จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 618

หลินโร่สุ่ยเบ้ปาก ใบหน้าที่สะสวยแสดงออกถึงความรู้สึกดูถูก กำลังคิดจะโต้แย้ง

แต่ว่า ถูกพี่สาวของเธอหลินโร่หลันทำตาถลนใส่ จึงได้แต่หันหน้าไปที่อื่นอย่างไม่พอใจ จงใจไม่ไปมองหน้าเธอ เป็นการประท้วงเงียบ

ชายหนุ่มทั้งสี่คนนั้นล้อมรอบหลินหยุนไว้ เจี่ยงเฉิงมองไปยังหลินหยุนแล้วแสยะยิ้ม “เจ้าหนู ถ้าตอนนี้แกคุกเข่าลงต่อหน้าฉัน แล้วโขกหัวยอมรับผิดกับฉัน ฉันอาจจะพิจารณาปล่อยแกไปสักครั้งก็ได้นะ!”

หลินหยุนไม่ได้สนใจ ส่งเสียงดังฮึ่ม แล้วก้าวเท้าออกมา พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แข็งแกร่งก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ทันใดนั้น ทั้งสี่คนนั้นก็ส่งเสียงอู้อี้ รู้สึกเหมือนมีภูเขาลูกใหญ่ถล่มลงมาอย่างกะทันหัน

พวกเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น ไม่มีทางที่จะแบกรับพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่หลินหยุนปล่อยออกมาได้ จึงถูกสะกดอยู่กับที่ทันที ไม่สามารถเดินต่อไปอีกแม้แต่ก้าวเดียว

เมื่อเห็นลูกน้องทั้งสี่คนของตัวเอง สีหน้าดูน่าเกลียด หยดเหงื่อเม็ดโตๆก็ไหลจากหน้าผากไม่หยุดหย่อน ชายหนุ่มหัวล้านคนนั้นก็รีบบุกเข้าไปหาหลินหยุนทันที ชูกำปั้นขึ้นแล้วชกหมัดไปยังตรงหน้าหลินหยุน

เจี่ยงเฉิงยิ้มอย่างสะใจ แนะนำกับหลินโล่เฉินและหลินโร่หลันว่า “นี่คือลูกน้องของฉันที่เก่งที่สุดในบรรดาบอร์ดี้การ์ดทั้งหมด เขาเคยชกวัวตายไปตัวหนึ่งด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว”

“แค่รูปร่างของเจ้าเด็กคนนี้ แม้แต่นิ้วหัวแม่โป้งของเขาก็ยังรับไม่ไหวเลย”

หลินโล่เฉินมองดูชายหนุ่มหัวล้านคนนั้น แต่ก็ไม่พูดอะไร

หลินหยุนมองไปยังชายหนุ่มหัวล้านคนนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในสายตาผู้คนภายนอก ชายหนุ่มหัวล้านคนนั้นว่องไวมาก ชกด้วยหมัดที่หนักหน่วงมาก แต่สำหรับในสายตาของหลินหยุนแล้ว เชื่องช้าราวกับหอยทากที่คลานอยู่บนพื้น

เมื่อรอจนหมัดนั้นใกล้จะประชิดตัวหลินหยุนแล้ว ทันใดนั้นหลินหยุนก็ใช้ฝ่ามือปาดออกไป

โป้ง!

ชายหนุ่มคนนั้นถูกแรงมหาศาลพัดกระเด็นออกไป ชนกับกำแพงด้านหลัง ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น จากนั้นก็ตกลงมาบนพื้นอย่างแรง จนสลบไปไม่รู้สึกตัวอีกเลย

“นี่......เป็นไปได้ยังไงกัน!”

เจี่ยงเฉิงหน้าถอดสี มองไปยังชายหนุ่มหัวล้านที่สลบอยู่บนพื้นอย่างไม่อยากจะเชื่อเลย

“ไอ้เด็กเวร แกเล่นขี้โกง!”

