จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 644

แต่ว่า ในเมื่อหลินหยุนถามด้วยความจริงใจ หลินโร่สุ่ยก็ไม่สามารถที่จะเมินเฉยได้

คิดคิดดูแล้ว สาวน้อยจึงได้แต่พูดว่า “เขาพูดจาน่าเกลียดมาก ฉันก็เลยสั่งสอนเขาไป”

“คิดไม่ถึงว่า เจ้าหมอนี่หน่อมแน้มมาก ซัดไปแค่สองสามที ก็คุกเข่าลงบนพื้นร้องเรียกแม่ทูนหัว แล้วโขกหัวขอให้ไว้ชีวิต”

ยามรักษาความปลอดภัยทั้งสองคนและพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ แทบจะอดไม่ได้ที่หัวเราะเสียงดังออกมา

ใบหน้าที่ขาวเกลี้ยงเกลาของผู้จัดการจาง ก็แดงก่ำขึ้นมาด้วยความเขิน ตะโกนพูดแก้ตัวว่า “พูดเหลวไหล ฉันไม่ได้ทำ!”

“แกคอยดูนะ เรื่องของวันนี้ พวกเรายังไม่จบง่ายๆ ฉันจะต้องจับแกเข้าคุกให้ได้ เข้าไปกินข้าวแดงในคุกสักสองสามวัน!”

หลินโร่สุ่ยหัวเราะด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “แกก็ลองดูได้เลย ดูสิว่าใครกันแน่ที่เข้าไปกินข้าวแดงในคุกหลวง”

หลินหยุนมองดูหลินโร่สุ่ย แล้วถามว่า “คุณหายโกรธแล้วยัง?”

หลินโร่สุ่ยอึ้งไปสักครู่ ไม่รู้ว่าทำไมหลินหยุนจึงถามเช่นนี้

คนปกติทั่วไป ก็ควรจะพูดเตือนคนให้เรื่องจบลงด้วยดีไม่ใช่เหรอ? คำถามของหลินหยุนนั้น กลับดูเหมือนว่าเกรงว่าแผ่นดินนี้ยังวุ่นวายไม่พอ

แต่ว่า หลินโร่สุ่ยตอบอย่างทันควันด้วยความโมโหว่า “ยังเลย? ถ้าไม่ใช่เพราะเขาคุกเข่าขอให้ไว้ชีวิตละก็ ฉันเตรียมจะกระทืบเขาให้หน้าบวมไปเลย”

“เดิมทีเขาตกลงเงื่อนไขของฉันอย่างดีแล้ว หลังจากนั้นก็จะขอโทษยอมรับผิดกับฉัน”

“ผลสุดท้ายพอเพิ่งออกจากลิฟต์ เมื่อเห็นมีคนอยู่ เขาก็เปลี่ยนใจเลย”

ผู้จัดการจางตะโกนโหวกเหวกว่า “แกอย่าพูดซี้ซั้ว นั่นแกเป็นการข่มขู่ ต่อให้ฉันยอมตกลง นั่นก็เป็นเพียงแค่แผนการเฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นข้อตกลงอะไรทั้งนั้น”

หลินหยุนพูดตัดตอนคำพูดของเขา ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ต่อไปคุณไม่ต้องมาอีกแล้ว”

ผู้จัดการจางและพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ รวมทั้งยามรักษาความปลอดภัยทั้งสองคน ต่างก็อึ้งไปเลย

“หมายความว่าอะไร?” ผู้จัดการจางจ้องมองหลินหยุนด้วยสีหน้าเย้ยหยันว่า “แกคิดจะไล่ฉันออกเหรอ?”

“ฮ่าๆ เจ้าเด็กน้อย แกนี่ช่างน่าสนใจดีจังนะ แกนึกว่าแกเป็นใครเหรอ? เจ้าของบริษัทหวนตี้หรือไง? หรือว่าเป็นไอ้หนุ่มหน้าจืดที่ประธานหลันของพวกเรารับเลี้ยงไว้ข้างนอกเหรอ?”

“แกมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันออก?”

