ชายชราสวมชุดคลุมสีเขียวคนหนึ่ง นำลูกศิษย์ที่สวมชุดสีเขียวเหมือนกันมาสองสามคน เดินบนอากาศมาด้วยความเร่งรีบ
ดูแค่ฝีมือด้านนี้ ก็รู้ได้ว่าชายชราผู้นี้อย่างน้อยต้องเป็นจอมยุทธระดับปรมาจารย์ขึ้นไป
ลูกศิษย์สองสามคนนั้น แม้ว่าความเร็วจะช้าไปหน่อย แต่ก็ไม่มีสีหน้าท่าทีเหนื่อยหอบ เห็นได้ชัดว่ามีพลังที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
ชิ่งกั๋วถัยเอ่ยพูดด้วยสีหน้าถมึงทึง : “แกเป็นใคร?”
ชายชราชุดคลุมสีเขียวผู้นั้นได้เหาะลงมาตรงกลางระหว่างชิ่งกั๋วถัยและเว่ยซิวหมิง มองดูงูหลามยักษ์ที่เอาแต่ส่งเสียงร้องด้วยความโกรธ แล้วแสยะยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง : “ตี๋ซานถิงแห่งสำนักชิงชาง!”
อะไรนะ!
เว่ยซิวหมิงมีสีหน้าตกใจ
โลกบู๊มีเก้าสำนักใหญ่ สี่สำนักรอง เจ็ดสาขา ส่วนโลกบู๊โบราณมีสี่ผู้ตั้งมั่นรักษา ห้าสำนักใหญ่ เจ็ดตระกูลใหญ่
และพละกำลังของโลกบู๊โบราณ แข็งแกร่งกว่าโลกบู๊มาก
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สำนักชิงชางมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าสำนักชิงชางและสำนักอัคคี
และเมื่อคนจากโลกบู๊โบราณมาเยือน จึงทำให้มีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ในระหว่างการแย่งชิงยาวิเศษกัน
ชิ่งกั๋วถัยแอบมองไปทางเว่ยซิวหมิง ประจวบเหมาะกับที่เว่ยซิวหมิงก็กำลังมองมาทางเขาพอดี
ตอนนี้ คู่ต่อสู้ทั้งสองคนนี้ใจตรงกัน
ทั้งสองคนต่างพยักหน้าให้กัน ดูเหมือนเข้าใจกันและกันโดยไม่ต้องพูดออกมา
เห็นได้ชัดว่า ตอนนี้ที่กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูผู้แข็งแกร่งอย่างสำนักชิงชาง ทำให้ทั้งสองคนที่ชาญฉลาดตัดสินใจร่วมมือกันชั่วคราว
หลินหยุนมองไปที่ตี๋ซานถิงแห่งสำนักชิงชาง สัมผัสได้ว่า พลังของตี๋ซานถิงนั้นแข็งแกร่งกว่าชิ่งกั๋วถัยและเว่ยซิวหมิงมากทีเดียว
ถึงแม้ทั้งสามคนล้วนเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุด แต่ตี๋ซานถิงแค่คนเดียว สามารถล้มพวกเขาทั้งสองคนได้
ชิ่งกั๋วถัยมองไปที่งูหลามยักษ์ตัวนั้น แล้วหันไปมองตี๋ซานถิง จากนั้นแสยะยิ้มพลางเอ่ยพูดว่า : “ในเมื่อท่านดูถูกพวกเรา งั้นท่านคิดออกหรือไม่ว่าจะจัดการกับสัตว์เดรัจฉานตัวนี้อย่างไร?”
ตี๋ซานถิงแสยะยิ้มพลางเอ่ยพูดอย่างช้า ๆ : “เรื่องง่ายดายแค่นี้ ยังต้องคิดด้วยเหรอ? ฆ่ามันไปเลยก็สิ้นเรื่อง มีเพียงสวะในโลกบู๊อย่างพวกแกเท่านั้นแหละ ที่ไม่สามารถทำอะไรสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ได้!”
