"ถ้าฐานะที่สูงศักดิ์ของสำนักยาตัน ทำให้นักกลั่นยาทุกคนจดจำเอาไว้ในใจ ถ้างั้นสำนักยาตันก็จะกลายเป็นดังเทพเจ้าที่อยู่ในโลกกลั่นยา และไม่มีใครสามารถสั่นคลอนฐานะของพวกเขาได้อีก!"
โม่จือมิ่งวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างละเอียด นี่คงเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของป่ายหลี่เถ่
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะมองออก แต่พวกเขาก็หยุดป่ายหลี่เถ่ไม่ได้
ตอนนี้พลังของสำนักยาตันแข็งแกร่งมากๆ และกลายเป็นผู้นำของโลกกลั่นยาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
ถึงแม้จะมีคนอยากจะแทนที่สำนักยาตัน แต่คนของโลกกลั่นยาก็คงจะไม่ยอมรับอย่างแน่นอน
ดังนั้น สำหรับแผนการของป่ายหลี่เถ่ ถึงแม้ทุกคนจะรู้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
นอกจากจะมีคนที่สามารถเอาชนะป่ายหลี่เถ่ ทำให้เจ้าสำนักป่ายหลี่คนนี้พ่ายแพ้
ถ้าเป็นแบบนี้ แผนการต่างๆของป่ายหลี่เถ่ก็จะล้มเหลวทันที
อย่างไรก็ตาม วิชาการกลั่นยาของป่ายหลี่เถ่นั้นแข็งแกร่งมากๆ แม้แต่ผู้นำของสมาคมโอสถก็สามารถสู้กับเขาได้แค่สูสีเท่านั้น
และสมาคมโอสถไม่ได้อยู่ในโลกกลั่นยาทั้งหมด แต่พวกเขาส่วนใหญ่จะอยู่ในโลกแห่งแพทย์
ดังนั้นป่ายหลี่เถ่จึงกลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของโลกกลั่นยา
หลินหยุนพูดเบาๆ:"ไม่ต้องใจร้อน ครั้งนี้ฉันจะดึงเขาลงจากตำแหน่งบุคคลอันดับหนึ่งของโลกกลั่นยาได้อย่างแน่นอน"
ป่ายหลี่เถ่พอใจมากๆกับการตอบสนองของทุกคนที่อยู่ด้านล่าง เขาพูดอีกครั้ง:"ทุกคนช่วยเงียบๆหน่อย!"
"ตอนนี้ฉันขอประกาศ การแข่งขันด่านที่สามเริ่มต้นได้เลย!"
ลูกศิษย์ของสำนักยาตันเดินขึ้นมายังเวที และเก็บข้าวของที่ใช้ในด่านที่สองทั้งหมดลงไป จากนั้นลูกศิษย์พวกนั้น ก็ยกเตาสามขาเนื้อสัมฤทธิ์ทั้งหมดสิบอันขึ้นมา
และมีลูกศิษย์คนหนึ่ง ได้เอาธงสีดำและสีแดงให้กับป่ายหลี่เถ่
ป่ายหลี่เถ่ยกธงที่อยู่ในมือขึ้นมา และพูดทันที:"ด่านที่สามนี้ ฉันจะเป็นผู้ตัดสินเอง"
"ยังคงเป็นกฎระเบียบเดิม ธงดำคือไฟบุ๋นธงแดงคือไฟบู๊"
"มีเวลาสิบนาที ถ้าตามไม่ทันหรือทำผิด ก็จะถูกสละสิทธิ์และตกรอบทันที!"
"ทุกคนเข้าใจแล้วใช่ไหม?"
โม่จือมิ่งอธิบายให้หลินหยุนฟังด้วยน้ำเสียงเบาๆ:"ด่านที่สามคือการทดสอบการควบคุมเปลวไฟของนักกลั่นยา ถ้าเขาถือธงดำขึ้นมา ก็ควบคุมเปลวไฟในเตาสัมฤทธิ์ให้เล็กลง แต่ถ้าเขาถือธงแดงขึ้น ก็ควบคุมเปลวไฟในเตาสัมฤทธิ์ให้ใหญ่ขึ้น"
"ด่านที่สามเป็นด่านที่ยากที่สุด ถ้าสามารถผ่านไปได้ ก็จะมีสิทธิ์ท้าประลองสำนักยาตัน"
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไรอีก ด่านแรกทดสอบเรื่องพลังและความสามารถ ด่านสองทดสอบเรื่องความขยัน ด่านที่สามก็คือทดสอบการควบคุมและความอดทน
ถ้าสามารถผ่านด่านที่สามไปได้ ก็จะกลายเป็นนักกลั่นยาที่ดีได้อย่างแน่นอน
ป่ายหลี่เถ่ประกาศอีกครั้ง:"เริ่มได้เลย!"
เนื่องจากสองด่านแรกที่ผ่านมา หลินหยุนสามารถทำคะแนนได้ดีมากๆ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์สนใจเขาทันที และเขากลายเป็นม้ามืดของงานประลองกลั่นยาในครั้งนี้
ดังนั้น เมื่อเริ่มต้นแข่งขันด่านที่สาม ทั้งผู้ตัดสินและผู้คนทั้งหลาย ต่างจ้องมองไปที่หลินหยุน
ด่านที่สาม ยังคงแข่งขันกันครั้งละสิบคน
นักกลั่นยาที่เข้าแข่งขันเหล่านั้น ต่างยืนอยู่บนเวที ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างดูการแข่งขันของพวกเขาอยู่
ป่ายหลี่เถ่มองคนกลุ่มแรกที่ขึ้นมาแข่งขันทั้งหมดสิบคน และถามทันที:"เตรียมตัวให้พร้อม ปล่อยเปลวไฟออกมา!"
นักกลั่นยาสิบคนยื่นมือไปกดไว้ที่เตาสัมฤทธิ์ ด้านในเตาสัมฤทธิ์ก็มีเปลวไฟพุ่งออกมาทันที แต่เปลวไฟนั้นไม่ได้ใหญ่มาก และมันสูงกว่าเตาสัมฤทธิ์ไม่กี่เซนติเมตร
ในเวลานี้ ทุกคนต่างเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงของตัวเองไว้ เพราะทุกคนไม่กล้าสูญเสียพลัง
มือซ้ายของป่ายหลี่เถ่ถือธงแดง ส่วนมือขวาถือธงดำ เขายื่นสองมืออยู่ในระนาบเดียวกัน
ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่ธงในมือของป่ายหลี่เถ่ทันที
"ธงสีแดง!"
ป่ายหลี่เถ่ยกมือซ้ายขึ้นมาทันที
ฟู๊ๆๆๆ!
เปลวไฟในเตาสัมฤทธิ์ทั้งสิบใบ พุ่งสูงขึ้นทันที
จากนั้นป่ายหลี่เถ่ก็ยกมือขวาขึ้น:"ธงดำ!"
ฟู่ๆ!
เปลวไฟในเตาสัมฤทธิ์ทั้งสิบใบเล็กลงทันที และเปลวไฟก็เล็กลงไปเหมือนตอนที่เริ่มการแข่งขัน
ด้วยวิธีนี้ สองมือของป่ายหลี่เถ่สลับกันยกขึ้นยกลง แต่บางครั้งเขาก็ยกธงอันเดิมขึ้นมาสองครั้งติดต่อกัน
ผ่านไปไม่นานก็มีคนทำผิด
ทั้งๆที่เป็นธงแดง แต่เปลวไฟกลับไม่ได้พุ่งขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...