จางเทียนเยว่เห็นหานหลิงเอ๋อคำนึงถึงหลินหยุนขนาดนี้ ในใจจึงรู้สึกหึงหวงและริษยาขึ้นมาทันที
เมื่อก่อนหานหลิงเอ๋อไม่เคยอ่อนโยนต่อเขาเลย
ผู้ชายบางคนก็เป็นแบบนี้ ในเมื่อตัวเองไม่ได้ครอบครอง ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะได้ไป
แม้แต่ความเห็นอกเห็นใจจากหานหลิงเอ๋อเพียงเล็กน้อย จางเทียนเยว่ก็ยิ่งไม่เคยได้รับมัน จึงไม่อยากให้หลินหยุนได้รับมันเช่นกัน
“เหอะ ไอ้เด็กที่ไม่รู้จักประมาณตน ยังกล้าเลียนแบบคนอื่นทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม ไม่พิจารณาดูพละกำลังของตัวเอง!”
เฉินซีเยว่ก็มองหลินหยุนอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยพูดด้วยความดูถูก : “นี่ไม่ใช่หาเรื่องตายหรอกเหรอ!””
เว่ยซิวหมิงเหลือบมองหลินหยุน แล้วส่ายหน้า : “ไม่รู้จักคิด!”
ในบรรดานักบู๊คนอื่น ๆ ที่เหลือ มีนักบู๊หญิงจำนวนหนึ่งต่างเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อหลินหยุน เพราะในที่นี้มีผู้ชายตั้งมากมาย แต่มีเพียงหลินหยุนที่กล้าเดินออกมา
แม้ว่าจะออกมาตาย แต่ความกล้าหาญของหลินหยุนก็ทำให้บรรดานักบู๊หญิงเหล่านั้นยกย่องนับถือ
“นี่สิถึงจะมีความเป็นลูกผู้ชายหน่อย! หวังว่าเขาจะไม่ตายนะ!”
บรรดานักบู๊หญิงเหล่านั้นต่างแอบสวดภาวนาให้หลินหยุนอยู่ในใจ
ตี๋ซานถิงมองหลินหยุนด้วยสีหน้าถมึงทึง : “ไอ้หนุ่ม แกคิดจะขัดขวางฉันเหรอ?”
หลินหยุนเอ่ยพูดอย่างเรียบ ๆ : “เปล่า”
“แล้วแกเดินออกมาทำไม?” ตี๋ซานถิงเอ่ยถาม
“ฆ่าแกไง!” หลินหยุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับว่ากำลังล้อเล่นอยู่อย่างนั้น
ตี๋ซานถิงอึ้งไปทันที จากนั้นได้แหงนหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม : “อย่างแกเนี่ยนะ คิดจะฆ่าฉัน!”
“น่าขำสิ้นดี!”
“ถึงแม้ฉันไม่รู้ว่าแกใช้วิธีอะไร ปกปิดวรยุทธของตัวเองเอาไว้ แต่ดูแกก็เพิ่งยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น การฝึกฝนวรยุทธในโลกบู๊ของพวกแก ต่อให้แกฝึกบู๊มาตั้งแต่ออกจากท้องแม่ ตอนนี้สามารถอยู่ในขั้นสูงสุดได้ ถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว”
“แกจะใช้อะไรมาฆ่าฉัน? ใช้ปากเหรอ!”
ใบหน้าตี๋ซานถิงเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม เขาเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ในโลกบู๊โบราณ จะไปเชื่อได้ยังไงว่าเด็กหนุ่มจากโลกบู๊คนหนึ่งสามารถฆ่าเขาได้?
“ฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่ม แกนี่มันไม่รู้จักคิดเลยจริง ๆ! ต้องการฆ่าผู้อาวุโสแห่งสำนักชิงชาง คุยโวโอ้อวดเสียจริง!”
“แม้แต่ผู้อาวุโสแห่งสำนักเฟยอวิ๋นและสำนักอัคคี ยังพ่ายแพ้ราบคาบในกระบวนท่าเดียว เขาคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสทั้งสองสำนักงั้นเหรอ?”
“ไอ้หนุ่ม ฉันว่าแกสมองมีปัญหาเยอะอยู่นะ หรือไม่ก็เป็นคนบ้าคนหนึ่ง”
หลินหยุนไม่ได้สนใจคำพูดถากถางของนักบู๊เหล่านี้ สถานการณ์อย่างนี้เขาเจอจนชินชาแล้ว
วิธีที่ทำให้คนพวกนี้หุบปากได้ดีที่สุด คือใช้การกระทำพิสูจน์ความจริง
“หลินหยุนเคลื่อนไหวร่างกายด้วยความเร็วสูงราวกับหายตัวได้ แล้วกระแทกหมัดไปที่หน้าของตี๋ซานถิงทันที
ตี๋ซานถิงตกใจ : “รวดเร็วมาก!”
แต่ว่า เขายังคงไม่เห็นหลินหยุนอยู่ในสายตา
“เหอะ ไอ้หนุ่ม แกทำให้ข้าหมดสนุก ฉันจะฆ่าแกก่อน จากนั้นค่อยไปฆ่าคนในสำนักและตระกูลของแก”
ตี๋ซานถิงถูกยั่วโมโห จึงลงมือใส่พลังอย่างเต็มที่ พุ่งตรงไปที่หลินหยุน
ปึก!
สองคนแลกหมัดกัน ทำให้เกิดเรื่องที่ทุกคนต้องตกตะลึง
ตอนแรกคิดว่าหลินหยุนจะถูกตี๋ซานถิงฆ่าตายในหมัดเดียวแล้ว แต่เขากลับยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่เป็นอะไรเลย ส่วนตี๋ซานถิงเหมือนกระสอบที่ถูกหมัดกระแทกแตกจนลอยไปไกลสิบกว่าเมตร
สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบสงัด!
ทุกคนต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก!
“เป็นไปได้ยังไงกัน!”
“นี่......ทำไมถึงเป็นอย่างนี้!”
“ไม่จริงหรอก!”
“หรือว่าตี๋ซานถิงรู้จักกับไอ้หนุ่มคนนี้ เลยจงใจอ่อนข้อให้เขา?”
ชิ่งกั๋วถัยและเว่ยซิวหมิงมีสีหน้าช็อกมาก นักบู๊คนอื่นมองไม่ออก แต่ด้วยความสามารถของพวกเขา จึงสามารถมองออก ตี๋ซานถิงไม่เพียงไม่อ่อนข้อให้หลินหยุน ทว่ากลับปล่อยพลังทั้งหมดที่มีออกไป
แต่ฝ่ายหลินหยุน กลับยังดูมีพลังเหลืออยู่
นี่พิสูจน์ให้เห็นว่า
มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือความสามารถของหลินหยุนเหนือชั้นกว่าตี๋ซานถิงไปไกลแล้ว!
เว่ยซิวหมิงรู้สึกตกใจกลัวมากทีเดียว : “ไอ้หนุ่มคนนี้เป็นใคร? เก้าสำนักใหญ่ สี่สำนักรอง เจ็ดสาขาในโลกบู๊ ไม่เคยได้ยินว่ามีหนุ่มผู้มีพรสวรรค์อย่างนี้มาก่อนเลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...