“แก......” ชิ่งกั๋วถัยโมโห ในฐานะที่เป็นถึงปรมาจารย์คนหนึ่ง ชิ่งกั๋วถัยจึงไม่เคยถูกเหยียดหยามอย่างนี้มาก่อน
แต่ว่า เมื่อคำนึงถึงพละกำลังของสำนักชิงชาง ชิ่งกั๋วถัยจึงได้แต่อดทนเอาไว้
“เหอะ พูดง่ายดีนะ ใครก็คุยโวโอ้อวดกันได้ทั้งนั้นแหละ ถ้ามีปัญญาแกก็ฆ่าสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ให้พวกฉันดูสิ!” ชิ่งกั๋วถัยใช้วิธีที่เชยที่สุด แต่ก็เป็นวิธียั่วโมโหที่ง่ายและได้ผลมากสุดเช่นกัน
ตี๋ซานถิงยิ้มอย่างร้ายกาจ มองไปที่ชิ่งกั๋วถัยแล้วเอ่ยพูด : “แกคิดจะให้ฉันช่วยพวกแกฆ่างูหลามยักษ์ตัวนี้งั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้หรอกนะ แต่ว่า เมื่อฆ่างูยักษ์ตัวนี้แล้ว ยาวิเศษต้องตกเป็นของฉัน!”
“ถ้าหากพวกแกไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ฉันจะฆ่าสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ซะ”
ชิ่งกั๋วถัยกัดฟัน พวกเขามาถึงที่นี่อย่างยากลำบาก ตอนนี้กลับถูกงูหลามยักษ์ตัวหนึ่งขวางทางเอาไว้ แล้วดันมีศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างสำนักชิงชางโผล่มาอีก ช่างซวยอะไรอย่างนี้
เพราะลำบากมามากมาย ดังนั้นจะให้ชิ่งกั๋วถัยล้มเลิกเรื่องชิงยาวิเศษ ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด!
“ได้ ถ้าแกสามารถฆ่าสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ได้ ยาวิเศษนั่นจะตกเป็นของแก!” การที่ชิ่งกั๋วถัยตอบตกลงถือเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากนัก
ตี๋ซานถิงแสยะยิ้มออกมา แต่ไม่ได้พูดอะไร ชิ่งกั๋วถัยคิดอะไรอยู่ในใจ เขานั้นรู้ดี
แต่ว่า เขาไม่สนใจ
“นี่แกพูดเองนะ งั้นกลุ่มสวะอย่างพวกแกก็คอยดูให้ดีแล้วกัน!”
พูดจบ ตี๋ซานถิงได้หยิบมีดยาวด้ามหนึ่งออกมา แล้วพุ่งเข้าใส่งูหลามยักษ์
“เขาสู้กับงูหลามยักษ์ด้วยตัวคนเดียวเลยเหรอเนี่ย!” ชิ่งกั๋วถัยรู้สึกทึ่ง แล้วขมวดคิ้วพลางมองเหตุการณ์ฉากนี้
เดิมทีเขาคิดจะให้ตี๋ซานถิงกับงูหลามยักษ์สู้กันจนบาดเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย แล้วเขากับเว่ยซิวหมิงร่วมมือกัน จัดการตี๋ซานถิงกับงูหลามยักษ์ซะ จากนั้นแย่งชิงยาวิเศษคืนมา
แต่ว่า ถ้าตี๋ซานถิงสามารถสู้กับงูหลามยักษ์จนชนะด้วยตัวคนเดียวขึ้นมาได้จริง ๆ อย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องแย่งชิงยาวิเศษแล้วล่ะ
ไม่เพียงแต่ชิ่งกั๋วถัยเท่านั้นที่ตกตะลึง เว่ยซิวหมิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็คิดไม่ต่างจากเขาเลย
“คนจากโลกบู๊โบราณนี่ น่ากลัวจริง ๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...