สามารถพูดได้เลยว่าถ้าป่ายหลี่หลงเซิ่งสามารถกลั่นโอสถระดับสอง เขาก็เป็นคนที่เก่งจริงๆ
แม้แต่ป่ายหลี่เถ่ก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อยเหมือนกัน เขาอดไม่ได้ที่จะมองลูกชายตัวเองหลายครั้ง
"ดูเหมือนฉันประเมินหลงเซิ่งต่ำเกินไปแล้ว!"
โม่จือมิ่งก็รู้สึกอึ้งและตกใจเล็กน้อยเหมือนกัน
ยาเชิญปราณคือโอสถระดับสอง เป็นยาที่เอาไว้ฟื้นฟูพลังชี่ ถ้าโอกาสกลั่นสำเร็จต่ำกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ คนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้ากลั่นยาตัวนี้
ดูเหมือนว่าป่ายหลี่หลงเซิ่งจะมั่นใจวิชาการกลั่นยาของตัวเองมากๆ
ผู้ตัดสินคนนั้นมองไปที่หลินหยุน และถามอย่างเคร่งขรึม:"คุณชายป่ายหลี่ต้องการประลองกลั่นยาเชิญปราณ คุณจะรับคำท้าประลองนี้ไหม?"
หลินหยุนพูดเบาๆ:"เริ่มประลองได้เลย!"
"ไม่ต้องรีบร้อน ต้องทำตามขั้นตอน!"ผู้ตัดสินพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แสดงความเป็นธรรมออกมา
สำหรับขั้นตอนนั้น ก็คือการถามทั้งสองฝ่าย หลังจากทั้งสองฝ่ายยอมรับ และแข่งขันกันด้วยความยุติธรรม
หลังจากผ่านการถามแล้ว ผู้ตัดสินคนนั้นก็ประกาศทันที:"เทพโอสถที่อยู่บนสวรรค์ และทุกคนที่อยู่ในโลกกลั่นยาร่วมกันเป็นพยาน ป่ายหลี่หลงเซิ่งกับหลินหยุนเต็มใจที่จะประลองกัน"
"ตอนนี้ฉันขอประกาศ เริ่มการประลองได้!"
จากนั้นก็มีลูกศิษย์ของสำนักยาตัน ได้นำสมุนไพรที่จะกลั่นยาเชิญปราณมาให้หลินหยุนกับป่ายหลี่หลงเซิ่ง และวางลงบนโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าของทั้งสองคน
ป่ายหลี่หลงเซิ่งมองหลินหยุนด้วยสายตาที่เย็นชา เขาหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์และพูดอย่างเย็นชา:"เด็กหนุ่ม คุณต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!"
เมื่อพูดจบ จู่ๆป่ายหลี่หลงเซิ่งก็หยิบเตาสามขาออกมาจากร่างกายของตัวเอง เตาอันนี้ สีดำสนิท แค่มองก็รู้ว่าเป็นของโบราณที่ไม่ธรรมดา
จู่ๆโม่จือมิ่งก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ:"มันคือเตาสามขาอ้านยวน!"
"เป็นเตากลั่นยาวิเศษที่อยู่ในอันดับที่ยี่สิบเจ็ดของลำดับเครื่องรางเทพ!"
"ไม่แปลกใจเลยที่ป่ายหลี่หลงเซิ่งมั่นใจในตัวเองมากๆ เขามีเตากลั่นยาวิเศษนี่เอง ถ้าเป็นอย่างนี้โอกาสที่เขาจะกลั่นยาเชิญปราณสำเร็จจะเพิ่มสูงมากขึ้น
ทุกคนที่อยู่ด้านล่าง ต่างมีสีหน้าที่ตกใจและอิจฉา
"เป็นอย่างนี้นี่เอง!"
"สำนักยาตันร้ายกาจมากๆ เตากลั่นยาวิเศษแบบนี้ กล้ายกให้ชายหนุ่มอย่างป่ายหลี่หลงเซิ่งครอบครอง!"
"สำนักยาตันรวยมากจริงๆ!"
ชายชราคนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ถ้าเป็นอย่างนี้ โอกาสที่ป่ายหลี่หลงเซิ่งจะชนะก็สูงขึ้นมากๆ!"
"ฉันคิดว่าเด็กหนุ่มของหุบเขาเทพยาต้องแพ้อย่างแน่นอน"ชายชราอีกคนพูดขึ้นมาทันที
"เฮ้อ มันเป็นเรื่องยากมากๆที่จะมีคนกล้าท้าประลองกับสำนักยาตัน แต่ครั้งนี้น่าจะล้มเหลวอีกครั้งแล้ว"
เจียงย่านหรงมองหน้าป่ายหลี่หลงเซิ่งที่แสดงความภาคภูมิใจในตัวเอง เธอโกรธและพูดอย่างเย็นชา:"เลวทรามต่ำช้า แค่การประลอง ต้องใช้เครื่องรางเทพด้วยเหรอ!"
"ถึงแม้เขาจะชนะ แต่ก็ไม่ได้ชนะอย่างใสสะอาด!"
ทุกคนคิดว่าป่ายหลี่หลงเซิ่งที่มีเครื่องรางเทพอยู่ในมือมีโอกาสชนะมากกว่า แต่มีเพียงซูม่านม่านที่ไม่คิดอย่างนั้น
"หึ พวกโง่ๆทั้งหลาย พวกคุณก็มองแค่เครื่องรางเทพอย่างเดียว ทำไมไม่ลองคิดดู คนที่กล้าท้าประลองกับเจ้าสำนักยาตัน เขาจะแพ้ให้กับลูกชายเจ้าสำนักที่อาศัยพลังของเครื่องรางเทพเหรอ!"