ยามรักษาความปลอดภัยทั้งสองคน และพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ รวมทั้งพนักงานคนอื่นได้ยินเสียงแล้ว รีบกรูเข้ามามุงดู สายตาที่มองดูหลินหยุน ก็แฝงด้วยความเหยียดหยามบ้างเล็กน้อย

ผู้จัดการจางอยู่ที่บริษัทนี้มานานจนฝังรากลึกแล้ว ตั้งแต่บริษัทหวนตี้ถูกหัวหยา กรุ๊ปเทคโอเวอร์ไปแล้วนั้น บริษัทก็ได้ปรับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงเป็นจำนวนมาก แต่ผู้จัดการจางก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม

จะเห็นได้ว่า ผู้จัดการจางอยู่ในบริษัทสำนักงานใหญ่ ก็ยังมีคนคอยปกป้องเขาอยู่

ต้องเข้าใจว่า ในบริษัทย่อยนั้น อำนาจสิทธิ์ขาดการบริหารของผู้จัดการ นับว่าค่อนข้างใหญ่มากทีเดียว

เบื้องบนก็มีเพียงแค่ประธานบริษัทย่อยเท่านั้นที่สามารถคุมเขาได้

ส่วนหลินหยุนนั้น ดูไปแล้วเป็นแค่เด็กหนุ่มที่อายุเพียงแค่ยี่สิบต้นๆเท่านั้น ถึงกับจะมาไล่ผู้จัดการจางออกจากงาน

นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!

ดังนั้น จึงไม่มีใครชอบหน้าหลินหยุนเลย มิหนำซ้ำทุกคนก็ยังเยาะเย้ยในคำพูดของหลินหยุนที่คุยโวโอ้อวดมากเกินไป

หลินโร่สุ่ยก็รู้สึกตกตะลึง มองไปยังหลินหยุนด้วยความสงสัย ในใจก็บ่นพึมพำว่า “เขาไม่ใช่เป็นบอดี้การ์ดที่นี่หรอกเหรอ? ทำไมเขาถึงพูดจาแบบนี้ออกมาล่ะ?”

“บอดี้การ์ดจะไล่ผู้จัดการออก นี่เป็นครั้งแรกที่เคยได้ยินเลย น่าสนุกดีจัง!”

จะเห็นได้ว่า ความคิดที่แหวกแนวของสาวน้อยหลินโร่สุ่ยเช่นนี้ ยากที่คนปกติทั่วไปจะคิดออกมาได้จริงๆ

มองไปยังสีหน้าเยาะเย้ยของผู้คนบริเวณรอบๆแล้ว ผู้จัดการจางก็ยิ่งได้ใจ ยิ้มเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กน้อย พูดมาสิ! แกมีสิทธิ์อะไรจะไล่ฉันออก? หรือว่าแกเป็นลูกนอกสมรสของท่านประธานหัวหยา กรุ๊ปล่ะ?”

“ฮ่าๆ......”

ผู้คนที่อยู่รอบๆบริเวณนั้น ก็อดไม่ได้ที่หัวเราะเสียงดังออกมา

ทุกคนก็เคยได้ยินมาว่า เจ้านายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังของหัวหยา กรุ๊ปนั้น แท้จริงแล้วเป็นแค่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยังไม่ได้แต่งงาน

แล้วจะมีลูกนอกสมรสมาจากไหน?

ผู้จัดการจางพูดเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าเป็นการหยามเกียรติหลินหยุน

หลินหยุนไม่ได้สนใจเขา แต่กลับมองไปยังพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ แล้วถามอย่างเรียบๆว่า “คนที่รับผิดชอบที่นี่ของพวกคุณคือใคร?”

“หา?” พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ตะลึงงัน ดูเหมือนนึกไม่ถึงว่าหลินหยุนจะหันมาถามเธอเช่นนี้

“คนที่รับผิดชอบที่นี่ของพวกเรา......” เมื่อพูดถึงตรงนี้ พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ก็ชำเลืองมองไปยังผู้จัดการจาง

ผู้จัดการจางสีหน้าไม่แยแส พูดอย่างเยอะเย้ยว่า “บอกเขาไปสิ! ฉันจะดูว่าเขาจะมีปัญญาอะไร! มาคุยโวโอ้อวดกับฉันที่นี่ นึกว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์