หลินโร่สุ่ยพูดเตือนหลินหยุนด้วยความจริงใจ เธอกังวลว่าหลินหยุนเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ถ้าลงมือจัดการกับเจี่ยงเฉิง แล้วจะต้องเผชิญกับการแก้แค้นของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนัน
อย่างน้อยในประเทศจีนนั้น นอกจากสี่ตระกูลยิ่งใหญ่แห่งเมืองหลวงแล้ว อำนาจอิทธิพลของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันนั้น ก็ยังไม่มีอำนาจใดๆจากที่ไหนจะมาเทียบเคียงได้เลย
หยางเทียนโย่วก็รีบเตือนหลินหยุนอยู่ข้างหลังว่า “ใช่แล้ว อย่าเพิ่งลงมือเลย พวกเราเพียงแต่อยากจะมาช่วยคนเท่านั้น”
ถ้าหากสามารถที่จะไม่เป็นศัตรูกับตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันได้ หยางเทียนโย่วก็ไม่อยากจะไปมีเรื่องกับเขาจริงๆ เขาเพียงแต่อยากจะให้หลินหยุนช่วยพ่อเขาออกมาเท่านั้นเอง
หลินหยุนสามารถที่จะไม่แยแสก็ได้ แต่ว่าหยางเทียนโย่วหวาดกลัวแล้วสิ!
โดยเฉพาะบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้น อยู่ห่างจากอาณาจักรของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันไม่ไกลนัก อำนาจอิทธิพลของตระกูลเจี่ยงครอบคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
ถ้าหากมีปัญหากับตระกูลเจี่ยงแล้ว ต่อไปพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร?
หลินหยุนมองดูหลินโล่เฉิน ด้วยสายตาที่เรียบเฉย เมื่อชาติที่แล้วหลินโล่เฉินเป็นไอดอลที่เขาได้แต่แหงนมองมาโดยตลอด ทุกครั้งที่เห็นหลินโล่เฉินก็เหมือนแฟนคลับที่ได้เห็นดาราที่ชื่นชอบของตัวเอง กริยาท่าทางทุกอย่างและทุกคำพูดย่างก้าวของหลินโล่เฉิน ล้วนเป็นแบบอย่างให้หลินหยุนเลียนแบบโดยเสมอมา
แต่ว่า ในครั้งนี้ หลินโล่เฉินในสายตาหลินหยุนแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่มีราศีอะไรเลย แต่กลับรู้สึกน่าขบขันมากกว่า
“หลินโล่เฉินเอ๊ยหลินโล่เฉิน แกก็ยังคงเป็นหลินโล่เฉินคนนั้นเหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าฉันกลับไม่ใช่คนเดิมเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”
“ในสายตาของแก อำนาจของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันอาจจะะยิ่งใหญ่มาก แม้แต่ตระกูลหลินแห่งอูซุก็ยังไม่กล้าที่จะไปต่อกลอนด้วยเลย”
“แต่ว่า แกกลับไม่รู้ว่าตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันในสายตาของฉันแล้ว ก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของสรรพสิ่งทั้งหลายเท่านั้น แค่พลิกฝ่ามือก็สามารถทำลายให้เป็นจุณได้แล้ว”
แน่นอน คำพูดเหล่านี้หลินหยุนไม่ได้เอ่ยปากพูดออกมา หลินโล่เฉินตอนนี้ในสายตาของเขาแล้ว ไม่มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว
อีกอย่าง หลินโล่เฉินตอนนี้ก็ไม่ได้รู้จักกับหลินหยุนเลย
หลินโล่เฉินมองดูหลินหยุน ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ว่า ในสายตานั้นกลับรู้สึกไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นัก
“มันเป็นยังไงกันแน่? สายตาของเขาถึงกับทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาสามารถมองทะลุปรุโปร่งทุกเรื่องในใจของตัวเองเลย!” ในใจหลินโล่เฉินรู้สึกทึ่งเล็กน้อย
หลินหยุนมองไปยังหลินโร่สุ่ยแวบเดียว ด้วยสายตาที่เป็นมิตร “น้องโร่สุ่ยยังคงน่ารักทะลึ่งตึงตังเหมือนเดิมเลย”
ในขณะที่หลินหยุนมองไปยังหลินโร่สุ่ยนั้น สายตาของหลินโร่สุ่ยก็มาประสานกับสายตาของหลินหยุนพอดี
ทันใดนั้น ในใจของหลินโร่สุ่ยก็รู้สึกหวั่นไหว “ทำไมฉันรู้สึกว่าสายตาที่เขามองฉัน ดูเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อนเลยล่ะ?”
“ฉันนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อก่อนเคยเห็นหน้าเขา!”
สุดท้ายแล้ว สายตาของหลินหยุนก็มองไปยังหยางเทียนโย่ว จึงพูดอย่างเรียบๆว่า “แกวางใจเถอะ ต่อให้ตระกูลเจี่ยงไม่มาหาฉัน ฉันก็จะต้องไปตระกูลเจี่ยงสักครั้งหนึ่ง ตระกูลเจี่ยง ยังติดหนี้ฉันอยู่ก้อนหนึ่งเลย”
เมื่อเห็นว่ามีคนช่วยพูดขอร้องแทนเขามากมายเช่นนี้ เจี่ยงเฉิงก็ใจกล้าขึ้นมาทันที พูดด้วยสีหน้าที่เหยียดหยามว่า “แกกำลังล้อเล่นเหรอ? ตระกูลเจี่ยงเป็นหนี้แก จะเป็นไปได้ยังไง!”
หลินหยุนมองเขาแวบเดียวด้วยสายตาที่เรียบเฉย ทำให้เจี่ยงเฉิงเหมือนตกลงไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็งทันที
เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ทำไมยังมีกะจิตกะใจไปช่วยปกป้องตระกูลเจี่ยงอีก?
“ รีบปล่อยคนเดี๋ยวนี้” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ
“ได้ ผมปล่อยแล้วครับ!” คราวนี้เจี่ยงเฉิงก็พูดง่ายขึ้น ยังไงเสียอยู่ในสถานการณ์ที่สู้คนอื่นไม่ได้ ถ้ายังไม่ปล่อยคนอีกละก็ เขากังกลว่าหลินหยุนจะต้องฆ่าเขาอย่างแน่นอน
เจี่ยงเฉิงหยิบมือถือขึ้นมา แล้วโทรศัพท์ไปหาลูกน้อง ใช้น้ำเสียงออกคำสั่งพูดว่า “แกพาสิบแปดมงกุฎคนนั้นมาที่ห้องพักผ่อนของฉันเดี๋ยวนี้”
พูดจบ เจี่ยงเฉิงวางสายโทรศัพท์ แล้วมองไปยังหลินหยุน “เดี๋ยวก็มาถึงแล้ว”
“ดี ฉันจะรอ” หลินหยุนจึงเก็บพลังอันน่าสะพรึงกลัวไว้ แล้วนั่งอยู่บนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามเจี่ยงเฉิง
คนตระกูลหลินทั้งสามนั้น ก็แอบสังเกตมองหลินหยุน
หลินโล่เฉินในใจรู้สึกทึ่งเล็กน้อย “เจ้าเด็กนี่ถึงกับสุขุมเยือกเย็นขนาดนี้เชียว อยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ถึงกับควบคุมอาการสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้!”
“เพียงแต่เสียดายที่เหิมเกริมไปหน่อย แม้แต่ตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันก็ยังไม่อยู่ในสายตาเลย ไม่เพียงแต่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน แล้วยังจะทำให้ครอบครัวตระกูลตัวเองต้องเผชิญกับการแก้แค้นของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันอีกด้วย”
ในสายตาของหลินโล่เฉินนั้น หลินหยุนเป็นเพียงอันธพาลที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนหนึ่ง เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ คนสิ้นคิดที่ไม่รู้จักเห็นแก่ส่วนรวม
ความคิดของหลินโร่หลันนั้น ใกล้เคียงกับของหลินโล่เฉิน “ฉันเกลียดที่สุดก็คือเจ้าเด็กที่ชอบใช้ความรุนแรงอย่างนี้ อาศัยจังหวะที่ตัวเองได้เปรียบ ก็หยิ่งยโสโอหัง ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ไม่เห็นแก่หน้าใครที่ไหนทั้งนั้น”
“ทำแบบนี้ ก็รังแต่จะทำให้ตัวเองและครอบครัวพบกับความวิบัติอย่างไม่จบสิ้น!”
แต่ว่า หลินโร่สุ่ยกลับไม่คิดเช่นนี้ เธอรู้สึกว่าการที่หลินหยุนทำเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนสะใจมากกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...