เจี่ยงเฉิงสังเกตดูหลินหยุนจากหัวจรดเท้า ก็ไม่พบว่ามีอาวุธอะไรอยู่ในมือของหลินหยุนเลย แต่ว่าเขาก็ไม่เชื่อว่า ลูกน้องที่เก่งกาจเช่นนั้นของตัวเอง เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยุนแล้วถึงได้อ่อนหัดขนาดนี้

คนของตระกูลหลินทั้งสาม มองดูหลินหยุนด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป

หลินโล่เฉินหรี่ตาเล็กน้อย แล้วมองไปยังหลินหยุนหลายครั้ง

หลินโร่หลันตกตะลึงเล็กน้อย รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับพลังความสามารถของหลินหยุน

ส่วนหลินโร่สุ่ยกลับถามด้วยสีหน้าที่ใสซื่อว่า “พี่เจี่ยงเฉิงคะ นี่ก็คือลูกน้องที่เก่งที่สุดในบรรดาบอดี้การ์ดของพี่เหรอ? ดูไปแล้วก็ไม่เท่าไหร่เลยนะ!”

เมื่อถูกสาวหน้อยหลินโร่สุ่ยดูถูกเช่นนี้ เจี่ยงเฉิงรู้สึกเสียหน้าบ้างเล็กน้อย

เจี่ยงเฉิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “น้องโร่สุ่ยครับ ไม่ใช่เพราะว่าบอดี้การ์ดของพี่ไม่เก่งแต่เป็นเพราะว่าเจ้าเด็กนั่นใช้วิธีสกปรกอะไรที่พวกเราไม่รู้ต่างหาก”

หลังจากนั้น เจี่ยงเฉิงก็รีบตะโกนใส่บอดี้การ์ดสี่คนที่ยังยืนอยู่พวกนั้น “พวกแกทำไมยังยืนซื่อบื้ออยู่อีก รีบบุกเข้าไปสิ!”

ชายหนุ่มทั้งสี่คนนั้นตอนนี้ไม่สามารถจะขยับเขยื้อนได้เลย พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แข็งแกร่งของหลินหยุน ราวกับภูเขาลูกใหญ่ทับลงบนร่างของพวกเขา พวกเขาสามารถที่จะยืนหยัดต้านทานไว้จนถึงตอนนี้ได้ ก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว

หลินหยุนรู้สึกประหลาดใจต่อความมุ่งมั่นของชายหนุ่มพวกนี้ พวกเขาก็ไม่ได้เป็นนักบู๊แต่กลับสามารถที่จะยืนหยัดต่อต้านพลังอันน่าสะพรึงกลัวของเขาได้นานถึงเพียงนี้

จะเห็นได้ว่า ทั้งสี่คนนี้มีจิตใจมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งมากทีเดียว

ในขณะที่เจี่ยงเฉิงกำลังตะคอกใส่ชายหนุ่มพวกนั้น

หลินหยุนก็เพิ่มพลังมากขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้น ชายหนุ่มทั้งสี่คนก็คุกเข่าลงไปกับพื้นทันที

เอ่อ!

เจี่ยงเฉิงสีหน้าชะงักไปทันที

“ฮ่าๆ!” หลินโร่สุ่ยกลับหัวเราะออกมาทันที ยิ่งทำให้ใบหน้าของเจี่ยงเฉิงรู้สึกร้อนผ่าวมากขึ้น

ท่านหม่าก็ถอนหายใจ มองดูใบหน้าที่โหดเหี้ยมของเจี่ยงเฉิง ในใจก็พูดอย่างจนปัญญาว่า “ฉันก็บอกแต่แรกแล้ว พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา แกก็ไม่เชื่อ ตอนนี้อับอายขายขี้หน้าแล้วสิ!”

มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งรุ่นที่แล้วของประเทศจีน น่าจะไม่ใช่บุคคลที่เพิ่งแจ้งเกิดใหม่อย่างปรมาจารย์หลินที่จะสามารถเทียบเคียงได้

มองไปยังหลินหยุนที่เดินมาถึงตรงหน้า เจี่ยงเฉิงก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว

“เจ้าหนู แกคิดจะทำอะไร? แกคิดให้ดีนะ ฉันเป็นคนของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันเชียวนะ!”