"ถึงแม้เครื่องรางเทพจะมีพลังที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าคนที่ใช้งานมันมีพลังที่อ่อนแอ ก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของเครื่องรางเทพออกมาได้ ทำอย่างนี้อาจจะทำให้เครื่องรางเทพเสียชื่อเสียงด้วย!"
ป่ายหลี่หลงเซิ่งหัวเราะด้วยความภาคภูมิใจ เขาเริ่มกลั่นยาแล้ว
เขาค่อยๆกลั่นสมุนไพรทีละอย่างๆ จากนั้นก็ใส่มันเข้าไปในขวดยานัตถุ์หยก
หลังจากนั้น เขาก็ผสมสมุนไพรที่กลั่นเอาไว้ทั้งหมดเข้ากัน และค่อยๆให้พวกมันหลอมรวมเข้าด้วยกัน
จากนั้นก็ใช้ไฟบู๊ค่อยๆหลอมรวมพวกมันรวมตัวกัน
ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น สุดท้ายแล้วมันคงจะกลั่นยาสำเร็จ
ขั้นตอนการกลั่นยาได้รับการยอมรับของโลกกลั่นยาคือ
อันดับแรกคือกลั่นสมุนไพร อันดับสองคือรวมตัวยา อันดับสามคือกลั่นยาสำเร็จ!
ขั้นตอนการกลั่นยาของป่ายหลี่หลงเซิ่งนั้น พูดได้ว่าธรรมดามากๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย
แต่ขั้นตอนการกลั่นยาของเขานั้นไม่ง่ายเลย ถึงแม้เขาจะอาศัยพลังของเตาสามขาอ้านยวน แต่พลังของเขานั้นไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก
ดอกล้างกระดูกนั้นเป็นสมุนไพรที่ขจัดสิ่งแปลกปลอมในสมุนไพร และมันเป็นสมุนไพรที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างสมุนไพรตัวอื่นๆ
ตอนที่มันขจัดสิ่งแปลกปลอมในหญ้ารวมทิพย์นั้น มันก็จะขจัดพลังชี่ในหญ้ารวมทิพย์บางส่วนออกไป
ถ้าใช้ดอกล้างกระดูกมากจนเกินไป ทำให้ยาเชิญปราณที่กลั่นออกมานั้นมีประสิทธิภาพที่ไม่ค่อยดีนัก
บางที มันอาจจะกลั่นยาไม่สำเร็จด้วยซ้ำ
เมื่อทำแบบนี้ และถูกจับได้ ก็สามารถพูดได้ว่าจำผิด
นี่คือแผนการอันชาญฉลาดของสำนักยาตัน
ถ้าเป็นนักกลั่นยาคนอื่นๆก็คงจะหมดหนทางและจนปัญญา
แต่สำหรับหลินหยุน เขาไม่จำเป็นต้องใช้สมุนไพรเยอะขนาดนั้นเลย
การขจัดสิ่งแปลกปลอมในสมุนไพร แค่ใช้การควบคุมเปลวไฟที่แม่นยำ ก็สามารถทำได้เหมือนกัน
นักกลั่นยาที่ฉลาดจะไม่ยอมให้พลังชี่ที่อยู่ในสมุนไพรสูญเสียแม้แต่นิดเดียว
ทำไมหลินหยุนไม่ยอมขยับตัวนั้น เป็นเพราะเขาไม่อยากขยับตัวต่างหาก
ถ้าจะเอาชนะ ก็ต้องเอาชนะได้อย่างสวยงาม ทำให้ป่ายหลี่หลงเซิ่งกลัวตัวเอง ทำให้ตัวเองกลายเป็นฝันร้ายของเขาตลอดไป
เวลาไหนคือเวลาที่คนเสียใจมากที่สุด?
ไม่ต้องสงสัยเลย มันคือเวลาที่เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะเอาชนะได้ แต่จู่ๆเขากลับพ่ายแพ้ เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆ
ความสิ้นหวังนั้นไม่น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวคือการให้ความหวังคนคนหนึ่ง ในขณะที่เขาพยายามจนใกล้จะสำเร็จ แต่เขากลับพบว่า เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นแค่ความหวังของเขาเพียงคนเดียว มันจะทำให้เขาสิ้นหวังในชีวิตมากๆ
ตอนที่ป่ายหลี่หลงเซิ่งใกล้จะสำเร็จ เขาก็คงจะดีใจมากๆ ในตอนนั้นหลินหยุนก็จะทำให้เขาได้ลิ้มรสจากความสุขมากๆกลายเป็นความสิ้นหวังมากๆ
ผ่านไปไม่นาน ป่ายหลี่หลงเซิ่งกำลังกลั่นยาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว และใกล้จะกลั่นยาสำเร็จ
เขาแอบมองหลินหยุน แต่เขากลับพบว่าหลินหยุนยังคงยืนอยู่ที่เดิมและไม่ได้ขยับตัว สมุนไพรที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็ยังไม่เคยถูกขยับเลย
"ฮ่าๆๆ ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะค้นพบแล้วว่าจำนวนของสมุนไพรมีปัญหา เขารู้ตัวดีว่าต้องพ่ายแพ้ เขาก็เลยตัดใจและยอมแพ้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...