แต่น่าเสียดายที่ว่า เพิ่งจะได้สัมผัสกับวิชาที่แสนจะเข้าใจยากพวกนั้น หวางซูเฟินและฉินหลันก็เริ่มจะถอดใจแล้ว
“นี่ก็ยากเกินไปหน่อยแล้ว อะไร‘ ซี่ ’เอย โอ้ การเหนี่ยวนำเอย ทำยังไงฉันจึงจะรับรู้ได้บ้างนะ!” หวางซูเฟินพยายามฝืนความรู้สึกตัวเองเพื่อให้หยั่งรู้ถึงชี่ทิพย์จากฟ้าดินให้ได้ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็โอดครวญอย่างจนปัญญา
ฉินหลันสีหน้าเจื่อนๆ “ฉันก็ยังไม่สามารถเหนี่ยวนำได้สักที หลินหยุน คุณคงไม่ได้หลอกพวกเราหรอกนะ?”
“ช่างเถอะ สงสัยพวกเราคงไม่เหมาะสำหรับการบำเพ็ญเซียนแล้วล่ะ ฉันรู้สึกว่าของพวกนี้ ยังยากยิ่งกว่ารับมือกับพวกเจ้าเล่ห์เพทุบายในวงการธุรกิจการค้าอีกเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว” หวางซูเฟินลุกขึ้นยืน เตรียมที่จะเลิกราแล้ว
ไม่ว่าหลินหยุนจะพูดยังไงก็ตาม อีกทั้งยังพูดว่าการบำเพ็ญเซียนสามารถช่วยให้ผิวขาวผ่องใส เต่งตึงแลดูสาวตลอดกาลเพื่อหว่านล้อมให้แม่แก่และฉินหลันยืนหยัดฝึกฝนต่อไปให้ได้
เมื่อได้ยินว่าสามารถช่วยให้ดูสาวตลอดกาล ในใจทั้งสองคนก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาจริงๆ แต่ว่าหลังจากที่ยืนหยัดฝึกฝนไปได้อีกครึ่งชั่วโมง ก็บอกว่าไม่ไหวแล้ว
ส่วนหลินตงหัวมีความอดทนมากกว่าพวกเธอสองคนถึงหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นแล้ว........ ก็ถึงกับนอนหลับไปเลย
แต่กลับเป็นนายท่านหลินที่ดูท่าทีแย่ที่สุดเสียอีก ที่ทำให้หลินหยุนรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก
นายท่านถึงกับเข้าได้ถึงระดับเบื้องต้นได้แล้ว ไม่เพียงแต่สามารถเหนี่ยวนำชี่ทิพย์จากฟ้าดินได้แล้ว ยังสามารถสูดนำชี่เข้าไปในร่างกายได้สำเร็จเป็นครั้งแรกอีกด้วย
แม้แต่หลินหยุนที่ฝึกฝนครั้งแรกเมื่อชาติที่แล้ว ก็ยังไม่เร็วเท่ากับนายท่านเลย
เมื่อเห็นนายท่านทำสำเร็จแล้ว หวางซูเฟินทั้งสามคนก็รู้สึกหวั่นไหว จึงได้ขอลองใหม่อีกครั้งหนึ่ง
กัดฟันฝืนทนไปได้นานหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ไม่ได้อะไรเลย จึงได้ล้มเลิกความตั้งใจไปอย่างสิ้นเชิง
หลินหยุนก็ไม่ได้หยุดยั้งอะไร เรื่องของการฝึกเซียนนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนก็จะสามารถทำได้ ต้องอยู่ที่บุญวาสนาด้วย
ไม่เช่นนั้นแล้ว ในบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกที่มีจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านั้น แต่กลับมีจำนวนผู้บำเพ็ญเซียนเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น
ถ้าหากใครๆก็สามารถฝึกบำเพ็ญเซียนได้แล้วล่ะก็ งั้นผู้บำเพ็ญเซียนก็ไม่มีความวิเศษอะไรแล้ว
หลังจากนั้นก็ได้อยู่พักที่บ้านตระกูลหลินเพื่อชี้แนะนายท่านฝึกฝนทั้งวัน เมื่อเห็นนายท่านสามารถเข้าถูกหลักเกณฑ์ได้แล้ว หลินหยุนก็ไปพบหวางซูเฟิน เพื่อคุยเรื่องปัญหาของตระกูลหวางอย่างจริงจังเสียที
อย่างน้อย ตระกูลหวางก็ยังคงเป็นบ้านคุณตาของหลินหยิน เป็นตระกูลของแม่ตัวเองอีกด้วย
ถึงแม้ตระกูลหวางจะเลือดเย็นไร้เยื่อใย มิหนำซ้ำยังเคยคิดจะสังหารหลินหยุนอีกด้วย แต่ในตัวของหลินหยุนเอง ยังไงก็ยังมีเลือดครึ่งหนึ่งของตระกูลหวางอยู่ด้วย
ไม่เหมือนกับตอนที่จะจัดการกับตระกูลอื่นๆเช่นนั้น ที่คิดจะทำลายก็ทำลายเลย
ภายในห้องนั้น ก็มีเพียงหลินหยุนและหวางซูเฟินสองคนเท่านั้น แม้แต่ฉินหลันก็ยังต้องอยู่ข้างนอกห้อง
“มีเรื่องอะไร ถึงได้ลึกลับขนาดนี้?” หวางซูเฟินถามด้วยสีหน้าสงสัย
หลินหยุนนั่งอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าเรียบเฉย มองดูหวางซูเฟิน แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “วันนี้ ลูกอยากจะคุยเรื่องของตระกูลหวางกับแม่หน่อย”
หวางซูเฟินหน้าเปลี่ยนสีทันที
“คุยเรื่องเขาทำไมกัน! พวกเรากับตระกูลหวาง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันมาตั้งนานแล้ว”
หลินหยุนมองดูหวางซูเฟินอย่างเงียบๆ แล้วพูดขึ้นอย่างเรียบๆว่า “ที่ลูกพูดหมายถึงไปทวงคืนความยุติธรรมจากตระกูลหวางต่างหาก”
“พวกเขาใช้อำนาจอิทธิพลข่มเหงรังแกพวกเรามาตั้งหลายปีแล้ว ตอนนี้ ถึงเวลาที่จะต้องไปทวงคืนความยุติธรรมจากพวกเขาได้แล้ว”
คำพูดของหลินหยุน ทำให้หวางซูเฟินอึ้งไปเลย
หลายปีที่ผ่านมานี้ เธอโกรธแค้นความไร้เยื่อใยของตระกูลหวาง ต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของตระกูลหวางมาโดยตลอด แม้แต่ในฝันก็ยังอยากจะหลุดพ้นจากเงามืดของตระกูลหวางไปให้ได้
แต่ว่า ถึงแม้หวางซูเฟินจะเคียดแค้นตระกูลหวางยังไงก็ตาม แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะไปทวงคืนความยุติธรรมจากตระกูลหวางเลย
อาจจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า เธอไม่กล้าที่จะคิดเช่นนั้นเลย เพราะว่าเธอเข้าใจถึงความน่ากลัวของตระกูลหวางดี ต่อให้เธอพยายามต่อสู้ไปอีกกี่ชาติ ก็ไม่มีวันที่จะอยู่เหนือตระกูลหวางได้เลย
แต่ว่า หวางซูเฟินรับรู้ได้ทันทีว่า ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เพราะเขามีลูกชายคนหนึ่งที่ชื่อหลินหยุน ลูกชายของเธอตอนนี้มีอนาคตที่สดใสมาก
มิหนำซ้ำพลังความสามารถของลูกชายเธอ แข็งแกร่งมากจนถึงขั้นที่จะสามารถทำให้ตระกูลหวางที่ใหญ่โตมโหฬารนั้นสั่นคลอนได้แล้ว
แต่ทำไมถึงยังไม่มีความคิดที่จะไปแก้แค้นกับตระกูลหวางเลย?
หวางซูเฟินตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่า ไม่ว่าตระกูลหวางจะไร้เยื่อใยกับเธอเพียงใด ยังไงเสียก็เคยเป็นบ้านของเธอมาก่อน
ในร่างของเธอก็ยังมีเลือดของตระกูลหวางอยู่ ไม่ว่าตระกูลนั้นจะไม่ดีอย่างไรก็ตาม แต่ยังไงก็ยังเป็นบ้านของตัวเอง!
สีหน้าของหวางซูเฟิน เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที อีกทั้งแฝงด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง ชั่วพริบตาเดียว เธอก็ดูเหมือนจะชราลงไปถึงสิบปีแล้ว
“แกคิดจะทำยังไงเหรอ?” หวางซูเฟินถามพลางมองดูหลินหยุน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...