หลินหยุนสีหน้าไร้ความรู้สึก ดูเหมือนว่าไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเจี่ยงเฉิงเลย ตะคอกด้วยเสียงเรียบๆว่า “คุกเข่าลง”

พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมา เจี่ยงเฉิงรู้สึกแต่เพียงว่ามีภูเขาลูกใหญ่ถล่มลงมาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาคุกเข่าลงไปกับพื้นอย่างเชื่อฟังคำสั่ง

หลินโล่เฉินทั้งสามคนต่างมองหน้ากัน

“เจี่ยงเฉิงที่นิสัยหยิ่งยโสขนาดนี้ ถึงกับ.......คุกเข่าลงจริงๆด้วย!” หลินโล่เฉินแสดงสีหน้าที่เหลือเชื่อออกมา

คนอย่างเจี่ยงเฉิงที่เคยสูงส่งมาโดยตลอด ไหนเลยจะเคยถูกหยามเหยียดถึงเพียงนี้? แต่ว่าเขาก็จำต้องอดทนไว้ เขารู้ดีว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไม่สนใจว่าเขาเป็นคนของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันหรือไม่ ถ้าตัวเองยังจะขัดขืนละก็ อาจเป็นไปได้ที่จะต้องสูญเสียชีวิตด้วยซ้ำไป

“พี่หลิน......” เจี่ยงเฉิงมองไปยังหลินโล่เฉินอย่างลำบาก แล้วส่งเสียงขอความช่วยเหลือ

หลินโล่เฉินคิดดูแล้ว ต่อไปตัวเองยังต้องร่วมมือกับเจี่ยงเฉิงอีก ย่อมไม่สามารถจะมองดูเจี่ยงเฉิงถูกหลินหยุนหยามเกียรติเป็นธรรมดา

หลินโล่เฉินมองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าเย็นชา พูดด้วยเสียงเข้มว่า “แกคิดให้ดีนะ วันนี้แกแตะต้องเขา แกจะต้องเผชิญกับการลุกฮือของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนัน ต่อให้ตัวแกสามารถที่จะหลบพ้นไปได้ แล้วครอบครัวตระกูลแกล่ะ? แกจะทำให้ครอบครัวตระกูลแกเดือดร้อนกันไปหมด”

หลินโล่เฉินสมแล้วที่เป็นอัจฉริยะรุ่นใหม่ของตระกูลหลิน เพียงแค่คำพูดธรรมดา ก็ใช้เป็นกลยุทธ์ในการจู่โจมจุดอ่อนของศัตรูได้

เขาไม่ได้เตือนหลินหยุน และก็ไม่ได้ข่มขู่หลินหยุนด้วย แต่ไปลงมือที่ครอบครัวตระกูลของหลินหยุนต่างหาก

เพราะว่าครอบครัวตระกูลของหลินหยุนนั้น ย่อมจะต้องมีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของเขาอยู่ด้วย ถ้าหากหลินหยุนให้ความสำคัญกับครอบครัวตระกูลเขาแล้ว เขาก็คงจะต้องคิดไตร่ตรองให้ดีก่อน ไม่ใช่เพียงเพราะอารมณ์โมโหชั่ววูบ แตะต้องเจี่ยงเฉิงแล้ว ก็จะทำให้ครอบครัวตระกูลทั้งหมดจะต้องเผชิญกับการแก้แค้นของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนัน

น่าเสียดายที่ว่า เขาดูถูกหลินหยุนไปแล้ว และยกย่องพลังความสามารถของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันสูงมากเกินไป

หลินโร่สุ่ยก็รีบพูดเตือนว่า “พี่ชายคะ มีเรื่องอะไรค่อยๆคุยกัน คุณพี่อย่าเพิ่งวู่วามนะคะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์