บนท้องฟ้าสูงเกือบสองหมื่นเมตร
เป็นสถานที่สำหรับพวกเครื่องบินเจ็ทความเร็วสูงใช้เดินทาง เนื่องจากอยู่สูงจากพื้นโลกมาก จึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากแรงดึงดูด ประกอบกับสภาพอากาศที่นิ่ง ทำให้ไม่มีแรงเสียดทาน จึงสามารถเร่งความเร็วได้มากขึ้น
‘ ทางเฉินจิ้งถูกตัดสัญญาณการติดต่อทั้งหมด…แม้แต่โทรศัพท์ดาวเทียมยังใช้ไม่ได้ ’
จ้าวเทียนเก็บโทรศัพท์มือถือ แล้วพยายามเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้เขาใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงไวที่สุด ไม่อย่างนั้นสถานการณ์คงจะเลวร้ายมากๆ
บูมม!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวทั่วท้องฟ้า
คลื่นโซนิคบูมได้เป่าก้อนเมฆรอบๆ จนกระจายออกไปเป็นวงกว้าง เวลานี้หนึ่งคน หนึ่งกระบี่ ได้ทะลุกำแพงเสียงเป็นที่เรียบร้อย
หากเสียงเดินทางด้วยความเร็ว 346เมตร/วินาที จ้าวเทียนในตอนนี้ก็มากกว่าเกือบหนึ่งเท่า ด้วยความเร็ว 550เมตร/วินาที ของเขา มันได้ทลายขอบเขตความเข้าใจของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
‘ ด้วยความเร็วของกระบี่ราชันสวรรค์ในตอนนี้…สองพันกิโลเมตรคงจะใช้เวลาประมาณ 60 นาที หวังว่าพอถึงตอนนั้นพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ ’
ในตอนนี้…หากมีกล้องจับภาพของจ้าวเทียนเอาไว้ได้ ก็จะเห็นเป็นเพียงลำแสงสีขาวพุ่งทะลุเส้นขอบฟ้าไป
ณ บ้านพักตากอากาศของตระกูลเดชา
ท่ามกลางซากศพมากมายของเหล่าบอดี้การ์ด สถานการณ์ในตอนนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ฝ่ายตรงข้ามคือกองกำลังชุดดำสวมหน้ากากลายตะขาบสีแดงดูน่าหวาดกลัว
แม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนไม่มาก เพียงแค่แปดสิบคนเท่านั้น แต่กลับสามารถสร้างความกดดันให้กังฝ่ายเกรียงไกรที่มีคนเกือบสามร้อยคนได้
“ แก…ทรงนัส! ฉันจำแกได้ ทรงยุทธเป็นคนสั่งให้พวกแกมาสินะ ” เกรียงไกรตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความโกรธแค้น ต่อให้อีกฝ่ายโดนเผาเป็นเถ้าถ่าน เขาก็จำได้ดี
“ หืม…ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่คุณเกรียงไกรยังจำผมได้ เราไม่ได้เจอกันเกือบสามปีแล้วใช่ไหม ” ทรงนัสถอดหน้ากากออกมาแล้วพูดด้วยเสียงเฉยชา
“ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ชาติชั่วอย่างแก…ราตรีก็คงไม่ตาย วันนี้ยังไงฉันก็จะฆ่าแกให้ได้ ” เกรียงไกรกัดฟันพูดขึ้นด้วยความโกรธ
“ ราตรีเหรอ…อ๋อ คุณหญิงราตรีภรรยาของคุณนั่นเอง จะว่าไปผมก็คิดถึงเธอเหมือนกันนะ รสชาติของเธอดีมากจริงๆ ”
“ โดยเฉพาะตอนที่ผมหั่นเธอเป็นชิ้นๆแล้วส่งไปให้คุณ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ยากจะลืมเลือน จะว่าไปวันนี้คุณพาลูกสาวมาด้วยใช่ไหม”
“ ไม่รู้ว่าคุณหนูมะลิ…จะมีรสชาติดีสู้แม่ของเธอได้รึเปล่า ” ทรงนัสแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยใบหน้าหื่นกระหาย
“ บัดซบ…พวกเราฆ่ามัน! ”
สิ้นเสียงของเกรียงไกร ทั้งสองฝ่ายก็เปิดฉากเข้าเข่นฆ่ากันทันที
ปัง!ๆๆๆๆๆๆๆ ตูม!ๆๆๆ
“ พวกเราเองก็…เริ่มเถอะ ” เห็นเพียงทรงนัสคว้าดินขึ้นมาหนึ่งกำ บริกรรมคาถาแล้วเป่าออกไปข้างหน้า
ฟูววว
กลิ่นอายที่เย็นเยียบและชั่วร้ายกระจายขึ้นมาจากพื้นดิน
แกรกก!
มือที่แห้งเหี่ยวและผุพัง แทงทะลุพื้นดินออกมานับร้อย จากนั้นกองทัพผีตายโหงก็ค่อยๆคืบคลานขึ้นมา
แฮร่!
