต์ที่สะอาดบริเวณโดยรอบของตัวเธอ สามารถมองออกได้ว่า คงจะไม่ใช่วันแรกที่เธอมาคุกเข่าที่นี่แล้ว
หลินหยุนมีความแปลกใจ ต่อสาวน้อยคนนี้
เวลานี้ ชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีขาวคนหนึ่ง เดินออกมาจากด้านในประตูใหญ่ แล้วตะโกนพูดกับทุกคนที่กำลังเข้าแถวอยู่ว่า: “แยกย้ายได้แล้ว แยกย้ายกันไปได้แล้ว ช่วงนี้สมุนไพรของหุบเขาเทพยาไม่เพียงพอ จึงไม่จำหน่ายให้กับคนภายนอก พวกคุณกลับไปกันเถอะ อย่าได้มาแออัดอยู่ที่นี่อีกเลย! ”
แต่ว่า คำพูดของเขาไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด แถวที่ยาวนั้นไม่มีสักคนที่จะแยกย้ายจากไป
หลินหยุนเดินเข้าไป ยืนต่อแถวด้านหลังแถวหนึ่ง แล้วก็หันไปถามพี่ผู้หญิงคนหนึ่งว่า: “ไม่ใช่พูดว่าไม่จำหน่ายให้กับคนภายนอกไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมทุกคนยังคงยืนต่อแถวกันอยู่อีกล่ะ? ”
พี่ผู้หญิงคนมองไปที่หลินหยุน และพูดว่า: “นายมาจากต่างถิ่นเพื่อมาขอซื้อสมุนไพรล่ะสิ ! ไม่ใช่ว่าหุบเขาเทพยาไม่จำหน่ายยาให้กับคนภายนอก แต่เปลี่ยนวิธีการจำหน่ายในอีกรูปแบบหนึ่ง”
แววตาของหลินหยุนเคลื่อนไหวเล็กน้อย: “เปลี่ยนวิธีการจำหน่ายในอีกรูปแบบหนึ่ง? ”
พี่ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า: “ก็คือการแลกเปลี่ยน คุณต้องการที่จะขอซื้อยาอะไร ก็ใช้สิ่งของที่มีราคาเท่าเทียมกันนำไปแลกเปลี่ยนกับหุบเขาเทพยา”
“โดยทั่วไปทุกคนจะนำยาสมุนไพรไปแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะยาสมุนไพรที่หาได้ยาก ได้ยินว่าคนของหุบเขาเทพยา ชอบสิ่งของที่แปลกประหลาดแบบนั้น”
“ข้าได้ยินว่าครั้งก่อนมีคนหนึ่ง ใช้หินก้อนหนึ่ง แลกเปลี่ยนยาทิพย์สามเม็ดของหุบเขาเทพยา”
“ยาทิพย์สามเม็ดของหุบเขาเทพยา โดยที่เม็ดเดียวก็สามารถนำไปขายได้ในราคาหลักล้าน ซึ่งเป็นของล้ำค่าที่มีความต้องการเป็นอย่างมาก”
“ครั้งนี้ฉันเองก็ขึ้นไปบนเขาแล้วเก็บก้อนหินมาหนึ่งก้อน ดังนั้นจึงมาลองเสี่ยงโชคดู”
ขณะที่พูด พี่ผู้หญิงคนนั้นก็ล้วงเอาถุงผ้าออกมาจากกระเป๋า โดยได้เปิดถุงผ้านั้นอย่างระมัดระวัง ปรากฏเป็นหินประหลาดที่มีขนาดใหญ่เท่ากับฝ่ามือ
หลินหยุนมองดูเล็กน้อย หินก้อนนั้นมีสีสันที่แปลกประหลาด รูปทรงก็แปลกประหลาด แต่เป็นเพียงแค่ก้อนหินธรรมดา คาดว่าพี่ผู้หญิงคนนี้คงจะต้องผิดหวัง
แต่ว่า หุบเขาเทพยานี้กำลังทำอะไรอยู่? ไม่แปลกที่ทำให้มีคนจำนวนมากมายืนเข้าแถว ซึ่งดูเหมือนว่ามีคนจำนวนมาก ต่างก็หวังที่จะลองเสี่ยงโชคเพื่อทำการแลกเปลี่ยน โดยที่ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนป่วยที่ต้องการรักษาช่วยชีวิตอย่างแท้จริง
เวลานี้ รถซุปเปอร์คาร์สีขาวที่สง่างามคันหนึ่ง ขับมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากเลี้ยวหักศอกอย่างสวยงาม รถซุปเปอร์คาร์ก็หยุดจอดอยู่ที่ด้านข้างของประตูใหญ่ โดยมีระยะห่างจากสาวน้อยที่คุกเข่านั้นเพียงแค่หนึ่งเมตร
ประตูรถได้เปิดขึ้น ชายหนุ่มในชุดเสื้อผ้าที่ทันสมัย ใบหน้าแฝงไปด้วยความหยิ่งยโส ได้ลงมาจากที่นั่งของคนขับ
และได้ใช้เท้าเตะไปยังร่างของสาวน้อยคนนั้น
“ขอทานมาจากที่ไหน ถึงกล้ามาขัดขวางทางของข้า! ” ชายหนุ่มดุด่ายกใหญ่ จากนั้นก็ใช้เท้าเตะเข้าใส่ร่างของสาวน้อย ทำให้สาวน้อยล้มลงไปกองกับพื้น
ผู้คนโดยรอบมีความโกรธแค้นขึ้น เป็นเขาเองที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ เตะเข้าไปที่สาวน้อยคนนั้น แล้วกลับไปโทษว่าสาวน้อยขัดขวางทางเดินของเขา
มีอย่างที่ไหนกัน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...