จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 841

สรุปบท บทที่ 841 อัจฉริยะตระกูลหวาง: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 841 อัจฉริยะตระกูลหวาง จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 841 อัจฉริยะตระกูลหวาง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หลังจากสอบถามหวางซูเฟินและหลินซื่อเฉิงแล้ว หลินหยุนก็มาดูอาการของซูจื่อเหลียงในห้อง

ตอนนี้ซูจื่อเหลียงก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว ซูหนานและคาร์นอตวิลเลียมกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ข้างๆ

เมื่อเห็นหลินหยุน ซูหนานก็ลุกขึ้นยืน ก้มหน้าลง

คาร์นอตวิลเลียมก็ยักคิ้วให้ แล้วดื่มน้ำชาต่อไป

ซูจื่อเหลียงก็รีบลุกขึ้นยืน แต่มีพลังที่อ่อนโยนแรงหนึ่ง กดห้ามเขาให้นอนลงกับเตียง

“นอนคุยก็ได้นะ!” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ

หลังจากนั้น สายตาหลินหยุนก็มองไปยังซูหนานและคาร์นอตวิลเลียม: “คราวนี้ โชคดีที่มีพวกคุณอยู่!”

ซูหนานพูดด้วยเสียงเข้มว่า: “ทะเลสาบเย่วหยาก็เป็นบ้านของพวกเราเหมือนกัน”

คาร์นอตวิลเลียมกลับหัวเราะแฮะๆ: “คราวนี้ฉันช่วยคุณขนาดนี้แล้ว คุณมีอะไรจะตอบแทนฉันหรือเปล่าล่ะ?”

“เดี๋ยวค่อยคุยกัน ฉันขอดูอาการบาดเจ็บของซูจื่อเหลียงก่อน” หลินหยุนก็เดินไปยังซูจื่อเหลียง

ซูจื่อเหลียงมองไปยังหลินหยุน “ท่านอาจารย์ ศิษย์ไร้ความสามารถ!”

หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ ว่า “ไม่ต้องโทษตัวเอง คุณได้ทำเต็มที่แล้ว”

หลินหยุนใช้มือข้างหนึ่งวางบนศีรษะของซูจื่อเหลียง จากนั้นก็ค่อยๆเคลื่อนไป เพื่อตรวจดูอาการทั่วไปของร่างกายซูจื่อเหลียง

“อาการบาดเจ็บของคุณไม่น่าเป็นห่วง ฤทธิ์ยาของยาสร้างกระดูกคุณก็ได้ดูดซับไปครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าได้ดูดซับไปจนหมด คุณก็จะเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ทำให้พลังการฝึกฝนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ!”

“เวลาต่อจากนี้ คุณก็อยู่ที่นี่ดูดซับเอาฤทธิ์ยาของยาสร้างกระดูกให้หมดก่อนแล้วค่อยจากไป”

ซูจื่อเหลียงพยักหน้าอย่างนอบน้อม “ศิษย์รับทราบครับ!”

หลินหยุนหันไปมองซูหนาน “วิชาพินาศไม่สิ้นสูญของคุณก็ได้เข้าถึงเรียบร้อยแล้ว แค่ฝึกต่อไปเรื่อยๆก็ใช้ได้แล้ว อีกไม่นานคุณก็จะไปถึงระดับเดียวกับนักบู๊แดนเทพแล้ว”

“ครับ!” ซูหนานพูดพลางก้มหน้าลง

สายตาของหลินหยุนก็มองไปยังคาร์นอตวิลเลียม เจ้าหมอนี่สีหน้าเย่อหยิ่ง ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ มองดูหลินหยุน

ดูเหมือนกำลังรอคอยประโยชน์อะไรบางอย่างอยู่

“พลังแรงของเผ่าโลหิต ได้รับการสืบทอดทางสายเลือด ดังนั้น ระดับชนชั้นของเผ่าโลหิตจะถูกกำหนดจากระดับความแข็งแรงของสายเลือดของเผ่าโลหิตเอง”

คาร์นอตวิลเลียมค้อนใส่ “อันนี้ฉันก็รู้แล้ว ยังต้องให้คุณมาพูดอีกเหรอ?”

หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย “ถ้าฉันมีวิธีฝึกฝนสำหรับคนเผ่าโลหิตล่ะ? สามารถหลุดพ้นจากข้อผูกมัดจากสายเลือดของชนเผ่าโลหิต แล้วผ่านการฝึกฝนบำเพ็ญตนจนทำให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!”

คาร์นอตวิลเลียมกระโดดขึ้นมาทันที ราวกับแมวที่ถูกเหยียบหาง

“คุณพูดจริงหรือเปล่า? คุณอย่าโกหกฉันนะ!”

พละกำลังของเผ่าโลหิตได้มาจากสายเลือดโดยกำเนิด เมื่อเทียบกับผู้บำเพ็ญพิเศษจากโลกตะวันตก หรือนักบู๊โลกตะวันออกแล้ว ก็จะได้เปรียบกว่ากันมากเลย

แต่ว่า ถ้าเผ่าโลหิตคิดอยากจะเพิ่มพูนพละกำลังของตัวเอง ก็ต้องอาศัยการหยั่งรู้ทางสายเลือดเป็นเวลาที่ยาวนาน ดังนั้นชนเผ่าโลหิตโดยทั่วไปที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง ก็ล้วนเป็นตัวประหลาดที่มีอายุยืนยาวมาก

ประเด็นนี้ เผ่าโลหิตก็จะสู้นักบู๊โลกตะวันออกไม่ได้ เพราะนักบู๊สามารถอาศัยวรยุทธ์ในการฝึกฝนบำเพ็ญตน ถ้ายิ่งมีพรสวรรค์ติดตัวมาด้วยล่ะก็ ในระยะเวลาอันสั้นก็จะสามารถมีพละกำลังมากพอที่จะเอาชนะผู้แข็งแกร่งจากเผ่าโลหิตได้แล้ว

แต่ว่า ถ้าเผ่าโลหิตสามารถฝึกฝนบำเพ็ญตนด้วยล่ะก็ ความสำเร็จในอนาคตข้างหน้า ควรที่จะฝืนลิขิตฟ้าได้ขนาดไหน!

เพียงแค่คิดฝัน คาร์นอตวิลเลียมก็แทบจะบังคับความตื่นเต้นในใจไม่ไหวแล้ว

“ถ้าฉันก็สามารถฝึกฝนบำเพ็ญเพียรด้วยล่ะก็ ฉันก็จะรีบกลับไปที่บ้านตระกูล ไปซัดตาแก่แดรกคูล่านั่นให้ฟันร่วงหมดปากไปเลย!”

หลินหยุนขี้เกียจไปพูดมากกับเขา ใช้นิ้วชี้ไปยังหว่างคิ้วของคาร์นอตวิลเลียม

วิชาบู๊ลึกลับซับซ้อนที่เข้าใจยากตอนหนึ่ง ก็ได้ประทับอยู่ในสมองของคาร์นอตวิลเลียม

มองดูคาร์นอตวิลเลียมที่งงเป็นไก่ตาแตก หลินหยุนก็พูดอย่างเรียบๆว่า: “จะฝึกฝนได้สำเร็จหรือไม่ ก็อยู่ที่บุญวาสนาของคุณแล้วนะ”

คาร์นอตวิลเลียมดูเหมือนกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับวิชาบู๊ที่ลึกลับซับซ้อนเข้าใจยากนั้น ไม่ได้สนใจหลินหยุนเลย

หลินหยุนก็ไม่ไปรบกวน นั่งมองเขาอย่างเงียบๆบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง

ก็เห็นสีหน้าของคาร์นอตวิลเลียมกระปรี้กระเปร่ามาก ใบหน้าที่หล่อเหลาจนไม่เหมือนหน้าคนนั้น ประเดี๋ยวก็ขมวดคิ้ว ประเดี๋ยวก็เกาหูเกาคาง

ผ่านไประยะหนึ่ง เขาจึงถอนหายใจเฮือก ตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมา

เขาเชื่อว่า คนร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลัง ก็จะต้องกระโดดออกมาอีกอย่างแน่นอน

ในขณะนี้เอง ที่บริเวณเชิงเขาทะเลสาบเยว่หยา ภายในสวนป่าที่อยู่นอกเขตการปกคลุมของค่ายกลพรสวรรค์ห้าธาตุนั้น

มีหญิงสาวชุดดำปิดปังใบหน้าคนหนึ่ง ตัวเบาราวกับนกกระจอกตัวหนึ่ง ยืนอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

หญิงสาวรูปร่างอรชรอ่อนแอ่น คิ้วโค้งที่เรียวงาม ถึงแม้จะปิดปังใบหน้าอยู่ก็ยังสามารถดูออกว่าเธอต้องเป็นคนสวยอย่างแน่นอน

“ตั้งนานก็ยังไม่เห็นออกมาเลย สงสัยว่าสำนักอู๋อิ่งคงถูกถล่มจนสิ้นซากไปหมดแล้วล่ะ!”

หญิงสาวไม่ได้แปลกใจอะไรเลย ดูเหมือนการถูกถล่มยับของสำนักอู๋อิ่งนั้น ก็อยู่ในการคาดหมายของเธออยู่ก่อนแล้ว

“จากนี้ไป ก็ควรจะปฏิบัติตามแผนขั้นต่อไปแล้ว”

“หลินหยุน ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสเสียบ้างว่า อะไรคือความสิ้นหวัง!”

หญิงสาวคนนั้นพูดพลางก็มองไปยังยอดเขาด้วยความเคียดแค้น จากนั้นก็หันหลังกลับแล้วหายตัวแวบไปอย่างรวดเร็ว

ตระกูลหวางที่เมืองหลวง

หวางจิงหลงเอามือไขว้หลัง ยืนอยู่หน้าภาพวาดทิวทัศน์ภูเขาแม่น้ำหมื่นลี้ที่ใหญ่โตมโหฬารภายในห้องโถงใหญ่ ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

ผู้บริหารระดับสูงทั้งหลายของตระกูลหวาง ก็นั่งอยู่ข้างล่างอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ถึงแม้ว่าตอนนี้ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในประเทศจีนก็ตาม แต่ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าบ้านคนนี้แล้ว กลับไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเลย

ทุกคนในตระกูลหวางต่างก็รู้ดีว่า ไม่นานมานี้เจ้าบ้านได้เสียท่าให้กับหลินหยุน

ตอนนี้ เกรงว่ายังไม่หายโกรธเลย

หวางเจ๋อที่ยืนอยู่ด้านหลังของหวางโสวหลี่พี่ใหญ่ตระกูลหวาง ก้มหน้าลงเล็กน้อย สีหน้าท่าทางค่อยๆหดหู่

หวางจิ่งหลงถามด้วยเสียงเข้มว่า:“ลูกเฉียนเมื่อไหร่จะมาถึง?”

หวางโสวหลี่ก็ลุกขึ้นยืน ตอบอย่างนอบน้อมว่า “น่าจะถึงจวนแล้วล่ะ เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วโทรศัพท์มาหา บอกว่าตอนนี้อยู่ที่สถานีแล้ว!”

“หรือไม่ พวกเราทานข้าวกันก่อนดีไหม? ไม่ต้องรอเขาหรอก?” หวางโสวหลี่จึงถามหยั่งเชิง ในเมื่อผู้คนทั้งหลายเหล่านี้ ก็นั่งรอมาชั่วโมงกว่าแล้ว

หวางจิงหลงพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “รอก่อน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์