พวกมันเปล่งเสียงคำราม แล้วพุ่งใส่สิ่งมีชีวิตรอบๆทันที โดยไม่แบ่งแยกมิตรศัตรู
นอกจากนี้ แสงสีเขียวที่สาดส่องออกมาจากดวงตาของทรงนัส มันยังได้สะกดศัตรูที่อยู่ใกล้ให้ยิงพวกเดียวกันเองอย่างบ้าคลั่งอีกด้วย
ฝ่ายเกรียงไกรเองเขาก็ไม่ได้อยู่เฉย เขาหยิบใบไม้แห้งออกมาหลายสิบใบ หลับตาบริกรรมคาถาแล้วแบมือออก
“ จงกลายเป็นต่อแตน ”
ครืนนน!
เกิดเป็นพายุหมุนกวาดม้วนไปเบื้องหน้า ใบไม้พวกนั้นได้สลายกลายเป็นฝูงแมลงพิษจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ากัดกินกองทัพผีตายโหง
จากนั้นมือขวาของเกรียงไกรก็ปรากฏ โลหะอาถรรพ์สีทองที่มีรูปร่างคล้ายควายขึ้น
“ นาสังสิโม สังสิโมนา…. ”
“ ควายธนูจงมาปกป้องคุ้มครอง ภัยอันตรายทั้งหลายให้แก่กู เพี้ยง! ”
ตูมม!
แสงสว่างระเบิดออกมาตรงหน้าเกรียงไกร เกิดเป็นควายสีทองตัวใหญ่มหึมา มันมีเขาแหลมคม และลมหายใจเปลวเพลิง
ฮูมมม!
ควายธนูระเบิดพลังออกมาอย่างรุนแรงจนพื้นดินสะเทือน แล้วพุ่งเข้าใส่ทรงนัสทันที
เปรี้ยง! โครม!
เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงขึ้นกลางสนามรบ ควายธนูของเกรียงไกร ได้ต่อสู้กับหุ่นพยนต์ของทรงนัสอย่างดุเดือด
ทางฝั่งเฉินจิ้งกับพรรคพวกอีกหกคน ก็กำลังต่อสู้กับพวกชายชุดดำเพื่อปกป้องทางเข้าบ้านพักตากอากาศเอาไว้ ฝ่ายศัตรูมีระดับผู้เชี่ยวชาญปะปนอยู่สิบกว่าคนทำให้พวกเขารู้สึกตรึงมือมาก
เปรี้ยง!
เฉินจิ้งเพิ่งจะหลบกระสุนสไนเปอร์ไปอย่างหวาดเสียว แม้ว่าตัวเขาเองจะอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ แต่ฝ่ายศัตรูก็มีการเตรียมพร้อมด้วยอาวุธหนัก และพลซุ่มยิงเพื่อต่อกรกับยอดฝีมือแบบเขาโดยเฉพาะ
‘ ฉันฆ่าไปได้สี่คนแล้ว…พวกมันเป็นสุดยอดนักรบจริงๆ ถึงขนาดจะใช้แผนระเบิดพลีชีพใส่ฉันด้วย ’
ตอนนี้เขาอาศัยความเหนือกว่าของเคล็ดวิชาและขอบเขตฝึกตน ฝ่าดงกระสุนเข้าไปสังหารผู้เชี่ยวชาญฝ่ายศัตรูที่แฝงตัวอยู่ทีละคน
เขาคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ อีกไม่นานคงจะคุมสถานการณ์ได้แน่นอน ส่วนสงครามจอมขมังเวทย์กลางสนามรบนั้น ไม่เฉียดเข้าไปใกล้คงจะดีที่สุด
‘ เคล็ดวิชาของพวกจอมขมังเวทย์น่ากลัวมาก…แค่ควายธนูตัวนั้นก็สู้ได้สูสีกับตัวฉันแล้ว ยังไม่รวมเวทมนต์คาถาที่พวกเขาใช้ใส่กันอีก’
‘ ถึงแม้ว่าพวกเราจะถูกจัดอยู่ในระดับ B เหมือนกัน…แต่ตัวฉันในยามปกติคงสู้พวกเขาไม่ไหว ต้องเปิดประตูลับกระตุ้นพลังแฝงเท่านั้นถึงจะสู้ได้ ประเทศไทยช่างน่ากลัวจริงๆ ’
บนท้องฟ้าเหนือสนามรบไปหลายพันเมตร
ชายสวมหน้ากากลายตะขาบสีดำ กำลังเผชิญหน้ากับ ชายวัยกลางคนสวมมงกุฎชฎาสีทองและเสื้อคลุมฤาษีสีขาว
ซึ่งชายสวมหน้ากากคนนี้ก็คือจางถง ที่เป็นผู้นำภารกิจฆ่าสังหารในครั้งนี้ ในตอนที่เขากำลังจะลงมือกวาดล้างศัตรูที่อยู่ด้านล่าง ก็ได้มีคนเข้ามาขัดขวางเอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน